“คุณยูกิ ถ้ารู้สึกตัวแล้วช่วยตอบหงส์หน่อยนะคะ” สะบัดหัวไล่ความคิดเข้าข้างตัวเองออกไป เอ่ยเรียกคนที่กำลังละเมอเพราะความมึนเมาอีกครั้ง
“...” แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเขาคงจะหลับลึกไปแล้วของจริง
เมื่อรอดูท่าทีอยู่ไม่กี่นาที เห็นว่าเขาคงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ เลยเลือกทิ้งเขาไว้ตรงนั้น เดินลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อตามตัวมอม้าตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
“หงส์ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลเฮียเอง”
หลังจากที่ไปตามตัวมอม้าสำเร็จ คนเป็นลูกน้องที่แลดูห่วงใยเจ้านายของตนเองอย่างมอม้าก็บ่นให้กับคนเป็นนายอยู่นานสองนาน บ่น! ทั้งๆ ที่คนถูกบ่นไม่ได้รับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้มอม้าดูไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับการที่ถูกยูกิต่อยไปเมื่อตอนหัวค่ำเลยสักนิด กลับกัน เขาดูห่วงใยคนเป็นนายแทบอยากจะปลุกมาสวดให้ยับเสียมากกว่า
“พี่มอม้ายังเจ็บแผลอยู่ ให้หงส์ช่วยดูแลคุณยูกิดีกว่านะคะ หงส์กลับไปที่ห้องก็นอนไม่หลับอยู่ดี” เพราะมันคือเรื่องจริง ฉันกลับไปที่ห้องตอนนี้ที่เกือบตีสามแล้วก็คงนอนไม่หลับ เลยอาสาอยู่ดูแลยูกิแทนจะดีกว่า
“เอางั้นเหรอ? พี่กลัวถ้าเฮียตื่นมาแล้วเจอหงส์แล้วมันจะ เอ่อ…”
ฉันเข้าใจดี คำพูดต่อไปของมอม้าคืออะไร เขาคงจะบอกว่า ถ้ายูกิตื่นมาเจอหน้าฉันจะทำให้ฉันเดือดร้อนอีก
“ไม่เป็นไรค่ะ หงส์สัญญาถ้าคุณยูกิดีขึ้นหงส์จะรีบออกไปจากห้องนี้ก่อนที่คุณยูกิจะตื่นทันที” มอม้าคงมองเห็นความตั้งใจของฉันเขาเลยยอมแพ้ พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแล้วเดินออกจากห้องไป
แต่ก็ไม่วายหันกลับมายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์เหมือนจะสื่ออะไรสักอย่างแต่ก็แค่นิดเดียวที่ฉันจับได้ เพราะตอนนี้มอม้าเดินออกไปจากห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษ ฉันขอโทษ” เสียงพึมพำของคนร่างใหญ่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงละเมอออกมาอีกครั้ง ทำให้ฉันละสายตากลับมาสำรวจอาการคนบนเตียง
“จะผิดไหมคะ ถ้าหงส์จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณยูกิกำลังขอโทษหงส์อยู่”
‘น่ารังเกียจ’ ทำไมถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองได้หน้าด้านๆ แบบนี้กันนะ
“สัญญา ฉันสัญญา” ประโยคถัดมาจากคนเมาที่แทบไม่ได้สติเปลี่ยนไป
“อย่าไปจากฉัน... ฟ้า”
ฉึก! เจ็บ! มันรู้สึกหน่วงๆ ที่ไอ้ก้อนเนื้อมีชีวิต
‘ฟ้า’ งั้นเหรอ?
คนที่เขาพร่ำขอโทษ และบอก อย่าไป ตั้งแต่แรกคงจะเป็นคนที่ชื่อฟ้าสินะ
เฮอะ! เจ็บมั้ยล่ะไฉ่หง บอกแล้วเธอมันน่ารังเกียจ คิดได้ยังไงว่าคนที่เกลียดขี้หน้าตัวเองเข้าไส้แบบยูกิจะมาสนใจความรู้สึกของเธอ
บ้าชะมัด!
เพราะน้ำตาที่มันเอ่อล้นเกือบจะหล่นออกมาจากเขื่อนทำให้ฉันเลือกที่จะลุกออกไปจากพื้นที่ตรงนี้ พื้นที่ที่เหมือนกับมีหนามนับพันทิ่มแทงขั้วหัวใจ
‘เป็นเอามากนะเรา’ ไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่แรกก็รู้ๆ ยังจะคิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะ เธอมันก็เป็นได้แค่ภาระที่เพื่อนเขาฝากฝังไว้เท่านั้นแหละ สำเนียกไว้สิ!
หมับ!
“อย่าไป อย่าทิ้งฉันไป” สัมผัสอุ่นๆ จากฝ่ามือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กๆ ของฉัน รั้งให้ฉันล้มตัวไปตามแรงดึงกระชากที่ไม่ได้แรงเท่าไหร่แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัวถึงได้ล้มลงไปทับที่อกคนหลับอยู่
ตึกตัก ตึกตัก
เต้นแรงทำไมไอ้หัวใจบ้า หยุดเต้นได้แล้ว เลิกคิดหวังลมๆ แล้งๆ เสียที
คนๆ นี้เขามีเจ้าของแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง เจ้าของหัวใจเขาคือผู้หญิงคนนั้น
‘ฟ้า’ ผู้หญิงคนนั้นต่างหาก
แหมะ~ หยาดน้ำใสๆ ร่วงหล่นกระทบเสื้อสีกรมตัวหนาของคนที่ฉันกำลังทับร่างเขาอยู่ ยูกิไม่ยอมปล่อยข้อมือฉัน แต่เขากลับใช้มืออีกข้างกระชับร่างฉันเข้าไปกอดแนบอก
“ฟ้า... เฮียขอโทษ”
อึก! เจ็บนะ! กอดฉันแต่เรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ไม่ไหวแล้ว
แล้วนี่ฉันเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงได้เจ็บกับคำพูดคนเมาละเมอแบบนี้กันล่ะ
พรึ่บ!
“อ๊ะ!” แทบจะกลั้นเสียงร้องตกใจไม่ทัน เมื่อคนที่แค่กอดเพื่อกักกันฉันไว้ก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงข้างแล้วรวบตัวฉันลงมากอดไว้แนบอกแน่นขึ้นกว่าเดิม
กลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของยูกิแม้จะมีกลิ่นเหล้าและบุหรี่ปะปนอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของกลิ่นกายบุรุษเพศลดลงไปเลยสักนิดเดียว
‘ปล่อยหงส์เถอะค่ะ แค่นี้หงส์ก็รู้สึกผิด และเจ็บมากพอแล้ว’
ได้แต่เอ่ยบอกเจ้าของกอดนี้ในใจ แต่ลึกๆ ความเห็นแก่ตัวก็ก่อเกิดขึ้น
ใจหนึ่งอยากจะไปให้พ้นจากอ้อมกอดนี้
แต่อีกใจกลับบอกว่า ขอซบตรงนี้นานๆ เถอะนะ ขอรับเอาไออุ่นของผู้ชายตรงหน้านานๆ ได้ไหม ขอพื้นที่ตรงนี้ให้ฉันได้จดจำในส่วนลึกของหัวใจ ก่อนที่ตัวจริงของเขาจะกลับมา
[Yuuki’s part]
“ปวดหัวชะมัด” พอรู้สึกตัว ก็รู้สึกถึงความจี้ดที่หัว คล้ายกับโดนของหนักทุบอย่างแรง สงสัยเมื่อคืนผมจะดื่มหนักไป
‘หอม’ จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ คละคลุ้งอยู่ภายในห้องนอนตัวเอง
กลิ่นหอมคล้ายดอกมะลิที่กำลังเบ่งบานในชามเช้า
แต่พอลองสูดดมดีๆ มันแค่คล้ายแต่กลับไม่ใช่ จะบอกยังไงดีแบบว่าเหมือนเป็นกลิ่นดอกไม้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด จะว่าเป็นกลิ่นที่สกัดมาทำเป็นน้ำหอมก็ไม่เชิง
ผมว่ามันเหมือนเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของใครสักคนมากกว่า
“ฉิบ! เก้าโมงเช้าแล้วเหรอวะ” เมื่อตั้งสติปรับโฟกัสสายตาให้เข้ากับแสงยามเช้าที่เล็ดลอดออกมาจากหน้าต่างห้องได้แล้ว ผมก็เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้องบ่งบอกเวลาที่ค่อนข้างสายกว่าปกติที่ผมตื่น
เรื่องนี้ต้องโทษสองสามีภรรยาที่ช่วยกันไซโคผมเมื่อคืน
คืองี้นะ หลังจากที่ผมระเบิดอารมณ์เมื่อวานก็โดนไอ้กรุงโซลสวดยับไปหลายรอบ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที แก้มใสก็เข้ามาร่วมวงสนทนา และคำพูดที่เธอเอ่ยออกมาแต่ละคำมันกินใจผมมากกว่าไอ้เพื่อนตัวดีอย่างสามีเธอด้วยซ้ำ
‘แก้มไม่รู้หรอกนะว่าเฮียรัก ‘ผู้หญิง’ คนนั้นมากแค่ไหน แต่ถ้าเฮียยังคงทำตัวเป็นหินแบบนี้สักวัน คนที่เฮียพร้อมจะรัก ‘เขา’ จะไม่อยู่ให้เฮียได้รักตอบ’
เป็นคำพูดที่ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันกลับกระตุ้นไอ้ก้อนเนื้อให้มันบีบเค้นระดับความแรงได้เจ็บหนึบทีเดียว
“คนที่ฉันพร้อมจะรักงั้นเหรอ?” ผมทวนคำพูดแก้มใส สมองก็พลันฉายภาพของใครบางคนที่ผมไม่คิดว่ามันจะโผล่มาในสักส่วนของซีกสมองเลยสักครา
“บ้าฉิบ! ทำไมต้องเห็นหน้ายัยนั่นด้วยวะ” ไม่ว่าเปล่า ยกมือขยี้หัวตัวเองเพื่อให้ลบภาพของไฉ่หงออกไปให้พ้นๆ
“อา... ให้ตายสิ” สบถออกมาอีกรอบ เมื่อกลิ่นหอมที่ผมได้กลิ่นตั้งแต่ตื่นมายังตลบอบอวนอยู่ไม่จาง
แต่จะว่าไป เมื่อไหร่ที่ผมได้กลิ่นนี้อารมณ์ผมจะสงบลงตลอด แม้แต่ในความฝันผมยังสัมผัสได้เลยว่ามีกลิ่นนี้ตามไปหลอกหลอนผมถึงในนั้น และมันก็ทำให้ฝันร้ายของผมค่อยๆ จางหายไปและหลับลึกกลายเป็นฝันดีในที่สุด
หลังจากเลิกฟุ้งซ่านทั้งเรื่องกลิ่นหอมและใบหน้าใสซื่อของไฉ่หงได้สำเร็จก็นั่งทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนตอนที่ผมเมาไม่ได้สติ เหมือนจะมีเสียงใครบางคนพยายามพูดคุยกับผม แต่เหมือนผมจะฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นและเผลอเรียกชื่อเธอออกมา
‘ฟ้า’ ผู้หญิงที่ผมไม่เคยลืม
ผมนั่งตั้งสติปรับจูนสมองให้เข้าที่ต่อสักพักจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำให้ร่างกายกลับมากระปรี้ประเปร่าพร้อมจะลุยงานของคาสิโนต่อ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ถึงนาที เสียงข้อความมือถือก็ดังแจ้งเตือน
ใบไม้ หล่อมากกกก : มันเคลื่อนไหวแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงผมเข้าไป
ผมกดเปิดอ่านข้อความเสร็จก็รีบเดินดุ่มๆ เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดสักชุดมาสวมแบบลวกๆ ในใจตอนนี้มันเดือนพล่านเมื่อเห็นข้อความของใบไม้ลูกน้องคนสนิทอีกคนส่งมา ‘มัน’ ที่ใบไม้บอกคือ ‘ไอ้ดำ’ คนที่ผมตามหาเมื่อสองเดือนก่อนยังไงล่ะ
หลังจากที่ออกมาจากห้องนอนผมก็มานั่งรอใบไม้เกือบจะสิบห้านาที รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เมื่อสายตาเอาแต่จ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งง่วนอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า ง่วนอยู่แบบชนิดที่ว่าไม่ยอมเงยหน้ามามองผมผู้เป็นเจ้านายและเข้ามานั่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้ตั้งเกือบยี่สิบนาที
“หิวน้ำ” ผมแกล้งกระแอมกระไอแล้วพูดออกไป
แต่คนที่ผมส่งสัญญาณบอกว่าตัวเองต้องการอะไรกลับไม่ตอบสนอง เธอยังคงนั่งสนใจแต่กองเอกสารตรงหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
‘ยังโกรธอยู่?’ ไม่มีอะไรที่ผมคิดได้ในนาทีนี้
สงสัยไฉ่หงจะยังโกรธผมเรื่องเมื่อวานเย็นอยู่สินะ แต่เดี๋ยวนะ!
คนที่สมควรโกรธอยู่คือผมไม่ใช่? ยัยนั่นเป็นคนก่อเรื่องก่อนเหอะ
“หูแตกหรือไง ฉันบอกว่าหิวน้ำ!” เพิ่มระดับเสียงแข็งๆ ออกไป ทำให้คนที่นั่งบ้างานอยู่สะดุ้งตัวพร้อมกับหันหน้ามามองผมแววตาสั่นไหว
“กลัวขนาดนั้นเชียว?” ผมถามน้ำเสียงเรียบออกไป แต่ไฉ่หงกลับทำเพียงการส่ายหน้าและลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปจากห้องทำงาน
“ใบ้กิน?” ปากไปไวกว่าความคิด ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะประชดเธอ
ตอนแรกกะจะถามว่า ‘เป็นอะไร’ เสียมากกว่าด้วยซ้ำ
“เปล่าค่ะ คุณยูกิหิวน้ำใช่ไหมคะ จะรับเป็นน้ำเปล่าหรือว่าน้ำผลไม้ดี หงส์จะได้เตรียมมาถูก” ท่าทางและคำพูดของไฉ่หงยิ่งทำให้ผมเดือดกว่าเดิมหลายเท่าตัว
คำพูดที่ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ท่าทางเฉยเมยที่แสดงออกมาของเธอมันขัดใจผมโคตรๆ
“ไม่ต้องแล้ว ไม่หิว!” ผมอุตส่าห์ลดตัวชวนคุยก่อน แต่เธอกลับแสดงกิริยาเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้
ถามคำ-ตอบคำ หรือไม่ก็ประมาณว่า สั่ง = ทำ
“ค่ะ”
แม่งเอ๊ย! ตอบรับง่ายๆ แล้วนั่งสนใจกองงานตรงหน้าอีกคืออะไรวะ?
เมินผมงั้นหรอ? หรือว่างอนผมอยู่
แต่ที่แปลกเลยคือตัวผมเองเนี่ยเป็นอะไร
ทำไมต้องหงุดหงิดที่ไฉ่หงไม่สนใจผมด้วยวะ!
แอ้ดดดด
เสียงเปิดประตูของผู้มาเยือนเหมือนเป็นเสียงกริ่งที่กดหยุดอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังจะพุ่งเล่นงานใครบางคนในห้องนี้
“มาแล้วเหรอ?” ผมลุกขึ้นแล้วเดินนำใบไม้ให้ไปนั่งคุยกันที่โซนรับแขก เลือกนั่งหันหน้ามาทางไฉ่หงเพื่อแอบสังเกตพฤติกรรมของเธอไปด้วย
“นี่ครับเฮีย” ใบไม้ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ผม
“อะไร?” ปากถามแต่มือก็หยิบซองนั้นขึ้นมาเปิดดูไปด้วย
“ที่กลบดานไอ้ลูกหมาที่พวกเราตามหาอยู่”
ผมแสยะยิ้มพอใจกับคำที่ใบไม้มันเรียกไอ้ดำ ‘ไอ้ลูกหมา’ เหมาะกับมันดี พวกหมาลอบกัดที่ถูกส่งมาจากพ่อหมาตัวใหญ่ที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน
แม้ผมจะตามสืบมาเกือบสองเดือนก็ยังไม่รู้ว่าตัวบงการใหญ่ที่ส่งไอ้ดำมาปล่อยยาในคาสิโนผมคือใคร นายใหญ่มันค่อนข้างมีอิทธิพลใช่ย่อย ไม่งั้นเครือข่ายของผมและสองพี่น้องอย่างใบไม้กับมอม้าคงตามเจอตัวมันไปนานแล้ว
“สามที่?” หลังจากที่เห็นเอกสารในซองน้ำตาล คิ้วผมยิ่งขมวดเข้าไปใหญ่
ที่กลบดานไอ้ดำมีทั้งหมดสามที่ และทุกที่ที่ถูกปริ้นออกมาบนกระดาษถูกกากบาทสีแดงไปแล้วสองจุด นั่นแสดงว่าใบไม้มันไปสำรวจมาหมดแล้ว
“ครับ ไอ้ดำมันย้ายที่กลบดานไปเรื่อย เหมือนมันมีคนช่วยหนุนหลังและคนๆ นั้นต้องมีอิทธิพลใหญ่ซะด้วย ดูจากการไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลยเกือบสองเดือน”
ใบไม้มันช่วยอธิบายขยายความมากขึ้น และผมก็เห็นด้วยกับความคิดของมัน นายใหญ่ที่บงการมันอีกทีไม่ธรรมดา แต่มันคิดผิดที่กล้ามากระตุกหนวดเสืออย่างลูกนายพลยุทธนานนท์อย่างไอ้ยูกิคนนี้
“อีกที่มึงยังไม่ไป?” เพราะมันถูกกากบาทไปแค่สองที่ ผมเลยถามมันเพื่อขอคำตอบอีกครั้ง
“ไปมาแล้วเฮีย แต่แค่สังเกตการณ์ เหมือนจะมีคนอยู่ที่นั่น แต่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนข้างในจะมีตัวประกัน”
“ตัวประกัน?” ผมถามย้ำใบไม้อีกครั้ง
“ครับ เพราะผมได้ยินพวกลูกกะจ๊อกที่เฝ้าเวรยามคุยกัน บอกให้ระวังไอ้ตัวแสบด้านบนไว้ให้ดี มันเป็นถึงมือขวาของท่าน... ชื่ออะไรสักอย่างผมไม่ได้ยินเพราะท้ายประโยคพวกมันลดเสียงลงเหมือนกลัวใครมาได้ยิน”
ผมพยักหน้าให้กับใบไม้ พร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย คนที่มันจับไว้เป็นตัวประกันคือใคร? สำคัญขนาดต้องจับไว้เป็นตัวประกันด้วยเหรอ?
ที่สำคัญสุดคือ คนที่ผมรู้จักและสนิทด้วยยังอยู่ครบ เพราะงั้นตัดไปได้เลยว่าตัวประกันที่ใบไม้ว่าไม่ใช่คนของผมแน่นอน
“เรายังไม่รู้ว่าตัวประกันคนนั้นเป็นใครอย่าเพิ่งผลีผลาม” ผมห้ามใบไม้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ถึงผมจะเย็นชาและภายนอกดูเยือกเย็นแค่ไหนแต่ก็ไม่ใช่คนใจร้อน
เอ่อ... ยกเว้นเรื่องเมื่อวานไม่รวมแล้วกัน
“แล้วเอายังไงดีเฮีย พวกเรานิ่งเฉยนานไม่ได้นะเว้ย พวกนั้นยิ่งด้อมๆ มองๆ อยู่แถวๆ คลับคุณกรุงโซลอยู่ด้วย” ที่ใบไม้พูดมันก็ถูก
เมื่อวานมันบอกผมว่าเจอไอ้ดำป้วนเปี้ยนแถวๆ ทีเอสคลับด้วย แบบนี้ไม่ดีแน่ ที่นั่นแม้คนจะพลุกพล่านแต่อย่าลืม ขนาดคาสิโนผมคนก็ไม่น้อยมันยังกล้าเอายามาปล่อยได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับการจัดฉาก ใส่ร้าย หรือจับคนในคลับเพื่อนผมมันจะทำไม่ได้
“เดี๋ยวกูส่งคนของเราไปเฝ้าทีเอสคลับเอง สงสัยคงต้องเรียกประชุมพวกทางนั้นด้วย” พวกทางนั้นที่ผมพูดก็หมายถึงเพื่อนๆ ในแก๊งผมนั่นแหละ
ไอ้กรุงโซล ไอ้เอฟวัน และเฮียไททันที่ตอนนี้แม่งแทบจะไม่เข้าคลับตัวเอง
“เฮียเองก็ระวังตัวไว้ มันคงไม่แค้นใครเท่าเฮียหรอก” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของใบไม้ผมรับรู้ดี
และใช่อย่างที่ใบไม้มันว่าไว้ ไอ้ดำมันคงไม่แค้นใครเท่าผมอีกแล้วเมื่อผมทำให้มันสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งตอนที่จับได้ว่ามันกล้ามาปล่อยยาในคาสิโนผม
“มึงก็เห็นกูเป็นไก่อ่อนไปอีกคน” ผมพูดติดขำให้ใบไม้มันสบายใจ
ผมรอบคอบพอและมีฝีมือพอตัวอยู่ แค่ไอ้สมุนอย่างไอ้ดำมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก แต่ก็ถ้าซึ่งๆ หน้าล่ะนะ ผมไม่ใช่พระเอกนิยายที่จะถูกแทงหรือปืนยิงแล้วไม่ตาย เพราะฉะนั้นก็ต้องระวังตัวไว้มากๆ เหมือนกัน
“เออ ว่าแต่เฮียมอม้าไปไหน” ใบไม้ถามหาพี่ชายน้ำเสียงใคร่รู้
จะว่าไปถ้าใบไม้มันไม่ถามถึงพี่ชายมันผมก็ลืมไปเลยนะเนี่ย วันนี้ตั้งแต่ตื่นมาผมยังไม่เห็นหัวมันเลย และผมคิดว่ามันไม่ได้โกรธเคืองอะไรผมหรอก เพราะการที่ผมวาร์ปไปนอนที่เตียงนอนได้คงเป็นฝีมือมอม้านั่นแหละ
“คิดถึงกูอยู่เหรอไอ้น้องชาย” ตายยากจริงๆ ไอ้นี่
“อ้าวเฮีย เข้ามาตอนไหนไม่เห็นได้ยินเสียงเปิดประตู” ใบไม้เขยิบก้นให้พี่ชายมันที่เข้ามาสบทบวงสนทนานั่งข้างๆ “สักพัก คุยกับหงส์อยู่”
กึก! มือที่จุดบุหรี่สูบถึงกับชะงักกับคำพูดและสายตาไอ้มอม้าที่มันมองผม
เมื่อกี้ตาผมไม่ได้ฟาด ผมเห็นว่ามันจงใจพูดกับผม แววตาเจ้าเล่ห์ของมอม้าจ้องตาผมไม่กระพริบ
“เออลืมทักทายคุณหงส์เลย สวั..”
“อย่ารนหาที่เลยไอ้น้องชาย เดี๋ยวมึงจะได้แผลเหมือนกู” ไอ้มอม้ารีบกระชากแขนน้องชายมันที่กำลังจะลุกขึ้นเพื่อกล่าวทักทายไฉ่หง
แล้วอะไรคือสายตากวนตีนที่มันมองหน้าผมพร้อมกับประโยคก่อนหน้า
“เฮ้ เฮียไปได้แผลที่ปากมาจากไหน ไปฟัดกับนักเลงที่ไหนมาเนี่ย” ใบไม้คงเพิ่งสังเกตหน้าพี่ชายตัวเองก็ตอนที่ไอ้มอม้ามันพูดจบนั่นแหละ
“นักเลง ‘หวง’ ของ”
กวนตีน! สายตาและคำพูดแม่งปีนเกลียวชะมัด แต่คิดว่าผมจะดิ้นตามคำพูดมันเหรอ? ไม่มีทาง! เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่มันว่า
“น้อยๆ หน่อยมึง อย่าให้มันเยอะ” เผลอด่าเสียงดังไปหน่อย เมื่อกี้ว่าจะไม่ดิ้นให้พวกมันได้ใจแล้วนะ แต่ก็พลั้งปากซะได้!
“อ้าว อย่าบอกนะว่าแผลนี้เฮียยูกิเป็นคนทำ” ไอ้ใบไม้ที่ตอนเกิดเหตุเมื่อวานมันอยู่เป็นเพื่อนทิวลิปอยู่ห้องนี้เลยไม่รู้เรื่องอะไร กอรปกับเมื่อวานเหตุการณ์มันค่อนข้างมาเร็วเคลมเร็วเลยทำให้ยังไม่มีใครเล่าให้มันฟังยังไงล่ะ
“อะไรวะ นี่ผมพลาดอะไรไปเปล่าเนี่ย” เมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อจากที่ใบไม้มันพูด เลยกลายเป็นว่าไอ้ใบไม้สบถกึ่งหัวเสียออกมาเบาๆ
“มึงรีบไปสืบเรื่องไอ้ดำต่อดีกว่า แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
ไอ้ใบไม้มันเป็นพวกค่อนข้างอารมณ์ร้อน และปากไว ผมไม่อยากให้มันถูกพี่ชายมันไซโคอะไรที่ไม่เป็นความจริงเข้าสมองมันเยอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมรับศึกหนักทั้งฝั่งเพื่อนและลูกน้องในการล้างสมองให้ผมสนใจผู้หญิงบางคน
“ได้เฮีย ถ้าผมสืบมาได้ว่าใครคือตัวประกันเฮียต้องยอมเล่าเรื่องที่ผมไม่รู้ฟังให้หมดเปลือกด้วยล่ะ ไม่งั้นผมจะงอนพวกเฮียทั้งสองคนเลย คอยดู”
ว่าจบไอ้ใบไม้ก็เดินกระแทกเท้าปิดประตูดังปัง! คล้ายกับบอกว่ามันแม่งโคตรหัวเสียที่ถูกพวกผมลอยแพ และเมื่อไม่มีร่างไอ้ใบไม้อยู่ร่วมโต๊ะแล้ว ทำให้ทั้งห้องตอนนี้เงียบยิ่งกว่าเดินหลายเท่าตัว
“โอ๊ย!” แต่ก็ได้ไม่นาน เสียงร้องที่ดังอยู่ด้านหน้าผมก็ดังขึ้น แต่แทนที่ผมที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของเสียงจะทันได้ลุกขึ้นไปดู ไอ้มอม้าที่นั่งหันหลังให้เธออยู่ก็รีบลุกขึ้นเดินไปถึงตัวเธอก่อนแล้ว
[End part]
เพล้ง!
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย! เป็นอะไรน่ะหงส์” เสียงมอม้าฟังดูร้อนรนเอ่ยถามฉัน
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนฉันรู้สึกคอแห้งเลยกะจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ มาดื่ม แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกมือไม้มันไม่มีแรงเลยทำให้แก้วหล่นและแตกเกลื่อนพื้น ส่งผลให้มีเศษแก้วบางส่วนกระเด็นมาโดนเท้าฉันจนได้แผล
เอาจริงๆ ฉันว่าฉันแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ออกมาจากห้องยูกิตั้งแต่เมื่อเช้า เหตุการณ์ในห้องคืนนั้นทำให้ฉันแทบจะไม่อยากมองหน้าคนเป็นเจ้านาย ต้องฝืนทนทำเป็นเมินเฉยเขา ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้ต้องการเฉยเมยแบบนั้นเลยสักนิด
ความรู้สึกฉันมันกำลังตีรวนกันไปหมดแล้วตอนนี้
ตั้งแต่ได้รับไออุ่นจากเขา แต่กลับเจ็บปวดเจียนตายเมื่อเขาคิดว่าฉันเป็นคนอื่น ผู้หญิงคนนั้น ‘ฟ้า’ คนที่ครอบครองหัวใจเขาแม้กระทั่งยามหลับและยามตื่น
“ไม่เป็นไรมากค่ะ เดี๋ยวหงส์เก็บเศษแก้วก่อนนะคะ” ฉันที่เริ่มตั้งสติได้รีบยกมือห้ามมอม้าที่วิ่งมาจวนจะถึงตัวให้ออกห่างจากพื้นที่อันตรายที่มีเศษเล็กเศษน้อยของแก้วกระจัดกระจายพร้อมกับน้ำที่นองหน่อยๆ บนพื้น
“เฮ้ย! ไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวก็ได้แผลอีกหรอก”
“โอ๊ย!”
“นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ ทำไมดื้อด้านแบบนี้วะ!”
เสียงมอม้าดูหงุดหงิดที่ฉันขัดคำสั่งเขา แถมดื้อนั่งลงใช้มือเปล่าหยิบเศษแก้วที่แตกเพื่อจะนำไปทิ้ง ผลสุดท้ายเลยถูกบาดที่นิ้วเข้าไปหนึ่งแผลใหญ่
เฮือก!
“เฮ้! หงส์ เป็นอะไรน่ะ หน้าซีดเชียว”
หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนอากาศในห้องมันกำลังจะหมดไป หลังจากที่เห็นเลือดที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากแผลที่ถูกเศษแก้วบาด ทั้งที่นิ้วมือและที่หลังเท้า
‘เลือด เลือดนองพื้นเต็มไปหมด’
“ห... หาย ใจ ไม่ออก” เสียงพูดดูติดขัดเพราะฉันกำลังรู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำตาย เมื่อในหัวฉายภาพเลือดที่นองเต็มพื้นในสถานที่ที่หนึ่ง
“หงส์ หงส์ ทำใจดีๆ ไว้นะ” มอม้าดูเป็นห่วงระคนตกใจ และก็มีเสียงอีกเสียงดังแทรกมาจากที่ไกลๆ
“เวรเอ๊ย!”
และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน เสียงที่ไม่ใช่เสียงมอม้าแน่นอน