มองค้อนเขาที่นั่งตรงข้ามเขาจากนั้นไม่นานพนักงานก็นำอุปกรณ์สำหรับวาดรูปมาให้พวกเราสองคน มีขาตั้งไม้และเอาผ้าแคนวาสสำหรับวาดรูปขนาด 24CM x 24CM มาให้ ฉันยังคิดไม่ออกว่าตัวเองจะวาดอะไรดี กระทั่งเห็นใบหน้าหล่อเหลากำลังจ้องมองสีน้ำเพื่อผสมกันให้ได้สีตามที่ต้องการบนกระจกขนาดสี่เหลี่ยม พอเห็นแบบนี้สมองก็แล่นขึ้นมาทันทีฉันหยิบดินสอชอล์กครบทุกสีขึ้นโครงภาพเอาไว้ก่อน จากนั้นก็เหลือบสายตามองใบหน้าของพี่สองเป็นระยะ ฉันสเกตภาพของเขาที่กำลังจ้องผ้าแคนวาสและใช้สีวาดลงไปเลยโดยไม่ต้องร่างภาพแบบฉัน แหงสิ ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญเหมือนกับเขานี่นา
ทางร้านเปิดเพลงสากลคลอให้เราเบาๆ สร้างบรรยากาศในการวาดรูปได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงต้นไม้ที่กำลังเอนไหวตามแรงลมที่ให้ความร่มรื่น ขณะที่เครื่องดื่มและเค้กมาเสิร์ฟฉันก็มองพี่สองที่หยิบแก้วลาเต้เย็นขึ้นดื่มครึ่งแก้ว ฉันเองก็ดื่มชาพีชที่รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานให้รู้สึกว่าอารมณ์การวาดภาพดูสดชื่นมากขึ้น แล้วก็จริง เพราะว่าตอนนี้ผ้าแคนวาสที่เคยว่างเปล่าเวลานี้ขึ้นเป็นรูปใบหน้าของพี่สองที่กำลังจ้องอยู่กับงานตรงหน้า ฉันก็เริ่มลงสีโดยเน้นภาพให้สมจริงที่สุด ถึงการวาดภาพของฉันจะไม่ได้ขี้เล็บพี่สองก็เถอะนะ หากแต่ว่าฉันก็ตั้งใจแบบสุดๆ เลยล่ะ
“เสร็จแล้ว”
“เคลียร์ก็เสร็จพอดีเลยค่ะ” ใช้เวลาในการวาดภาพประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ พี่สองก็ดื่มลาเต้ส่วนฉันดื่มชาพีชจนหมดและสั่งเป็นน้ำเปล่ามาแทน หันไปเรียนพนักงานให้เอารูปของเราสองคนใส่ถุงกระดาษมาให้เพื่อไม่ให้เห็นว่าต่างคนต่างวาดอะไร ไว้กลับถึงห้องค่อยเปิดดูรู้สึกตื่นเต้นจังแหะ ฉันเองก็อยากให้พี่สองตื่นเต้นกับรูปที่ฉันวาดให้เขาเหมือนกัน ปกติเด็กศิลป์มักจะวาดรูปคนอื่นซะส่วนใหญ่ คงไม่เคยมีรูปวาดของตัวเองดังนั้นฉันก็เลยเลือกวาดรูปเขาไง หวังแค่ว่าพี่สองจะชอบก็พอ
“หิวหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยค่ะ” ตอนนี้ก็บ่ายแก่แล้วดิ วาดภาพเพลินจนลืมไปเลยว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง “สั่งกินที่นี่เลยไหมคะ”
“แล้วแต่เคลียร์” พี่สองบอกฉันก็เลยสั่งอาหารที่นี่กินเลยระหว่างนั้นพนักงานก็เอาถุงกระดาษมาให้เราสองคน ฉันดูภาพวาดข้างในก็พบว่าเป็นของตัวเองไม่ได้สลับกัน รออาหารประมาณยี่สิบนาทีเราสองคนก็กินอาหารง่ายๆ เป็นข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาว พี่สองบอกว่าไม่รู้จะกินอะไรก็เลยจัดง่ายๆ ไปสิรออะไร
“ช่วงนี้ถ้าเคลียร์ไม่ค่อยได้ทักคุยด้วย เคลียร์ไม่ว่างนะคะ”
“อืม”
“เริ่มใกล้ทำโมเดลแล้วค่ะ อาจจะต้องค้างที่คณะด้วยถ้าเริ่มทำ” แค่คิดว่าต้องทำโมเดลชีวิตของฉันก็เหมือนถูกกลืนหายไปครึ่งชีวิตเลยล่ะ ฮึก เด็กสถาปัตย์ก็แบบนี้ล่ะนะ ดังนั้นฉันจะต้องเก่งเหมือนพ่อให้ได้ดังนั้นฉันจะตั้งใจให้ดีที่สุด “แบบนี้ก็น่าจะดีนะคะ เคลียร์ไม่อยากทำให้พี่สองต้องอึดอัด”
“พี่ไม่อึดอัด”
“จริงเหรอคะ?” รู้สึกโล่งใจแหะที่มาเดตครั้งแรกฉันไม่ทำให้เขาต้องอึดอัด ยกมือทาบอกตัวเองขณะตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้ายจนเกลี้ยงจาน
“เดตต่อไป พี่ขอเลือกสถานที่เองนะ” ดวงตาของฉันสบเข้ากับแววตาคมที่จดจ้องมามอง อยากจะบอกว่าพี่สองมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งมันไม่เท่าไหร่ถ้าเทียบกับว่าเราจะไปเดตกันเป็นครั้งที่สองต่างหาก “ถ้าเคลียร์อยากไป”
“อยากไปสิคะ!” ฉันวางแก้วน้ำเปล่าลงบนโต๊ะพลางเอื้อมไปจับมือเขาบีบเบาๆ จนคนตรงหน้ามองมาที่มือของฉันและเลื่อนสายตาขึ้นมามองตากันอีกครั้ง “เคลียร์ดีใจนะคะที่พี่สองชอบเดตแรกที่เคลียร์ตั้งใจทำ”
“...”
“เดี๋ยวเราไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะก่อนกลับดีไหมคะ?” พี่สองพยักหน้ารับก่อนจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน พี่สองจะออกเองทั้งหมดแต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ครั้งหน้าเดตสองให้เขาเป็นคนออกดังนั้นเดตแรกฉันเป็นคนชวนก็ต้องใจป้ำหน่อยสิ ดูเหมือนเขาจะตามใจฉันก็เลยยอมตกลง เราสองคนออกจากคาเฟ่ที่นอกร้านมีถังใส่ดอกไม้ที่ห่อกระดาษวินเทจ,แบบใสหรือแม้แต่ห่อกระดาษสีขาวบางๆ ฉันยืนมองดอกไม้ที่หลากสีสัน มองพี่สองที่โน้มตัวลงไปหยิบช่อดอกทิวลิปสีชมพูห้าดอกห่อกระดาษใสยื่นเงินให้กับพนักงาน จากนั้นก็ยื่นดอกทิวลิปมาให้ฉันที่รับมาถือไว้แบบงงๆ “เอ่อ ขอบคุณค่ะ”
“พี่ถ่ายรูปให้เอาไหม?”
“ดะ ได้ค่ะ” ดูเหมือนพี่สองจะรู้ว่าฉันชอบถ่ายรูปเขาก็เลยเป็นตากล้องให้ แต่เป็นตากล้องที่ค่อนข้างถ่ายภาพได้แย่มาก เอาไว้ค่อยสอนเขาถ่ายรูปทีหลังก็แล้วกันนะ ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าร้านด้านหลังเป็นดอกไม้อยู่ด้านหลัง สองมือโอบกอดช่อดอกทิวลิปมองกล้องพลางฉีกยิ้มกว้าง กระทั่งพี่สองยืนนิ่งไปนานพอควร ฉันก็ฉีกยิ้มจนน้ำลายแห้งเขาก็ยังไม่บอกว่าถ่ายเสร็จหรือยัง เอิ่ม ยืนหลับปะวะ! “พี่สองถ่ายหรือยังคะ”
“ถ่ายแล้ว” เสร็จแล้วทำไมไม่บอกปล่อยให้ฉันยิ้มเหงือกแห้งอยู่ได้นะ พี่สองเดินมาหยุดข้างฉันพลางเอารูปให้ดู จะบอกว่ารูปนี้พี่สองถ่ายดีที่สุดเลยเว้ยทุกคน! ไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาสวยเวอร์ แสงสีคือดีไปหมดจนฉันยกนิ้วโป้งให้กับเขาเอาช่อดอกไม้ใส่ลงไปในถุงกระดาษ
เราสองคนมาถึงสวนสาธารณะใจกลางเมืองในช่วงเย็นของวัน พี่สองก็เอารถจอดไว้ด้านหลังและเดินลงไปนั่งที่ม้านั่งริมทะเลสาบที่เวลานี้มีคนปั่นเรือเป็ดกันด้วยนะ เป็นคู่รักที่น่ารักเวอร์วังอลังการ ฉันเดินกลับมาพร้อมน้ำอัดลมกระป๋องส่งให้พี่สองและทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา มาถึงก็คือต่างคนต่างนั่งเงียบๆ มองตรงไปยังทะเลสาบและตึกที่เปิดไฟให้แสงสว่างในช่วงพลบค่ำพอดิบพอดี
“พี่สองไปไหนต่อเหรอคะ?”
“กลับห้อง พี่มีงานต้องวาดต่อ ต้องให้ทันงานมหาลัย”
“เหมือนกันเลยค่ะ คณะเคลียร์ทำเครื่องดื่มสมุนไพรกับแพนเค้กด้วยค่ะ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว” ใช่ ฉันต้องช่วยฟินน์ด้วยไงไม่งั้นเพื่อนก็จะเหมือนตัวคนเดียว ถึงจะไม่ชอบทำอาหารก็เถอะนะ “ว่างๆ แวะมาเดินเล่นที่คณะเคลียร์บ้างนะคะ เคลียร์ก็แวะไปดูผลงานพี่สองด้วย”
“อืม” เขาพยักหน้ารับพลางกระดกน้ำอัดลมและวางไว้ข้างตัว จากนั้นก็ใช้เวลานั่งเงียบๆ ไร้การพูดคุยเช่นเคยกระทั่งสวนสาธารณะเริ่มมืดลงตามกาลเวลา พี่สองกับฉันก็เลยพากันกลับเขาขับรถมาส่งฉันที่คอนโดในเวลาต่อมา ฉันกระโดดลงจากรถเขาและคืนหมวกกันน็อกให้เขา จากนั้นก็หยิบช่อดอกไม้มาไว้กับตัวยื่นถุงกระดาษที่วาดรูปเขาส่งให้ พี่สองก็ส่งภาพที่เขาวาดให้ฉันมา แลกเป็นของขวัญสำหรับเดตแรกของเรา
“ส่งรูปมาให้เคลียร์ด้วยนะคะ”
“เอาไปส่งเลย เดี๋ยวพี่ลืม” พี่สองถอดหมวกกันน็อกออกและเอาขาตั้งลงหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ส่งให้ฉันพลางกดรหัสเรียบร้อย ฉันรับมือถือเขามาก่อนจะมองภาพหน้าจอเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนพี่สองคนจะเป็นคนถ่าย ใช่ เขามีความสามารถด้านนี้ได้ค่อนข้างห่วย ถึงแบบนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงสวยสำหรับเขาเพราะเธอคือ... แฟนเก่าของเขาไง
[70%]
*------------------------------------------------*