ทลายหัวใจครั้งที่ 2

3491 Words
@Yukkii casino จะเรียกใจง่าย หรือไว้ใจคนง่ายดี หลังจากที่ยืนชั่งใจไม่ถึงสิบวิฯ ก็ตัดสินใจเดินขึ้นรถมอม้าเพื่อมาเจอกับบุคคลที่เป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง มอม้าพาฉันขับรถมาจากสถานที่ๆ เราเจอกันถึงสี่ชั่วโมงเต็ม ถึงว่าทำไมฉันพยายามตามหาเขาแถวๆ นั้นก็ไม่เจอ ‘ที่แท้ก็เพราะมันอยู่คนละซีกโลกแบบนี้สินะ’ “ถึงแล้ว เดี๋ยวยืนรอฉันแปบนะ” หลังจากที่ลงจากรถเบนซ์สีดำเงาวับ มอม้าก็สั่งให้ฉันยืนรอเขาอยู่หน้าประตูทางเข้าสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นตัวตึกที่สูงประมาณสามชั้นสามคูหาใหญ่ๆ หากมองขึ้นไปสุดคอเหมือนจะมีดาดฟ้าด้วยนะ ประตูทางเข้าตึกเป็นกระจกสีดำทึบ มีการ์ดยืนเฝ้าประตูซ้ายขวาข้างละคน มองเลยขึ้นไปเหนือประตูกระจก มีป้ายสีทองอร่ามเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ‘Yukkii Casino’ อ๋อ... ที่แท้มอม้าพาฉันมาที่คาสิโนนี่เอง “ป้ะ! เข้าไปข้างในกัน” เสียงมอม้าทำให้ฉันละสายตาและความคิดเกี่ยวกับสถานที่ตรงหน้า เมื่อกี้เหมือนเขาจะเดินไปทำอะไรสักอย่างแถวๆ หน้าคาสิโน แต่ตอนนี้เขากำลังเดินนำเข้าไปข้างในแล้ว ก้าวแรกที่ฉันเหยียบย่างผ่านพ้นประตูของยุกกี้คาสิโน ข้างในค่อนข้างกว้างขวางน่าจะจุคนได้ราวๆ ร้อยคนได้มั้ง บรรยากาศภายในดูครึกครื้นค่อนไปทางเสียงดังเพราะมีคนมาใช้บริการเยอะแยะเต็มไปหมด ฝั่งซ้ายมือของฉันจะเป็นพวกตู้เกม ตู้สล็อตและอีกเยอะแยะวางเรียงๆ กันเป็นแถวๆ ตรงกลางจะเป็นโต๊ะไพ่ โป๊กเกอร์ โต๊ะสนุกเกอร์ก็มี และอะไรอีกไม่รู้ซึ่งฉันไม่สันทัดกับทางนี้เลยบอกไม่ถูก มองเข้าไปข้างในสุดติดกำแพงปูนที่มีลวดลายเพ้นส์สีสันแปลกตา เหมือนจะเป็นโซนบาร์เล็กๆ สำหรับให้ลูกค้าที่มาใช้บริการไปนั่งผ่อนคลาย สาวๆ ในชุดเด็กเสิร์ฟสีขาวดำกระโปรงบานสั้นเลยเข่าแค่คืบ สวมที่คาดผมกระต่ายหูยาว เดินกันให้ควั่ก แต่ละคนหุ่นดีๆ สวยๆ กันทั้งนั้น “เดี๋ยวเธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ขอเข้าไปบอกเฮียก่อน” หลังจากที่มอม้าพาฉันเดินผ่านชั้นลอยที่สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของชั้นหนึ่ง เดินขึ้นอีกสิบกว่าขั้นก็จะเป็นชั้นสอง ก่อนที่พวกเราจะหยุดอยู่ตรงหน้าห้องๆ หนึ่งของชั้นนี้ ฉันมองดูรอบๆ บริเวณหน้าห้องที่เงียบสงัดแลดูวังเวงเมื่อยืนอยู่คนเดียว พลันสายตาสะดุดเข้ากับป้ายที่เขียนแปะไว้ที่หน้าประตูห้องไม้สักตรงหน้า ป้ายสีขาวผืนผ้าน่าจะยาวสักไม้บรรทัดหนึ่ง เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงสดเหมือนสีเลือด ฉันเชื่อเลยว่าใครที่ได้อ่านข้อความจากป้ายนี้ต้องมีอาการ ‘ขนลุก’ และ ‘กลืนก้อนหนืดๆ ลงคอ’ เหมือนฉันแน่ๆ ‘พื้นที่ส่วนตัว ไม่อยากตาย!... เคาะประตู’ ช่างเป็นข้อความเตือนภัยถึงความเกรี้ยวกราดของเจ้าของห้องได้ดีจริงๆ หรือว่าเขาอาจจะเป็นพวกเจ้าพ่อมาเฟีย หรือพวกมีอิทธิพลแถบนี้? แอ้ด~ “เข้ามาสิ” ฉันที่ยืนรอหน้าห้องได้ไม่นาน มอม้าก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับเรียกให้ฉันเข้าไปภายในห้องเชือดตรงหน้า [Yuuki’s part] ทำไมวันนี้ตาขวาผมกระตุกแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้ววะ นี่ขนาดนั่งดูพวกบัญชีรายรับ-จ่าย ของยุกกี้คาสิโนที่ผมเป็นเจ้าของมาเกือบชั่วโมงแล้ว แม่งยังไม่หายกระตุกเลย มีแต่ยิ่งกระตุกถี่ขึ้นซะอีก ก๊อกๆ จู่ๆ เสียงประตูห้องก็ถูกเคาะด้วยฝีมือใครสักคน เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาแบบที่ไม่ต้องรอผมเอ่ยบอก สันดานแบบนี้มีไม่กี่คนหรอกครับ “ผมพาคนมาหา” ว่าแล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนผมก็ไอ้มอม้า ลูกน้องคนสนิทมือขวาของผมที่ผมรักมันเหมือนกับน้องในไส้ “ใคร?” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตายังคงจดจ่อกับพวกตัวเลขตรงหน้าเหมือนเคย “ผู้หญิง โคตรน่ารักอะเฮีย” พรึ่บ! ผมปิดแฟ้มเอกสารทันที หลังจากที่มอม้าบอกว่ามีผู้หญิงมาหาผม ปกติผมไม่เคยมีลูกค้าหรือแขกผู้หญิงสักคน แล้วใครที่ไอ้นี่มันพามา “ให้ผมพาเข้ามาเลยแล้วกันเนอะ เฮียจะได้เลิกคิ้วเป็นปมแบบนั้น” มอม้าพูดเองเออเองอยู่คนเดียว แล้วเดินไปเปิดประตูให้ใครสักคนเข้ามา “มาแล้วครับเฮีย” เสียงมอม้าบอกผม พร้อมกับร่างผู้หญิงที่ดูเด็กมาก กะจากระยะสายตาน่าจะสูงประมาณ 165 เซนฯ ได้ “สวัสดีค่ะ” เสียงเล็กๆ ใสๆ ฟังนุ่มหู แต่ผมกลับรู้สึกรำคาญดังขึ้นพร้อมกับสองมือน้อยๆ ยกไหว้ผมแบบมีมารยาท “คนนี้?” ผมเลิกคิ้วถามมอม้า ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลอ่อนๆ ถึงกลางหลัง ใบหน้าขาวใส ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลดูแปลกตา “อ้าว! เฮียจำเธอไม่ได้เหรอ ก็ไหนเธอบอกว่าเฮียช่วยชีวิตเธอไว้” อะไรของไอ้มอม้ามันวะ! ผมทำหน้างุนงงใส่มัน พร้อมกับปรายตาเฉี่ยวคมของตัวเองมองหน้าผู้หญิงที่อ้างตัวว่าผมเคยช่วยเหลือเธอ เพ่งพินิจตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะมองยังไง ผมก็ไม่ยักกะจำได้ว่าเคยไปช่วยหรือเจอเธอที่ไหนมาก่อน “เราเคยเจอกัน?” ผมถามผู้หญิงตาสีฟ้าด้วยเสียงนิ่งๆ “ค่ะ ที่ตรอกนั่น” เธอตอบเสียงฉะฉาน “ตรอกนั่น ตรอกไหน วันไหน” ผมรัวคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงปนหงุดหงิด ผมไม่ชอบเสวนากับพวกผู้หญิง แค่เห็นหน้ามันก็ดูขัดหูขัดตายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก แต่ก็ยกเว้นบางคน “เอ่อ...” เธอพูดเสียงติดขัด หันไปมองหน้ามอม้าด้วยแววตาละห้อย “เฮียอย่าทำหน้าตาเหมือนจะฆ่าหงส์แบบนั้นสิ” มอม้าบ่นให้ผมเสียงเอือมๆ ผมเลยมอบสายตาพิฆาตให้มันไป “เล่ามา เสียเวลา” ขี้เกียจเปิดศึกน้ำลายกับไอ้ลูกน้องปีนเกลียวข้างๆ เลยหันไปไล่บี้เอากับผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าแทน “คือ วันนั้นที่ตรอก ฉันไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่...” ยัยตัวเล็กพูดเสียงแผ่วเบา คล้ายกับกำลังนึกชื่อสถานที่ “ช่างสถานที่มัน เล่าเหตุการณ์มาเผื่อจำได้” ผมบอกปัดไปตามอารมณ์ที่เริ่มจะรำคาญการพูดคุยกับเพศแม่แบบนี้ “วันนั้นฉันกำลังจะโดนรุมข่มขืน แต่โชคดีที่คุณเข้ามาช่วยจัดการไว้ได้ทัน แต่ ฉันยังไม่ทันขอบคุณ คุณก็เดินหนีออกมาก่อน” ฟังดูคุ้นๆ นะ เหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนผมจะไปตามหาไอ้หนอนบ่อนไส้ที่กล้ามาล้วงคองูเห่าถึงถิ่นด้วยการเอายามาปล่อยให้คนที่มาเสี่ยงดวงที่คาสิโนผม ผมตามสืบจนรู้ว่ามันไปกลบดานอยู่แถวๆ อู่ขนส่งไทย-ฮ่องกง ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผมพอจะรู้จักมักจี่ รอมันอยู่เกือบสามชั่วโมงแต่ไม่เห็นแม้แต่วี่แววมัน สงสัยจะมุดหัวอยู่ใต้ดินหรือไม่ก็หนีหางจุกตูดกลับไปฟ้องไอ้พ่อหมาที่ส่งหมาเลียแข้งแบบ ‘ไอ้ดำ’ มาเป็นไส้ศึกที่ถิ่นผมแล้ว “แล้วยังไง เธอตามหาฉันเพื่อ?” เข้าใจว่าเคยช่วย แต่ไม่เข้าใจเธอจะตามหาผมทำไม “เอ้า! ผมก็บอกเฮียแล้วไงว่าน้องหงส์จะมาตอบแท..น” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามอม้าที่มันกำลังเสือกเล่าในสิ่งที่ผมไม่ได้ถาม “แฮ่ๆ ลืมตัว มันอึดอัด” อึดอัดกับผีสิ! ผมใช้สายตาด่ามัน ส่ายหัวเบาๆ กับความขี้เสือกของไอ้มอม้า “ตอบ!!” ผมหันไปดุผู้หญิงที่น่าจะชื่อหงส์อะไรสักอย่างที่มอม้ามันเรียก เธอถึงกับสะดุ้งตัวโหยงเพราะตกใจเสียงผม “หงส์ จะมาตอบแทนค่ะ มีคนเคยบอกว่าบุญคุณต้องทดทะ...” “ไม่ต้อง!! ฉันไม่อยากได้อะไร” เธอพูดยังไม่ทันจบประโยค ผมเลยพูดตัดความรำคาญ ไอ้ตอบทงตอบแทนห่าเหวอะไรผมไม่ต้องการ ถ้ารู้ว่าจะมาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ผมไม่ให้ไอ้มอม้าพาเข้ามาเด็ดขาด! “เฮีย!” ไอ้มอม้าเรียกผมเสียงดัง ปกติถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทมาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผม ยืนบนพื้นได้ไม่ถึงสามวิหรอกครับ นอนหมดสติที่พื้นแน่นอน “แต่หงส์อยากตอบแทนบุญคุณจริงๆ นะคะ จะให้หงส์ทำอะไรก็ได้ หงส์ทำได้ทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ตอบแทนหงส์คงอยู่ไม่สุขแน่ๆ เลยค่ะ” อา~ น่ารำคาญเป็นบ้า ผมเบื่อผู้หญิงได้ยินมั้ย! “ก็บอกอยู่ว่าไม่ต้อง!” ผมยืนยันคำเดิม การที่ผมเข้าไปช่วยเธอที่ตรอกมืดๆ วันนั้นเพราะรู้สึกหงุดหงิดที่ไปยืนรอไอ้ดำแล้วไม่เจอตัวมัน จังหวะที่จะเดินกลับมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตรอกตรงนั้น สองตาดันไปเห็นอะไรสนุกๆ น่ายืดเส้นยืดสาย เลยเดินเข้าไประบายอารมณ์หงุดหงิดนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นบุญคุณช่วยชีวิตของยัยผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ “แต่ว่า” ดื้อจริงๆ ทำไมยัยนี่ถึงได้น่าหงุดหงิดแบบนี้กันวะ! “เอาน่าเฮีย น้องหงส์เขาอุตส่าห์ตามหาเฮียตั้งหลายวันเลยนะ ไม่รู้กว่าจะเจอผม เธอผ่านอะไรมาบ้าง รู้อยู่หรอกว่าเฮียไม่ชอบผู้หญิงเพราะ...” ตุ้บ! ผมตบโต๊ะดังลั่นเพื่อเบรกสิ่งที่ไอ้มอม้ากำลังจะล้ำเส้นเอ่ยมันออกมา สิ่งที่ผมไม่อยากให้ใครมากระตุ้นมันในสมองส่วนลึกที่กักเก็บมันเอาไว้ “เฮียก็อย่าใจร้ายสิ หยวนๆ ให้เธอหน่อยเหอะ เห็นแก่ผู้หญิงตาฟ้าๆ ตัวเล็กๆ ที่กระตือรือร้นเสาะหาเพื่อทะ...” “เออ! เอาที่มึงสบายใจเลยไอ้มอม้า กูยกให้มึงจัดการ” ด้วยความรำคาญไอ้มอม้าที่ผมรู้นิสัยมันดี ถ้ามันคิดจะยื่นมือช่วยใครมันจะช่วยให้ถึงที่สุด เลยปล่อยให้มันจัดการเองตามใจชอบไปเลยแล้วกัน ‘เอาที่มึงสบายใจ แล้วก็ไสหัวออกจากห้องกูซะ!’ ผมบอกมันทางสายตา เราสองคนแค่มองตาก็อ่านใจกันออกแล้วไง ก็นะ สนิทกันมาตั้งเกือบสิบปี สนิทยิ่งกว่าพวกไอ้กรุงโซลซะอีก มีหรือเรื่องแค่นี้ไอ้มอม้ามันจะเดาความคิดผมไม่ออก หลังจากที่มอม้าออกไปจากห้องทำงานผมได้ไม่ถึงสิบนาที มันก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับคำถามร้อยแปดที่ผมต้องตอบมัน “ตกลงเฮียเคยช่วยหงส์ไว้จริงๆ เหรอ อย่าบอกนะว่าเฮียแอบไปตามสืบเรื่องไอ้ดำ ผมบอกเฮียแล้วว่าเดี๋ยวจัดการเอง มันอันตราย” เฮ้อ! ผมได้แต่ถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่การกลับมาอีกครั้งของมอม้า มาพร้อมการสวดในเรื่องที่ผมทำก่อนหน้ายาวเหยียด ทำยังกับผมกับมันเป็นคู่รักกัน “กูขี้เกียจรอมึง นั่งรอแต่ในห้องเดี๋ยวง่อยแดก” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ “เออ! ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ก็โชคดีที่เฮียไม่เจอมัน ไม่รู้ว่าเป็นกับดักล่อเฮียให้ไปติดกับหรือเปล่า” “มึงเห็นกูเป็นไก่อ่อนขนาดนั้นเชียว?” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามัน “ไม่ใช่แบบนั้น โว๊ย! เออ! เฮียแม่งเก่งอยู่แล้ว ผมรู้ว่าเฮียเอาตัวรอดได้ แต่เป็นห่วงเจ้านายนี่ผมผิดมากเหรอวะ!” ครั้งนี้ดูมอม้าจะหัวเสียอย่างมาก ผมรู้ว่ามันรักผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เหมือนที่ผมก็เห็นมันเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ เหมือนกัน “เออๆ ต่อไปกูจะรายงานมึงก่อนทำ” สุดท้ายผมก็ยอมให้กับความง๊องแง๊งของมัน “แล้วเรื่องหงส์ทำไมเฮียถึงไม่ยอมรับการตอบแทนของเธอ” จบเรื่องหนึ่ง ก็วกกลับมาเรื่องผู้หญิงคนนั้น อะไรมันจะแคร์เธอขนาดนั้นวะ หรือว่าแอบปิ้งๆ ผู้หญิงตาสีฟ้า “เฮ้! เฮียอย่าคิด ห้ามคิด ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอเหอะ” มอม้าคงอ่านความคิดผมออก มันเลยรีบร้อนตัวบอกปัดไป “ผู้หญิงตัวเล็กๆ มึงคิดว่าจะตอบแทนอะไรกูได้ นอกจากเรื่องบนเตียง” ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะมาตอบแทนอะไรผมที่มีทุกอย่างครบแบบนี้ นอกจากในหัวเธอคิดจะจับผมทางลัดมากกว่าการตอบแทนจริงๆ “ผมว่าหงส์ไม่ใช่คนแบบนั้น เฮียแม่งระแวงผู้หญิงมากเกินไป” มอม้าใช้น้ำเสียงตำหนิผมแบบออกนอกหน้า “แล้วมึงคิดว่ายัยนั่นจะตอบแทนกูได้ยังไง ไหนลองยกตัวอย่างสิ” ผมคาดคั้นให้มันลองยกเหตุผลหรืออะไรสักอย่างที่มันมองผู้หญิงคนนั้นให้ผมหายแครงใจ “หงส์เป็นคนดี ถือเนื้อถือตัวแบบนั้น ผมว่าเธอคงไม่คิดเอาร่างกายตอบแทนแบบที่เฮียคิดหรอก แต่ไอ้เรื่องที่ว่าเธอจะตอบแทนยังไง ผมก็ไม่รู้ว่ะ” เห็นมั้ย! มันยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าโง่ๆ แบบนั้นจะตอบแทนผมได้แบบไหน แล้วยังจะมาหาว่าผมคิดอกุศลกับเธออีก “แต่เฮียจะด่วนสรุปเอาเองแบบนี้ไม่ได้ ผู้หญิงไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน” ไอ้มอม้าเน้นประโยคท้ายแบบหนักแน่น ผมรู้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร “ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด มึงอย่ามาพูดให้ดูดี ถ้าไม่เจอกับตัว” ผมขบกรามกรอด พูดเสียงรอดไรฟันออกไป “เมื่อไหร่เฮียจะลืมเรื่องนั้นสักที นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วจะเก็บมันให้เป็นไฟสุมอกไปถึงเมื่อไหร่” มอม้าเริ่มจะหัวเสียใส่ผม เวลาเราคุยเรื่องพวกนี้ทีไร มันที่รู้อดีตทุกอย่างของผมดีกว่าคนอื่นๆ ก็มักจะเตือนสติผมแบบนี้ทุกครั้ง “แต่ก็ยังดี ที่เฮียยังไม่ไล่เธอไป ผมจะถือโอกาสให้เธอดูแลเฮียทุกอย่าง” ผมรีบหันขวับมองหน้าไอ้มอม้าที่ตัดสินใจเอากระดูกมาแขวนคอผมทั้งๆ ที่ผมก็อุตส่าห์คว้างมันจากคอตัวเองแล้วแท้ๆ “มึงคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทัน” ผมชี้หน้ามอม้าอย่างคาดโทษ มันคงคิดจะให้ยัยตาฟ้านั่นมาทำให้ผมคุ้นชินและเลิกหวาดระแวงผู้หญิง “ไม่รู้ รู้ทันแล้วไง เฮียปล่อยให้ผมจัดการแล้ว ห้ามกลับคำเด็ดขาด!” ฉิบหาย!! กูจะบ้าตาย ไม่น่าพลั้งปากใจอ่อนให้กับความช่างเซ้าซี้ของมันเลย “เอาที่มึงสบายใจ อย่าล้ำเส้นให้มาก แล้วก็ ยัยนั่นจะทนคนอย่างกูได้นานแค่ไหน กูไม่รับประกัน!” ผมพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็หันกลับมาสนใจงานที่ค้างกองพะเนินอยู่ตรงหน้าตามเดิม ส่วนไอ้มอม้ามันก็เดินออกไปจากห้องแทบจะทันที ผมเป็นถึงเจ้าของคาสิโน แต่ต้องมานั่งเหนื่อยกับกองบัญชีตรงหน้า ไหนจะเจอลูกน้องกวนประสาทอย่างมอม้านี่อีก ถ้ารวมใบไม้ที่เป็นคนสนิทมือซ้ายผมอีกคนมาร่วมด้วยช่วยกันผมคงจะประสาทแดกตาย ใครว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นมันสบายวะ ลองมาบริหารยุกกี้คาสิโนของผมดูแล้วคุณจะรู้ แม้แต่นรกยังไม่ทำให้คุณปวดหัวเท่ากับมอม้ากับใบไม้ลูกน้องผมเลย [End part] หลังจากที่ถูกเจ้าของห้องไล่ออกมาแบบไม่สนใจใยดี ฉันก็ได้แต่เดินคอตกตามมอม้ามายังชั้นล่าง “อย่าไปสนใจเฮียแกเลย เฮียแกก็เป็นแบบนี้แหละปากหมา แต่ใจดีนะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองมอม้าแทบจะไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำว่าใจดีของเจ้านายเขา ถ้าแบบคนในห้องนั้นเรียกใจดี แล้วคนบนโลกนี้จะมีใครใจร้ายเหรอ? “ไม่เชื่อฉันสินะ เดี๋ยวหงส์อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ใหม่ๆ ใครก็กลัวเฮียแกแบบนี้ทุกคน” “แล้วนายไม่กลัวเหรอ เห็นการพูดคุยในห้องแล้วดูท่าจะสนิทกันมาก” ฉันถามมอม้าพร้อมกับหน้าตาที่รอฟังคำตอบจากเขาแบบลุ้นๆ “ฉันกับเฮียยูน่ะรู้จักกันมาเกือบสิบปี เฮียแกเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมือนกัน” “งั้นนายก็มาทำงานที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขาเหมือนหงส์งั้นเหรอ แล้วทำไมทีหงส์พูดเขากลับไม่ต้องการ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ “เพราะแต่ก่อนเฮียเขาไม่ใช่คนแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช้เพราะ.. ช่างมันเถอะอย่ารู้ดีที่สุด” เหมือนมอม้ากำลังจะหลุดเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเฮียของเขาออกมาแต่ก็ตั้งสติได้เสียก่อนจึงหยุดคำพูดนั้นไว้ “เออจริงสิ! หงส์ยังไม่รู้จักชื่อเฮียแกนี่หว่า” ถ้ามอม้าไม่พูดฉันก็ลืมถามไปเลย ตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนหน้า ฉันก็ยังไม่ได้ยินเขาแนะนำตัวหรืออะไรสักอย่าง นอกจากสายตาเย็นชาที่มองฉันเหมือนอากาศธาตุที่มองไม่เห็น “เจ้านายนายไม่เปิดโอกาสให้หงส์ได้ถามชื่อเลย แล้วตกลงเขาชื่ออะไรเหรอ หงส์จะได้เรียกถูก” ฉันทำตาวิ้งๆ ใคร่อยากรู้มองหน้ามอม้า “เฮียยูกิ เวลาหงส์เจอก็ทักทายเฮียแกบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน” มอม้าพูดพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์มองหน้าฉัน “ชิน?” ฉันเอียงคอหน่อยๆ มองหน้ามอม้า “ฉันอยากให้หงส์ช่วยพูดกับเฮียยูแกบ่อยๆ แกจะได้ชินกับผู้หญิงสักที” “เอ่อ ขอถามได้ไหม?” ฉันเว้นประโยคต่อไปไว้ชั่ววิฯ มองหน้าคนตรงหน้าเพื่อรอคำตอบว่าจะให้พูดต่อได้หรือเปล่า มอม้าพยักหน้าอนุญาตฉันเลยพูดต่อ “ฟังจากที่นายพูดๆ มา เหมือนคุณยูกิจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงเลย หรือว่าเขาจะเป็น...” “เฮ้ยบ้า! ไม่ใช่แบบนั้น อย่าไปเที่ยวพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะ ยิ่งเป็นเฮียยิ่งห้ามหลุดปากเด็ดขาด ไม่งั้นแม้แต่ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้นะเว้ย!” อา... เกือบไปแล้วไฉ่หง ฉันรีบยกมือปิดปากตัวเองแน่น เกือบหาเหาใส่หัวแล้วมั้ยล่ะ “เฮียแกก็ไม่เชิงไม่ชอบผู้หญิงหรอก เอาเป็นว่าก็คุยด้วยได้ แต่แค่ถ้าเลี่ยงได้แกก็จะเลี่ยง” ฉันพยักหน้ารับ มือยังคงปิดปากตัวเองไว้เหมือนเดิม “ถ้าเธออยากตอบแทนบุญคุณเฮียยูจริงๆ ก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะให้เธอเป็นคนดูแลเรื่องเกี่ยวกับเฮียยูกิทุกอย่างเอง” “อื้ม หงส์จะทำสุดความสามารถเลย” ฉันตอบมอม้าด้วยใบหน้าจริงจัง “แล้วหงส์อายุเท่าไหร่ ลูกเต้าเหล่าใคร” มอม้าซักประวัติฉัน “คือที่จริง หงส์ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร พ่อแม่ชื่ออะไร เพราะตั้งแต่หงส์มาที่นี่ หงส์ก็อยู่กับผู้ชายในภาพวาดที่นายเห็น เขาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหงส์ เป็นคนบอกว่าตัวหงส์เองชื่ออะไร อายุเท่าไหร่” “ความจำเสื่อม?” มอม้าทำคิ้วขมวดระคนตกใจ หลังจากที่ฉันเล่าประวัติตัวเองที่รู้คร่าวๆ ให้เขาฟัง “ก็น่าจะ” ฉันพยักหน้าหงึกๆ ตอบ “เฮ้อ! ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเธอถึงได้มาเจอเรื่องน่าสงสารแบบนี้นะ” สีหน้ามอม้าบ่งบอกว่าเขาสงสารฉันจากใจจริง “แล้วอายุล่ะ ฉันยี่สิบหก” มอม้าถามพร้อมกับบอกอายุตัวเอง “ฉิงเฉาบอกว่าฉันย่างยี่สิบเอ็ดน่ะ” ฉันยิ้มมุมปากตอบมอม้า “ห่างกันห้าปีเลย งั้นหงส์เรียกฉันว่าพี่มอม้าแล้วกัน” “ได้ค่ะ แต่หน้าพี่ยังอ่อนกว่าอายุอยู่นะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับรอยยิ้มแซวขำๆ มอม้าเองก็ยิ้มเขินๆ ตอบฉันเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD