แก้แค้น

1773 Words
เนิ่นนานจนยามทิวา[1]ผ่านพ้นไป บรรยากาศโดยรอบตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยสีดำเข้มแทบไร้แสงสว่างใด มีสองเท้าคู่หนึ่งสวมรองเท้าหุ้มข้อที่ทำมาจากหนังสัตว์อย่างดี ฝีเย็บมีความประณีตกำลังเหยียบย่างไปตามทางเดินหิน ที่ตรงนั้นไม่มีแม้กระทั่งแสงจันทร์กระจ่าง ค่ำคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด เสียงลมแรงหวีดหวิวพัดมาปะทะใบหน้าหล่อเหลา เขาทำเพียงแหงนหน้ามองผืนนภาที่มืดมิดแล้วอดกลั้นบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ “เจอตัวหรือไม่” “ยังไม่เจอคนเลยพ่ะย่ะค่ะ” แววตาคมคู่สวยที่เย็นชาเสมอ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยประกายโทสะที่ยากจะควบคุมอาการได้แล้ว จางหย่งเฉินหรือเฉินอ๋อง เจ้าผู้ครองเมืองต้าเยี่ยน ที่เพิ่งขึ้นรับการสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องเจ้าเมืองจากบิดาที่เพิ่งป่วยตายกะทันหันไปไม่นาน และสาเหตุการตายนั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่ ด้วยความโกรธแค้นสุมอกเขาเลยยกทัพไปแก้แค้นที่เมืองเหลียนโจวด้วยความบุ่มบ่าม ทว่าเจ้าเมืองชั่วคนนั้นกลับมุดหัวอยู่ในเมืองไม่ยอมออกมาเผชิญหน้า อ๋องเลือดร้อนจึงสั่งโจมตีเมือง เมื่อประตูเมืองถูกทำให้เปิดออก เขาก็ตรงเข้าจวนเจ้าเมืองโดยทันที “เมื่อครู่แม่ทัพอู๋จับตัวสตรีได้กลุ่มหนึ่ง หม่อมฉันได้ยินพวกบ่าวรับใช้เรียกโฉมสะคราญนางหนึ่งว่าคุณหนูเย่พ่ะย่ะค่ะ” เพียงหลิงหาวรายงาน สายตาคมก็ตวัดไปมองทันที “คนอยู่ที่ไหน” แน่นอนว่าตอนนี้เฉินอ๋องถล่มเมืองเหลียนโจวและเข้ายึดครองได้แล้ว แต่เมื่อเข้ามาในเมือง คนตระกูลเย่กลับอันตรธานหายหัวไปกันหมด ด้วยความที่ไม่อยากระบายโทสะกับประชาชนที่หวาดกลัวจึงเก็บคนพวกนั้นเอาไว้ ให้ขุนนางที่อยู่เคียงข้างเป็นคนจัดการความเรียบร้อย หากใครยอมสวามิภักดิ์โดยดี เมืองต้าเยี่ยนกับเหลียนโจวก็สามารถรวมเป็นแผ่นดินเดียวกันได้ ณ คุกจวนเจ้าเมือง กลิ่นอับชื้นฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ภายในห้องแห่งนี้ไม่มีแสงใดส่องถึง ประกอบกับคืนมืดมิดไร้ซึ่งความสว่างใด ๆ ไม่มีกระทั่งคบไฟตามทางเดินจึงทำให้มองไม่เห็นบรรยากาศรอบตัว แล้วยังมิอาจสัมผัสถึงสุ้มเสียงอื่นเว้นเพียงเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมา และเสียงนั้นก็ทำให้หัวใจของโฉมสะคราญสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว ร่างแน่งน้อยร่างหนึ่งสวมชุดผ้าไหมหรูหราที่ดูมอมแมมกำลังนั่งขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง หากใครมาเห็นแล้วจะรู้สึกสงสารก็ดี จะรู้สึกอนิจจาก็ช่าง แกรก แอด... เสียงประตูห้องขังถูกทำให้เปิดออก พร้อมกับแสงสว่างของคบไฟในมือชายคนหนึ่งที่สาดส่องเข้ามา เนื่องจากประตูห้องขังถูกออกแบบให้เป็นแบบปิดทึบ จึงทำให้เย่ฟางหรูมองไม่เห็นบรรยากาศภายนอก แววตาคมเข้มที่แฝงประดับด้วยกลิ่นอายเย็นชาจ้องมองนางแทบจะทะลุผ่านอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกาย “เจ้า...