“ผมเป็นพ่อของริวา พอใจในคำตอบหรือยัง” ราเอลตอบเสียงดังชัดเจน ต้อนทิมนิดาจนเดินไปจนมุม หนีเขาไปไหนไม่ได้อีก
เมื่อถูกต้อนจนเดินหนีไปไหนไม่ได้ ทิมนิดาก็เริ่มหวาดกลัวจับใจ กระนั้นยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยไม่เผยอาการให้ราเอลได้เห็น
“ได้เจอผู้ปกครองของริวาสักทีก็ดีเหมือนกัน จะได้เรียกค่าเสียหายที่ริวาทำไว้กับรีสอร์ทของฉัน”
“ริวาทำอะไร” คราวนี้ราเอลถามเสียงห้วนจัดแทบจะทันทีที่ทิมนิดาพูดจบ
ทิมนิดาไม่ตอบในทันที เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามีพื้นที่ให้เธอยืนน้อยเต็มที แถมยังหายใจติดขัดไม่ทั่วท้อง เมื่อมีสายตาคมกริบจ้องมองเขม็ง จนเกิดอาการแปลกๆ ขึ้นในตัวเธอ
“คุณถอยออกไปก่อนได้ไหม จะไปนั่งคุยกันที่โซฟาก็ได้”
“ไม่ ผมต้องการยืนคุยกับคุณตรงนี้”
ราเอลยืนกรานถึงความต้องการของตัวเอง เพราะรู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้กลิ่นกายสาวหอมระรินมาปะทะจมูก ขณะกำลังทะเลาะกับทิมนิดา
“บอกมาว่าริวาทำอะไรไว้ และกรุณาพูดความจริงทั้งหมด ห้ามใส่ร้ายริวาเด็ดขาด”
“ฮึ! ใส่ร้าย? ฉันจะใส่ร้ายแขกในรีสอร์ททำไม แต่ฉันกำลังจะบอกความจริงว่าริวาเช่ารถยนต์ของทางรีสอร์ท และตอนนี้เขาก็หายเงียบเข้ากลีบเมฆพร้อมกับรถคันใหม่ป้ายแดง ที่ฉันเพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำไป”
ทิมนิดายอมรับว่าเสียดายรถคันใหม่ที่เพิ่งซื้อมา และนอกจากนั้นก็ยังเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของหนุ่มน้อยที่เช่ารถจากทางรีสอร์ทไปด้วย
ราเอลถึงกับหันไปมองหน้าฟรานส์ เมื่อได้รับรู้ข่าวใหม่เกี่ยวกับริวา ซึ่งฟรานส์ได้ส่ายหน้าช้าๆ ราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“คุณบอกว่าริวาเช่ารถยนต์ของคุณไป แต่ทำไมพวกผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
ทิมนิดาหรี่ตาลงเต็มไปด้วยความสงสัยกับคำถามของราเอล “คุณกำลังจะบอกฉันว่ารู้เรื่องทุกอย่างของลูกชายคุณเป็นอย่างดี ยกเว้นเรื่องการเช่ารถยังงั้นหรือคะ”
“ใช่ ผมรู้เรื่องทุกอย่างของริวา ยกเว้นเรื่องการเช่ารถยนต์ไปจากคุณ และต้องการรู้ให้ได้ว่าริวาเก็บอะไรไว้ในตู้เซฟบ้าง”
คำตอบของราเอลเป็นการบอกกลายๆ ว่าเขาต้องการทำอะไร และทิมนิดาก็เค้นเสียงปฏิเสธในทันที
“ถ้าคุณคิดจะเปิดเซฟโดยที่ไม่มีริวาอยู่ด้วย ก็ต้องบอกว่าฉันไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“ทำไม”
ราเอลถามเสียงห้วนๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าต้นแขนเล็ก กระชากเต็มแรงจนร่างบางถลาเข้ามาใกล้ ได้กลิ่นกายหอมละมุนมากกว่าเดิม ทำเอาหัวใจของเขาถึงกับเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ให้ตายเถอะ ทำไมมือสั่น ใจสั่นแบบนี้ว่ะ’
ราเอลสบถถามตัวเองอยู่ในใจ พอทอดสายตาจ้องมองเรียวปากอิ่มสีกุหลาบที่อยู่ห่างไกลไม่กี่ปลายนิ้วสัมผัส ก็แทบอดใจไม่ไหว เกือบลืมตัวกระชากหญิงสาวมาบดขยี้จุมพิตตามที่หัวใจสั่งการ
ทิมนิดาพยายามบิดต้นแขนให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ก็ไม่สามารถหาอิสระให้กับตนเองได้
“นี่คุณ ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้ จะมาจับแขนฉันไว้ทำไม”
“ตอบคำถามของผม นกยูง”
ราเอลไม่ได้ออกคำสั่งแต่ปากเท่านั้น มือใหญ่บีบต้นแขนเล็กไว้แน่น ดวงตาคมกริบแข็งกร้าว ถลึงมองทิมนิดาไม่กะพริบตา
ถ้าคิดว่าทิมนิดาจะเป็นพวกสมองนิ่มทำตามง่ายๆ เจ้าพ่ออย่างราเอลก็คิดผิดเสียแล้ว เพราะหญิงสาวไม่ยอมตอบในสิ่งที่ราเอลต้องการรับรู้ ในขณะเดียวกัน กลับเป็นฝ่ายออกคำสั่งกับราเอลบ้าง
“ปล่อยแขนฉันก่อนสิ แล้วฉันจะตอบคำถามของคุณ”
“ตอบคำถามของผมเดี๋ยวนี้” ราเอลออกคำสั่งเสียงห้วนอีกครั้ง
และทิมนิดาก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็งไม่แพ้กัน “ไม่! ถ้าคุณไม่ปล่อยแขนฉัน...ฉันก็ไม่ตอบคำถามของคุณเช่นเดียวกัน จำไว้นะคะคุณราเอล ฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณ”
ราเอลทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอด้วยความโกรธจัด เกิดมาไม่เคยโดนใครขัดใจ ไม่เคยถูกใครออกคำสั่ง และที่สำคัญไม่เคยทำตามคำสั่งของใครแม้แต่คนเดียว
“คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับผม หากคุณไม่ตอบคำถามก็ไม่เป็นไร ผมมีวิธีหาคำตอบด้วยตัวของผมเอง”
มือใหญ่ผละออกจากการจับกุมต้นแขนเล็กไว้ จากนั้นก็หันไปส่งสัญญาณให้กับฟรานส์และลูกน้องอีกหนึ่งคน รู้วาควรจะทำอย่างไร
“อย่าน่ะ ห้ามเข้าไปค้นในห้องพักของริวาเป็นอันขาด”
ทิมนิดาเดาใจออกว่าเจ้าพ่อผู้นี้กำลังต้องการอะไร จึงออกคำสั่งเสียงดัง พร้อมกันนั้นได้วิ่งตรงไปยังประตูห้อง ยืนขวางทางไม่ให้คนเหล่านี้ออกไปจากห้องทำงานของเธอได้
“ถอยออกไป นกยูง!” ราเอลตะคอกออกคำสั่งอีกครั้ง
“ไม่! ฉันจะไม่ถอยไปไหนทั้งนั้น จะไม่ยอมให้คุณมารื้อค้นรีสอร์ทของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่”
หากคิดว่าทิมนิดาจะยอมง่ายๆ ราเอลก็คิดผิดแล้ว ทางด้านของฟรานส์กับลูกน้องที่ได้รับคำสั่ง แม้พร้อมจะทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม แต่พอถูกร่างบางระหงยืนขวางทางไว้ ก็หันมามองหน้าเจ้านาย เพราะพวกเขาไม่ถนัดในการทำร้ายผู้หญิงสักเท่าไร
ราเอลกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห เกิดมาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่ากับทิมนิดามาก่อน เมื่อทิมนิดาไม่ยอมหลีกทางให้ จึงต้องทำตามวิธีที่เขาถนัดที่สุด
“ไม่ยอมหลีกทางให้ใช่ไหม ถ้ายังงั้นต้องเจอแบบนี้”
ร่างใหญ่ล่ำสันเดินกระแทกเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางระหงหอมกลิ่นรวยระริน และก่อนที่ทิมนิดาจะทันตั้งตัว ก็ถูกอุ้มตัวลอยแบกอยู่บนบ่าไม่ต่างจากกระสอบข้าว
“กรี๊ดดด! ไอ้บ้า ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” ทิมนิดาหวีดเสียงร้องลั่น ถูกแบกขึ้นบ่า ศีรษะห้อยโตงเตง ทำเอาหน้ามืดไปชั่วขณะ
เมื่อเจ้าของรีสอร์ทสุดรั้นตะโกนร้องขอเช่นนั้น ราเอลก็จัดให้ในทันที “อยากให้ปล่อยใช่ไหม ได้เลย นกยูง!”
โครม!
สิ้นคำพูด ราเอลก็ทำในสิ่งที่ทิมนิดาคาดไม่ถึงอีกครั้ง เมื่อเขาโยนร่างบางลงกับพื้นหน้าตาเฉย