"ถ้าธุระของคุณมีเท่านี้ก็ปล่อยลินทร์เถอะค่ะ ลินทร์จะรีบกลับไปทำงาน" มิลินทร์ยังคงยืนกรานตามความประสงค์เดิมของเธอ
กรณ์โมโหจนขาดสติ เขารีบกระชากเธอเข้าไปในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านในห้องทำงาน มิลินทร์พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แต่ด้วยแรงที่มากกว่า ทำให้มิลินทร์ตัวปลิวตามแรงกระชาก ก่อนที่จะลงไปนอนอยู่ที่เตียงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสังเวียนรักของเขาและเธอเมื่อคืน
มิลินทร์น้ำตาไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์เมื่อคืนกำลังจะเกิดขึ้นกับเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้กรณ์ไม่ได้เมา เขามีสติสัมปัชชัญญะทุกอย่าง แต่เขากลับเลือกที่จะทำแบบนี้กับเธออีกครั้ง
"คุณกรณ์ ปล่อยลินทร์ไปเถอะ อย่าทำแบบนี้กับลินทร์อีกเลย" มิลินทร์ยกมือไหว้น้ำตาอาบสองแก้ม
กรณ์มองมิลินทร์เล็กน้อย จิตใจของเขาเริ่มหวั่นไหว ความรู้สึกสงสารเริ่มเข้าครอบงำจิตใจเขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือความต้องการในร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ตรงหน้า เขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าลูกชายของเขากำลังเริ่มพองโตขยายตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
"เมื่อฉันอยากได้อะไร ฉันก็ต้องได้ และเธอก็ต้องให้มันกับฉันมิลินทร์" กรณ์เอ่ยเสียงพร่า ความต้องการในตัวมิลินทร์กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มิลินทร์หวีดร้องออกมาสุดเสียง เพื่อหวังว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน แต่ความหวังของเธอก็หมดสิ้นไป เมื่อกรณ์บดขยี้เข้าไปที่เรียวปากนุ่มด้วยเรียวปากของเขา เสียงร้องอู้อี้ของมิลินทร์ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ
กรณ์รู้สึกหมั่นเขี้ยว เขาจึงตบเข้าไปที่สะโพกงามหนึ่งที มิลินทร์สะดุ้งเพราะความรู้สึกเจ็บ เธอยังดิ้นรนพยายามเอาตัวรอด แต่กรณ์ก็จัดการกับชุดยูนิฟอร์มพนักงานของมิลินทร์ได้อย่างง่ายดาย
มิลินทร์เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ร่างของกรณ์ เธอเลิกดิ้นรน แล้วปล่อยให้เขาทำตามที่เขาต้องการ เพราะเธอรู้ดีว่ากรณ์ไม่มีวันหยุดความต้องการของเขาอย่างแน่นนอน
เมื่อเห็นมิลินทร์นิ่งไป กรณ์ก็ยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจ เขาจึงดำเนินเพลงรักไปอย่างดุเดือด ครั้งนี้มิลินทร์ไม่รู้สึกเจ็บเท่าที่ควร แต่สิ่งที่ตามมามันกำลังฟ้องว่ามิลินทร์รู้สึกมีความสุขไปกับเขา
ร่างกายของมิลินทร์มันกำลังทรยศเธออย่างน่าละอาย มิลินทร์ได้แต่ร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจตนเอง
กรณ์จูบไล้ตามรอยน้ำตาของมิลินทร์ เขารู้สึกสงสารเธอ ที่เธอต้องตกเป็นทาสอารมณ์ของเขา และเขาก็แปลกใจตนเองเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้เธอ เขารู้สึกว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้
มิลินทร์รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก เมื่อเขาจูบซับน้ำตาของเธอ แต่เธอก็ต้องคอยเตือนตนเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเขาคือคนที่ข่มขืนเธอ เธอจะรู้สึกดีกับเขาไม่ได้
กรณ์ยังคงบรรเลงเพลงรักเข้าใส่มิลินทร์ไม่ยั้ง ร่างบางตัวโยนตามแรงกระแทกของกรณ์ เขาปลดปล่อยกับร่างกายของมินทร์ไปถึงสองครั้ง ก่อนที่เขาจะหยุดอารมณ์ และปล่อยให้มิลินทร์กลับไปทำงานต่อ
"เอาเงินที่วางอยู่บนโต๊ะไปด้วย" น้ำเสียงสั่งการของกรณ์ยังคงก้องอยู่ในหัวของมิลินทร์
มิลินทร์ไม่ตอบ เธอรีบแต่งตัวให้เรียบร้อย เพราะเธอหายมาจากห้องอาหารนานเกินไปแล้ว เธอไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องระหว่างเธอกับกรณ์
มิลินทร์เดินออกไปจากห้องนอน แล้วผ่านห้องทำงานออกไป โดยไม่ได้หยิบเงินที่วางอยู่บนโต๊ะตั้งแต่ตอนแรก ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากได้เงิน แต่เธอก็ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นอีตัว ที่ขายตัวแลกเงิน
มิลินทร์กลับลงไปทำงาน ทั้งกายที่บอบช้ำและใจที่บอบช้ำ เธอไม่อยากจะคิดว่าคุณกรณ์หนุ่มไฮโซเจ้าของโรงแรม จะเป็นคนแบบนี้
เมื่อมิลินทร์เดินออกไปแล้ว อีกสักพักกรณ์จึงเดินตามออกมา แล้วก็ตรงดิ่งไปที่โต๊ะทำงาน เพื่อสำรวจดูว่ามิลินทร์ได้หยิบเงินไปตามคำสั่งของเขาหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าเงินยังอยู่ที่เดิม นั่นทำให้กรณ์รู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก
"เธออยากจะลองดีกับฉันใช่มั้ยมิลินทร์" กรณ์รำพึงรำพันออกมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
ห้องอาหารเดอะสกาย
มิลินทร์เดินเข้ามาทำงานต่อ ด้วยท่าทางที่ปกติ เธอกลืนก้อนความเสียใจลงไปให้ลึกสุดก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนที่เชฟวัฒนาจะเดินเข้ามาหาเธอ แล้วสอบถามด้วยความเป็นห่วง
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมหายไปนานเลย" เชฟวัฒนาเป็นห่วงมิลินทร์
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะหัวหน้า" มิลินทร์ก้มหน้าทำงานต่อ
เมื่อมิลินทร์ไม่พูดอะไร เขาก็ไม่อยากซักไซร้ เขาได้แต่ปล่อยให้เธอทำงานต่อไป หลังจากเชฟวัฒนาออกไปไม่นาน ก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่ห้องอาหาร เพื่อสนทนากับเชฟวัฒนา หลังจากเชฟวัฒนารับสายแล้ว เขาจึงเดินกลับมาหามิลินทร์ พร้อมกับเรียกเธอเข้าไปคุยในห้องทำงานส่วนตัวของเขา
"ลินทร์ คุณกรณ์ต้องการให้คุณนำอาหารไปเสิร์ฟให้เขาที่ห้องทำงานทุกวัน" เชฟวัฒนาเอ่ยออกไปด้วยความลำบากใจ เพราะสิ่งที่เขากำลังสั่งมิลินทร์อยู่นั้น มันนอกเหนือขอบข่ายงานของมิลินทร์
"เฮ้อ..." มิลินทร์ถอนหายใจด้วยความลำบากใจ นี่กรณ์คงต้องการเอาชนะเธอจริงๆ มิลินทร์ได้แค่กลัดกลุ้มกับความเอาแต่ใจของเขา "ลินทร์ปฏิเสธได้มั้ยคะ" มิลินทร์เอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวังอันริบหรี่
"เกรงว่าจะไม่ได้ คุณกรณ์ระบุมาว่าต้องเป็นลินทร์เท่านั้น" เชฟวัฒนาเอ่ยด้วยความเกรงใจ เพราะเขาก็ไม่อยากบังคับมิลินทร์ แต่คำสั่งของกรณ์นั้น เขาก็ไม่อาจปฏิเสธเหมือนกัน
"ลินทร์คงต้องทำตามคำสั่งคุณกรณ์ได้อย่างเดียวใช่มั้ยคะ" มิลินทร์เอ่ยออกไปด้วยความอัดอั้นตันใจ ทำไมกรณ์จะต้องอยากเอาชนะเธอขนาดนี้ ในเมื่อเขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเธอไปหมดแล้ว
"ผมเข้าใจลินทร์นะ ช่วงแรกก็ทำตามที่คำสั่งของคุณกรณ์ไปก่อน แล้วเดี๋ยวอีกสักพักผมจะหาทางคุยกับคุณกรณ์ให้นะ" เชฟวัฒนาเอ่ยด้วยความเข้าใจ แต่เขาก็แก้ไขอะไรไม่ได้เช่นกัน เพราะที่นี่คำสั่งของกรณ์ถือเป็นที่สุด
"ขอบคุณค่ะหัวหน้า" มิลินทร์กล่าวจบก็เดินออกจากห้องเชฟวัฒนาทันที หลังจากออกจากห้องเชฟวัฒนาได้ มิลินทร์รีบตรงไปห้องน้ำแล้วร้องไห้อย่างหนักด้วยความอัดอั้นตันใจ ถ้าเธอมีทางเลือกหรือมีเงินเก็บพอที่จะรักษาแม่เธอได้บ้าง เธอคงไม่ทนอยู่ที่นี่ในสภาพแบบนี้ มิลินทร์ได้แต่หดหู่ใจเหลือเกินกับสภาพที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้