คือคุณหนูเย่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงนั้นดูกดดันชอบกล เย่ฟางหรูได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตามอง แววตานั้นสั่นระริกเต็มไปด้วยความกลัว ที่เบื้องหน้านางตอนนี้เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ที่ยืนล้อมอยู่หลายคนดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ประกายนัยน์ตาหงส์สะท้อนไปด้วยความสับสนและตื่นตกใจ “มะ ไม่ใช่” สมองของนางสั่งการให้พูดแบบนั้นออกไป จากนั้นก็รีบหลบสายตา บุรุษองอาจที่สวมชุดเกราะหนักกัดฟันข่มโทสะ หากยังสืบได้ไม่แน่ชัด คนอย่างจางหย่งเฉินจะไม่ลงมือทำร้ายสตรี “ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบใหม่อีกครั้ง เจ้าคือคุณหนูเย่หรือไม่” ร่างสูงนั่งยองลงตรงหน้าสตรีโฉมสะคราญ แววตากระจ่างใสคู่นั้นทำให้เขาไม่อยากลงมือทำร้ายคน จึงทำเพียงกวาดตามองสำรวจคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงมุมห้อง เย่ฟางหรูหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตากับบุรุษองอาจคนนี้ เพราะเคยได้ยินมาว่าตระกูลเย่กับตระกูลจางเป็นศัตรูกันมาช้านาน ที่วันนี้นางถูกทิ้งให้อยู่ในจวนเป็นเพราะถูกน้องสาวต่างมารดาวางยา ทำให้เผลอหลับไปหลายชั่วยาม เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้แล้ว “เมื่อเจ้าไม่ยอมพูด...เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้งซะ!” จางหย่งเฉินสั่งเสียงดังแววตาแข็งกร้าว ฝ่ามือหนาเอื้อมไปบีบแก้มเนียนนุ่มนั้นไว้ “ปละ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเย่เลยสักนิดเดียว” เย่ฟางหรูเจ็บจนน้ำตาคลอ แรงบีบจากฝ่ามือนั้นบีบแรงขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายอยากจะให้นางขาดลมหายใจตาย “ไม่เกี่ยวหรือ! แล้วนี่คือสิ่งใด” ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของจางหย่งเฉินเอื้อมไปกระชากหยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวคอดกิ่วนั้น เนื่องจากดึงแรงจนเกินไปเลยทำให้สายรัดเอวของเย่ฟางหรูถูกกระชากออกตามมาด้วย “ปละ ปล่อยข้านะ ปล่อย!” สตรีตัวเล็กดิ้นรนขัดขืน หยดน้ำตาที่เกิดจากความหวาดกลัวนั้นไหลอาบแก้ม รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่นานหยกรูปพระจันทร์เสี้ยวก็มาอยู่ในมือของจางหย่งเฉิน แววตาคมเข้มนั้นดูน่ากลัวอย่างมากยามที่จดจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือ ส่วนอีกมือที่บีบหน้าและลำคอนางอยู่นั้นคล้ายอยากบีบให้ตายคามือ เรี่ยวแรงที่เย่ฟางหรูมีค่อย ๆ หมดเรี่ยวแรงลงไป กระทั่งก่อนที่จะขาดใจตายจริง ๆ ก็มีทหารวิ่งมารายงานเสียก่อน “ตามหาร่องรอยคนตระกูลเย่พบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” และนั่นก็ทำให้จางหย่งเฉินคลายฝ่ามือออก เขามองนางเป็นครั้งสุดท้าย ร่างบางเกือบหมดสติ ได้แต่ไอโขลกอย่างแรง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามเอาตัวรอด ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงไอของนาง “พาเย่เหมยหลินกลับต้าเยี่ยน ส่วนเจ้านั้นก็ไปกับข้า” เฉินอ๋องสั่งเพียงเท่านั้น ก็เดินก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปพร้อมอู๋เจี้ยนทันที อะไรนะ! พูดถึงเหมยหลิน...หรือ เย่ฟางหรูพลันเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที “หนะ นี่! ข้าไม่ใช่ ...เย่เหมยหลินนะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” เพราะถูกบีบคอจนเกือบตาย ทำให้นางไม่มีแรงจะเปล่งเสียงออกมา ไม่นานสตรีก็หมดสติไป หลังหลิงหาวส่งท่านอ๋องเสร็จแล้วก็สั่งให้คนลากเย่ฟางหรูออกมาจากคุก ร่างบางถูกมัดข้อมือและข้อเท้า เพราะว่าเกือบขาดลมหายใจจึงทำให้โฉมสะคราญหมดสติไปนาน พรมน้ำเย็นที่สาดลงมาทำให้ขนอ่อนที่ผิวกายขาวเนียนลุกชัน เปลือกตาที่อ่อนแรงค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างยากเย็น ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย ตอนนี้นางถูกอุ้มออกมาจากคุกแล้วมาขังรวมไว้กับสาวใช้จวนตระกูลเย่ “คุณหนูเจ้าคะ” มี่เอ๋อร์ที่ถูกจับมารวมกัน รีบเรียกสติคุณหนูทันที “มี่เอ๋อร์หรือ” เป็นครั้งแรกที่เย่ฟางหรูรู้สึกดีใจมากเช่นนี้ “เจ้าค่ะ คุณหนูเจ็บมากไหมเจ้าคะ” มี่เอ๋อร์น้ำตาคลอมองที่ลำคอขาวของคุณหนูที่ปรากฏเป็นรอยมือของเฉินอ๋อง แต่โฉมสะคราญส่ายหน้าช้า ๆ “ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้วหรือ” ตอนนี้พวกนางนั่งเบียดกันอยู่ในรถม้าที่เป็นกรงไม้ไร้หลังคา ยามนี้ฝนกำลังตกและตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ มี่เอ๋อร์รีบเอาตัวมาบังฝนที่กำลังตกหนักให้คุณหนูใหญ่ที่นอนเอาหัวหนุนอยู่บนตักนาง “หมดสติไปครึ่งค่อนคืนแล้วเจ้าค่ะ” ตอนนี้ใกล้รุ่งสางแล้ว ทหารต้าเยี่ยนจับบ่าวใช้จวนเจ้าเมืองเหลียนโจวมาเค้นสอบถาม หากคนไหนไม่ยอมสารภาพก็จะต้องตายด้วยคมดาบทันที มี่เอ๋อร์ที่กลัวตาย สุดท้ายก็ยอมพูดว่านายท่านและเหล่าฮูหยินพร้อมกับคุณหนูรองพากันหนีไปทางไหน “แล้วพวกเขาหาท่านพ่อเจอหรือไม่” แน่นอนว่าเย่ฟางหรูนั้นเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว นางถูกน้องสาวต่างมารดาวางยาทำให้หลับสนิท มิหนำซ้ำยังสลับหยกห้อยเอวอีกด้วย เย่เหมยหลินคงกลัวว่าหากจางหย่งเฉินมาพบเข้าก็จะฆ่าทิ้งทันที เลยวางแผนทำให้นางกลายเป็นคู่หมั้นของเฉินอ๋องผู้นั้น สวรรค์ช่างเล่นตลกกับชีวิตนางเสียจริง มี่เอ๋อร์เห็นคุณหนูใหญ่ถามถึงนายท่านก็รู้สึกกลัวความผิดจนหลั่งน้ำตาออกมา “คุณหนู ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” เนื้อตัวสาวใช้วัยสิบสี่ปีสั่นเทาด้วยความรู้สึกผิด ด้วยความที่เย่ฟางหรูเป็นคนจิตใจดี มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เป็นสตรีที่มีความใจเย็น อดทนเก่งเหมือนฮูหยินใหญ่ จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ทันทีว่าตอนที่นางหมดสติไปนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง “เจ้าไม่ผิดหรอก” ฝ่ามือเรียวสวยที่ข้อมือถูกมัดไว้จนเกิดร่องรอยสีแดงค่อย ๆ ยกขึ้นมาแล้วเช็ดน้ำตาให้สาวใช้คนนี้ “พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกัน เงียบ! รีบนอนเดี๋ยวนี้” ทหารคุมกรงขังตวาดเสียงดังลั่น เนื่องจากเมืองต้าเยี่ยนและเมืองเหลียนโจวอยู่ห่างกันสามร้อยลี้[2] จึงใช้เวลาเดินทางสี่วันรวมนอนพักระหว่างทางก็มาถึงเมืองต้าเยี่ยน แต่ทว่าเมื่อเย่ฟางหรูมาถึงที่นี่ นางก็ล้มป่วยเพราะถูกลมหนาว มิหนำซ้ำยังตากแดดตากฝนเป็นเวลาหลายชั่วยาม ร่างกายที่แข็งแรงมาเสมอก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็วเพราะไม่เคยตกระกำลำบากมาก่อน “จะให้ทำอย่างไรกับพวกนางต่อไปดีขอรับ” ทหารคุมนักโทษที่พาคนตระกูลเย่จำนวนยี่สิบคนกลับเมืองต้าเยี่ยนตามรับสั่งของเฉินอ๋องนั้นก็ปรึกษากับหัวหน้าองครักษ์ หลิงหาวมองโฉมสะคราญที่ขดตัวนอนอยู่ในกรงก็เกิดความสงสารขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง แต่ทว่าก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น “โยนพวกนางไปกองรวมกันที่คุกใต้ดินจวนว่าการ” [1] กลางวัน [2] ประมาณ 150 กิโลเมตร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD