แม้ว่าโลกก่อนนั้นนางจะเป็นแค่มือสังหาร อีกทั้งยังเป็นแค่เด็กกำพร้าจึงต้องทำอาหารกินด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งก็ซื้อหามาจากด้านนอก เพื่อความสะดวกมากของตนเองอีกด้วย
" คุณหนูใหญ่ นี่คือ ? " แม่ครัวเอ่ยถามขึ้นเพราะเห็นว่านางกำลังปรุงรสชาติของหมูที่สับจนละเอียดดีแล้ว นอกจากนี้นางยังปั้นเป็นก้อนนำไปต้มในน้ำร้อน จนมันสุกเป็นก้อนกลมๆอีกด้วย
" นี่คือหมูก้อนที่ข้าจะใช้ทำโจ๊กให้ท่านย่า " นางเอ่ยตอบก่อนจะล้วงเอายาสมุนไพรบำรุงร่างกายหยดลงไปในหม้อโจ๊กเนื้อเนียนละเอียดที่นางสั่งให้ฮุ่ยอี้มาเคี่ยวเอาไว้แล้ว
" นี่เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย เจ้าใช้มันหยดในอาหารด้วยก็แล้วกัน " บอกจบแล้วก็ยื่นไปให้แม่ครัวเก็บเอาไว้ใช้ในมื้อต่อไป
เมื่อโจ๊กหมูก้อนเสร็จแล้วนางก็ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยขิงออ่นซอยเล็กน้อย ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ยกไปที่ห้องอาหาร เนื่องจากตอนนี้ท่านย่าของนางกำลังรออยู่
" กลิ่นอะไรกัน หอมยิ่งนักทำเอาข้าหิว " ฮูหยินเฒ่าเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมของโจ๊กที่เสียนจื่ออิงทำด้วยตนเอง
" ท่านย่า หิวหรือยังเจ้าคะ ข้าทำโจ๊กอร่อยๆมาให้เจ้าค่ะ " เสียนจื่ออิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องอาหาร
" อืม เริ่มหิวขึ้นมาแล้วจริงๆด้วย แล้วนี่เจ้าเอาอะไรมา "
" นี่เป็นแค่โจ๊กหมูก้อนธรรมดาเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าใช้น้ำซุปกระดูกหมูมาใช้เคี่ยวข้าวขาวแทนน้ำเปล่า จึงทำให้ข้าวดูดซึมน้ำซุปเข้าไปด้วย ไม่รู้ว่าฝีมือของข้าจะถูกปากท่านย่าหรือไม่ " นางเอ่ยบอกพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างเศร้าหมอง พาให้หัวใจของหญิงชราออ่นยวบ
" แม่นมเอามาใกล้ๆข้า ข้าจะลองชิมสิว่า ฝีมือหลานสาวของข้าจะเลิศรสเพียงใด " โจ๊กเนื้อเนียนสีขาวสะอาดตา วางลงตรงหน้าของตน ฮูหยินเฒ่าตักขึ้นชิมรสชาติแค่คำแรกก็สัมผัสถึงความหอมหวานของน้ำซุปที่ใช้เคี่ยวโจ๊กแล้ว รสชาติกลมกล่อมลงตัว
" อืม รสดี " นางพยักหน้าขึ้นลงอย่างพึงพอใจ ในที่สุดโจ๊กก็หมดไปถึงครึ่งชามแล้ว เป็นมื้อเช้าที่นางกินได้มากกว่าทุกวัน แม่นมหลี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังลอบยิ้มอย่างดีใจ เพราะนี่เปรียบเหมือนสัญญาณที่ดีแล้ว
" ถูกปากท่านย่าหรือไม่เจ้าคะ " เสียนจื่ออิงเอ่ยถามอย่างตั้งตารอคอยคำตอบจากท่านย่าของนาง
ส่วนหญิงชรานั้นเห็นสีหน้าที่รอคอยคำชมก็นึกอยากจะแกล้งนางสักหน่อยจึงทำท่าทีนิ่งเงียบครึม ไม่ตอบในทันที หางตายังคงจ้องมองใบหน้าของหลานสาวเมื่อเห็นว่า ตอนนี้หลานสาวมีสีหน้าไม่ค่อยดีจึงกระแอมเบาๆแล้วเอ่ยชมเล็กน้อย
" อืม ที่จริงข้าชอบโจ๊กนั่นไม่น้อย รสชาติกลมกล่อมลงตัวอย่างพอดี "
" จริงหรือเจ้าคะท่านย่า ต่อไปข้าจะทำให้ท่านกินอีกบ่อยๆนะเจ้าคะ " เสียนจื่ออิงยิ้มหวานออดอ้อนหญิงชราอยู่ที่โต๊ะอาหารจนสายจึงได้กลับไปที่เรือนของตนเอง เพื่อเรียนรู้มารยามและศาสตร์ทั้งสี่ของสตรี
" คุณหนูรอสักครู่นะเจ้าคะ แม่นมหูกำลังมาเจ้าค่ะ " ฟางลิ่งเอ่ยบอกเพราะนางได้รับคำสั่งมาจากแม่นมหลี่เมื่อครู่นี้ที่มาแจ้งถึงเรือนด้วยตนเอง
" ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเตรียมน้ำชาแล้วก็ขนมมาให้แม่นมหูด้วย "
" เจ้าค่ะ "
แค่พริบตาเดียวก็ล่วงลเยผ่านไปกว่าสามเดือนแล้ว ที่นางได้ย้ายมาอยู่จวนตระกูลเสียนแห่งนี้ ซึ่งในแต่ละวันของเสียนจื่ออิงนั้นช่วงบ่ายของวัน นางเรียนรู้มารยาทและศาสตร์ทั้งสี่ที่สตรีพึงมีจากแม่นมหู ซึ่งเป็นหนึ่งในคนสนิทของท่านย่า ซึ่งได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิมของตนเองหลายปีแล้ว และกลับมาเพื่อสอนสิ่งต่างๆตามที่ฮูหยินเฒ่าต้องการให้นางสอนสั่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลเสียน
" คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเฒ่าสั่งให้บ่าวมาแจ้งว่า วันพรุ่งนี้จะไปไหว้พระที่วัดเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะติดตามไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ " สาวใช้จากเรือนหลักเอ่ยถาม
" ไปสิ พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่านย่าเอง " นางเอ่ยตอบสาวใช้จากนั้นก็สั่งให้สาวใช้ของตนเองไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่เอาไว้สำหรับสวมใส่วันพรุ่งนี้
รุ่งเช้าเมื่อเสียนจื่ออิงแต่งตัวเสร็จแล้วนางก็ออกไปที่เรือนหลักของท่านย่าทันที หลังจากที่ข้าวของสำหรับทำบุญที่วัดนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ขวบรถม้าก็เคลือนตัวออกจากจวน มุ่งหน้าไปยังวัด ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง
เมื่อรถม้ามาถึงทุกคนก็ทยอยเดินเข้าไปด้านใน เสียนจื่ออิงเดินด้านข้างของฮูหยินเฒ่ามาตลอดทาง เมื่อไหว้พระเรียบร้อยแล้ว นางจึงเอ่ยบอกกับท่านย่า
" ท่านย่า ข้าขอออกไปเดินเล่นด้านนอกได้หรือไม่เจ้าคะ " พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนไปให้ท่านย่าของตนด้วย
" ไปเถอะ ระวังตัวด้วยที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ระมัดระวังกริยามารยาทของเจ้าด้วย "
" เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว " หญิงสาวยิ้มกว้าง นัยน์ตากลมมีประกายความสดใส เดินตามสาวใช้ออกไปด้านนอกอย่างอารมณ์ดี
" คุณหนูนั่งรับลมตรงนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ " ฮุ่ยอี้เอ่ยแนะนำเพราะเห็นว่าที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และยังมีอากาศถ่ายเทสะดวกด้วย
" อืม ก็ดีเหมือนกัน ตรงนี้อากาศเย็นสบาย " นางเอ่ยตอบแล้วมองไปยังเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า และภูเขาสูงชันที่งดงามไม่น้อย นางรับลมอย่างสงบอยู่ที่ตรงนี้อยู่เนิ่นนานจนกระทั่งแม่นมหลี่มาตามให้ขึ้นรถม้ากลับจวน