2 บอสคนใหม่

1276 Words
“น่าเสียดายเนอะเบลล์ที่ท่านประธานคนใหม่มีภรรยาแล้ว พี่ได้ยินคนกระซิบมานะว่าท่านประธานคนใหม่หล่อมาก อิจฉาเบลล์จังได้ทำงานกับท่าน” พี่แก้วรุ่นพี่ที่ทำงานของฉันเดินมาชวนคุยถึงว่าที่ท่านประธานคนใหม่ที่จะมาบริหารแทนพ่อของเขา ฉันยังไม่ได้ข้อมูลว่าใครที่จะมาบริหาร แต่ฉันคาดหวังว่าลูกชายคงจะดีเหมือนท่านประธานของฉัน การทำงานร่วมกันจะได้สะดวก “เบลล์ยังไม่ได้ข้อมูลเลยค่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร หน้าตาเป็นยังไง” ฉันพูดตามความจริง ทั้งที่เลขาอย่างฉันควรจะได้ข้อมูลของบอสคนใหม่ “ดูเป็นความลับยังไงไม่รู้เนอะ” พี่แก้วเม้าท์มอยด้วยการกระซิบกระซาบ “ใช่ค่ะ เบลล์ก็คิดแบบนั้น” ฉันอมยิ้มและกระซิบกลับ ได้แต่ภาวนาขอให้ว่าที่ท่านประธานคนใหม่ดีได้สักครึ่งของท่านประธานคนเก่าก็พอ สองอาทิตย์ต่อมา... วันเปิดตัวท่านประธานคนใหม่ วันนี้ที่บริษัทดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พนักงานทุกคนต่างยืนรอเพื่อต้อนรับท่านประธานคนใหม่ ซึ่งก็เหมือนเดิมฉันที่เป็นเลขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบอสคนใหม่ของฉันชื่ออะไร หน้าตาเป็นเช่นไร ได้ยินเพียงคำเล่าลือว่ากลับมาจากเมืองนอกพร้อมภรรยาและเป็นผู้ชายที่แสนดีมาก แค่ได้ฟังว่าเเสนดี ฉันที่ต้องร่วมงานอย่างใกล้ชิดด้วยก็เบาใจขึ้นมาก แต่แล้ว! เมื่อฉันมองเห็นบุคคลที่เดินเคียงข้างกายท่านประธานคนเก่า ความเบาใจที่มีเมื่อครู่มันได้หดหายไปหมด ยิ่งได้ฟังว่านี่คือประธานของบริษัทคนใหม่ ความปั่นป่วนวิ่งพล่านในหัวใจของฉันทันใด ฉันจะร่วมงานกับเขาได้อย่างไรในเมื่อหัวใจและสมองของฉันยังไม่ลืมเลือนเรื่องราวเมื่อหกปีก่อนสักนิด หกปีก่อนหน้านี้... “เบลล์มาถ่ายรูปด้วยกันเร็ว” เสียงของมิ้มเพื่อนสาวคนเดียวที่ฉันมีดังขึ้น มิ้มเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุด ไว้วางใจที่สุด ฉันรักมิ้มมากเพราะเธอแสนดี ดีกับฉันทุกอย่าง ฐานะทางบ้านของมิ้มร่ำรวยมาก แต่เธอก็ลดตัวมาคบกับฉันที่แสนจะยากจน “จะดีเหรอ ฉันว่าแกถ่ายกับครอบครัวแกเถอะ” ฉันพูดอย่างถ่อมตัว เรากำลังถ่ายรูปรับปริญญาวันเรียนจบ เป็นรูปคนในครอบครัวทั้งนั้น ฉันเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งจะให้เสนอหน้าก็ยังไงอยู่ ถึงจะสนิทกันแต่ฉันก็ต้องรู้จักเจียมตัวใช่ไหมล่ะ “อย่ามาพูดแบบนี้นะเบลล์ แกคือเพื่อนรักของฉันเท่ากับว่าแกก็เป็นคนในครอบครัวของฉันด้วย” มิ้มเดินมาจูงมือฉันเพื่อเข้าร่วมการถ่ายรูปครั้งนี้ แล้วฉันก็ขัดไม่ได้ จึงเข้าร่วมในการถ่ายรูปครั้งนี้ด้วย “คืนนี้เลี้ยงฉลองกันนะเบลล์ ห้ามเบี้ยว แกต้องไปให้ได้เข้าใจไหม ฉันจะไปรับแกที่บ้านเองแต่งตัวสวย ๆ ไว้รอเลยนะ” หลังจากถ่ายรูปเสร็จมิ้มก็เอ่ยปากชวนฉันอีกครั้ง ทุกทีฉันมักเบี้ยวนัดเที่ยวเพราะไม่อยากนอกลู่นอกทาง อยากช่วยน้าวันทำงานมากกว่า แต่ว่าครั้งนี้ฉันคงต้องไปเพราะเพื่อนของฉันกำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ “อืมได้ดิ แล้วจะรอนะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนคนสวย มิ้มสวยมากจริง ๆ และยังเป็นคนดีอีกด้วย ฉันโชคดีมากที่ได้มิ้มเป็นเพื่อน “กรี๊ด อ้าย กรี๊ด!” ระหว่างที่ฉันและมิ้มกำลังจะแยกจากกันเพื่อกลับบ้าน เสียงเหล่านักศึกษากรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังขึ้น เสียงดังกล่าวทำให้ฉันและมิ้มหันไปมอง ภาพที่ฉันเห็นคือผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในชุดสูทพร้อมดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ในมือ เขาเดินตรงมาที่เราสองคน ฉันไม่ได้มีอาการเขินอายแต่อย่างใดเพราะผู้ชายคนที่เดินมาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษอะไร แต่จะว่าไปก็มีดีใจนะเพราะเพื่อนของฉันกำลังมีความสุข ฉันเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะทำให้มิ้มมีความสุขตลอดไป “ยินดีด้วยนะครับคนเก่ง” เขาฉีกยิ้มและยื่นดอกไม้ให้มิ้มเพื่อนสนิทของฉัน มิ้มยิ้มและยื่นมือรับช่อดอกไม้ “ขอบคุณนะคะ” มิ้มรับช่อดอกไม้แล้วโผกอดผู้ชายตรงหน้า “หลังจากเรียนจบที่ต่างประเทศเราจะแต่งงานกันนะครับคู่หมั้นของพี่” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าฟัง ซึ่งเพื่อนสนิทของฉันยิ้มรับอย่างสุขใจ “ยินดีด้วยนะแก” ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขให้เพื่อนสนิทที่ฉันรักที่สุด ชีวิตของมิ้มสมบูรณ์แบบมาก คู่หมั้นก็แสนดี ดีทุกอย่างเลย “ขอบใจนะเบลล์ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปรับ ห้ามเบี้ยวนะ” “อื้ม ไม่เบี้ยวอยู่แล้ว” หลังจากนั้นฉันก็เปลี่ยนชุดและนั่งรถประจำกลับมาบ้าน งานรับปริญญาของฉันน้าวันไม่ว่างจึงมาไม่ได้ ฉันเข้าใจและน้อมรับในโชคชะตา แค่น้าวันส่งเรียนจนจบก็ดีมากแล้ว ผู้ชายที่เดินมาหามิ้มเขาชื่อ ‘กองทัพ’ เป็นคนรักของมิ้ม พี่กองทัพนิสัยดีเป็นกันเอง เขาคือผู้ชายอบอุ่นที่ผู้หญิงใฝ่หา อายุของพี่เขาน่าจะแก่กว่ามิ้มสามปี พี่กองทัพและมิ้มคบหาดูใจกันมาหลายปีจนกระทั่งทั้งสองหมั้นกันเมื่อไม่นานมานี้ มิ้มเล่าว่าครอบครัวของพี่กองทัพเอ็นดูมิ้มมาก มิ้มเป็นผู้หญิงที่หลาย ๆ คนต่างอิจฉา เธอเพียบพร้อมดูดีมีทุกอย่าง แม้กระทั่งคนรัก แตกต่างจากฉันที่ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากน้าวัน งานเลี้ยงฉลองเกิดขึ้นที่โรงแรมที่พ่อของมิ้มเป็นเจ้าของโรงแรม ทุกอย่างในงานดูสวยหรูแปลกตา ถ้าหากฉันไม่มีเพื่อนแบบมิ้ม คงไม่มีโอกาสได้มายืนสัมผัสบรรยากาศในงานแบบนี้แน่นอน งานเริ่มไปเรื่อย ๆ เริ่มดึกเริ่มเหลือแต่วัยรุ่น ฉันที่ไม่เคยดื่มโดนเพื่อนยุแยงให้ดื่มจนมึนเมา แทบไม่มีแรงเดิน โลกนี้มันหมุนติ้วแสงสีจากไฟทำฉันปวดหัวตุบ ๆ “เฮ้ย! เบลล์แกไหวไหม เดี๋ยวฉันให้คนไปส่ง” เสียงมิ้มดังก้องเข้ามาในโสตประสาทด้านการรับฟัง แต่เปลือกตาฉันมันหนักอึ้งจนไม่สามารถลืมตามองภาพตรงหน้า “ม่าย ม่ายต้อง ลามบากแกเลย ฉานหวาย” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงหย่อนยาน มือบางหยิบแก้วเหล้ามากระดกดื่มอีกครั้ง พอดื่มแล้วก็หยุดไม่ได้ มันก็อร่อยดี “พอเลยแก ดูแล้วพรุ่งนี้คงไปส่งฉันไม่ไหวชัวร์ เบลล์นะเบลล์ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเป็นแบบนี้ฉันไม่ให้แกกินหรอก” เสียงของมิ้มดังขึ้นอีกครั้งพร้อมมีคนดึงแก้วเหล้าออกจากมือ คงจะเป็นมิ้มนั่นแหละ “ไหว ฉันไปส่งแกด้าย ซาบายมั่ก อย่าลืมคิดถึงฉันนะ ฉันร้ากแก ร้ากร้ากที่สุดเลย” ฉันควานมือดึงร่างของมิ้มเข้ามากอดมาหอม รู้สึกได้ทันทีเลยว่าเวลาเมาแล้วฉันจะเป็นอีกคน ทั้งที่ความจริงเวลาไม่ดื่มฉันเป็นผู้หญิงเงียบ ๆ รู้จักเจียมตัว หลังจากที่ฉันกอดแขนเล็ก ๆ ของมิ้มไว้ก็รู้สึกเหมือนแบตในตัวหมด หนังตาหนักอึ้งและทุกอย่างของฉันก็ดับวูบไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD