เวลา 17:54 น.
“บอสจะให้ดิฉันไปส่งที่ไหนคะ” ฉันเอ่ยถามสามีของเพื่อน ก็ตอนนี้เขานั่งอยู่ในรถของฉัน สาเหตุมาจากข้ออ้างที่ว่ามิ้มเอารถกลับไปและเขาไม่มีรถกลับบ้าน เขาจึงอาศัยรถฉันเพื่อมาพบคุณดนัย หลังจากเจรจาธุรกิจเรียบร้อยเราทั้งคู่นั่งอยู่ในรถโดยที่ฉันนั่งประจำที่คนขับ
“คอนโดเดิม จำได้ไหม” เขาว่ามาแบบนี้ แล้วฉันจะตอบว่าอะไรดีล่ะ เปิดประเด็นมาแบบนี้เลยเหรอ จำได้ ก็จะหาว่าฉันใส่ใจ จำไม่ได้ ก็จะว่าเสแสร้งใช่ไหม
สุดท้ายฉันเลือกที่จะไม่ตอบ ขับรถไปตามเส้นทางของคอนโดหรูที่ฉันไม่เคยลืม เพราะฝังใจ การเงียบ คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบางเรื่อง แต่ไม่ใช่กับทุกเรื่อง
“ขอโทษนะ” แล้วจู่ ๆ สามีของเพื่อนที่เป็นบอสของฉันก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา
“ขอโทษอะไรคะบอส” ฉันหันหน้ามองเขาเพียงนิดและกลับมาโฟกัสเส้นทาง
“ห่างเหินเกินไปนะเบลล์”
“รัศมีค่ะ สำหรับบอสควรเรียกฉันแบบนั้น”
“หึ” เขาแค่นเสียงในลำคอจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง เราทั้งสองต่างคนต่างเงียบ จนกระทั่งรถจอดที่หน้าคอนโดหรู
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง แต่วานคุณรัศมีถือของขึ้นไปเก็บที่ห้องให้ผมด้วยนะครับ” พี่กองทัพยกยิ้มมุมปาก
“คือ...” ฉันอึกอักอึดอัดไปหมด ในหัวเริ่มสับสนจะขึ้นไปได้ยังไง เกิดเขาทำอะไรฉันล่ะ แต่คงไม่หรอก มิ้มต้องอยู่ข้างบนสิ ไม่เป็นไรมั้ง ในเมื่อฉันกับเขาจบกันไปตั้งนานและเขาคงไม่อยากทะเลาะกับมิ้ม
แต่ทว่า! กว่าฉันจะตัดสินใจอะไรได้เสียงเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“นี่คือคำสั่งจากบอสไงครับ” สามีของเพื่อนว่าจบก็เปิดประตูลงรถไปเลย ทั้งที่เขาเดินตัวเปล่าแล้วจะให้ฉันถือกระเป๋าใบเดียวตามขึ้นไปทำไม เขากำลังจะทำอะไร อยากให้ฉันเห็นภาพสวีตงั้นเหรอ ช่างเถอะ เอาขึ้นไปให้แล้วรีบกลับดีกว่า
“ให้วางกระเป๋าไว้ตรงไหนคะบอส”
“...” เขาไม่ได้ยินหรือเขาไม่สนใจหรืออะไรกันแน่ เราก็ไม่ได้ห่างจนไม่ได้ยินนะ
“งั้นวางไว้ตรงนี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันวางกระเป๋าไว้ที่มุมหนึ่งของห้องในคอนโดหรูที่เคยอยู่ จากนั้นหันหลังกลับเพื่อที่จะออกจากสถานที่อึดอัดเช่นนี้ ยิ่งออกไปเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะดูแล้วมิ้มเมียของเขาที่เป็นเพื่อนของฉันไม่น่าจะอยู่ที่นี่
หมับ วงแขนหนาโอบกอดฉันไว้จากทางด้านหลังขณะที่ฉันกำลังจะก้าวขาไปที่ประตู ทุกอย่างสงบนิ่งมีเพียงหัวใจของฉันเท่านั้นที่มันเต้นแรงเพราะความตกใจ
‘นี่คือสามีของเพื่อนแบบเต็มรูปแบบนะเบลล์ เขาแต่งงานกันแล้ว อย่าทรยศเพื่อนเป็นครั้งที่สอง อย่าลืมว่าเขาไม่มีหัวใจ เขามันเลว’ ฉันพยายามย้ำเตือนหัวใจตัวเอง เพื่อไม่ให้มันไขว้เขวไปกับอ้อมกอดของซาตาน ขึ้นมาจากหลุดดำแล้วอย่าได้ตกลงไปในวังวนนั้นอีก
“กลิ่นกายของเบลล์ยังหอมหวนชวนให้พี่อยากใกล้ชิดเสมอเลยนะ คิดถึงจัง” เขากระซิบข้างหูก่อนจะกดจูบที่ต้นคอ
“กะ กรุณาปล่อยด้วยค่ะบอส” ฉันพยายามผลักดันเขาออก แต่เขากลับกอดรัดฉันแน่นกว่าเดิม
“ทำเหมือนรังเกียจพี่มากเลยนะเบลล์ แต่ก่อนเบลล์ชอบให้พี่กอดจะตาย ลืมแล้วเหรอ” เขาจับฉันให้หมุนหันมาเผชิญหน้า สายตาเยาะเย้ย แววตาไร้ซึ่งความรู้สึกผิดเหมือนเมื่อหกปีก่อนไม่มีผิด
นิสัยเปลี่ยนได้ สันดานเปลี่ยนยาก คำนี้คงจะจริง
“บอสพูดเรื่องอะไรคะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันคือเลขา ส่วนคุณคือประธานคนใหม่ที่เป็นบอสของฉัน กรุณาปล่อยเพื่อเป็นการให้เกียรติฉันด้วยค่ะบอส แต่ถ้าเห็นว่าฉันไม่มีเกียรติก็ควรจะให้เกียรติภรรยาของท่านนะคะ” ฉันจ้องเขาเขม็ง สื่อเป็นนัยว่าเรื่องเก่า ๆ ไม่ควรเอามาพูดเพราะวันนั้นเราตกลงกันแล้ว
“เบลล์ลืมเรื่องนั้นได้เหรอ พี่เป็นผัวคนแรกของเบลล์เลยนะ ลืมได้จริงอะ” สามีของเพื่อนยกยิ้มร้ายอวดอ้างความสัมพันธ์คาว ๆ ที่เราเคยกระทำเรื่องระยำร่วมกัน
ฉันกำลังจะระเบิด เหตุมันเกิดจากความเห็นแก่ได้และไม่แคร์ใคร เขามันผู้ชายสารเลว
“บอสคะ ระหว่างเราควรพูดคุยกันเพียงเรื่องงานนะคะ เรื่องอื่น ๆ ไม่น่าจะเหมาะที่เราทั้งคู่จะสนทนาร่วมกัน” แล้วฉันก็ต้องกัดฟันอดทนพูดกับสามีของเพื่อนที่ดูเหมือนอยากจะรื้อฟื้นความหลังเรื่องระยำตำบอน
พี่กองทัพยิ้มอีกครั้งแล้วก็ก้มลงมาหอมแก้มฉันด้วยความเร็ว “แก้มเมียพี่ชื่นใจที่สุดเลย คิดถึงนะ”
ฉันสุดทนรวบสุดแรง ผลักเขาออกและตบที่หน้าของเขาสองครั้งแรง ๆ เพี้ยะ เพี้ยะ
“คุณมันบ้า บ้ากามไม่เลือกที่ ไม่เลือกคน ทั้งที่ฉันเป็นเพื่อนกับเมียคุณและเธอก็เป็นภรรยาที่ดีมาตลอด แต่คุณก็ยังอ้อร้อหน้าม่อล่อผู้หญิงไปทั่ว มั่วไม่เว้นแม้แต่เพื่อนเมีย...อื้อ อ่อยอะ” เพราะด่าทอเขามากมาย เขาจึงปรี่เข้ากระชากฉันประชิดตัว บดขยี้ริมฝีปากอย่างแรง เจ็บแปลบที่ริมฝีปากรับรู้ถึงกลิ่นคาวความเค็มของเลือด ไม่แน่ใจว่าเลือดฉันหรือเลือดเขา เนื่องจากเขาก็มีรอยแผลที่มุมปากจากการตบของฉันเมื่อครู่
“ก็เพื่อนเมียมันน่าเอา” เขาพ่นคำพูดที่แสนจะทุเรศออกมา สันดานทราม ขนาดโดนด่าเขายังไม่คิดจะหยุด
“คุณต้องการอะไร”
“รื้อฟื้นความหลังกันไหมที่รัก” ยื่นมือมาจับมือฉันแล้วกดจูบบริเวณหลังมือพร้อมส่งสายตาเล้าโลม
พรึบ ฉันสะบัดมือออก พี่กองทัพยกยิ้มพอใจ “เรื่องเลว ๆ ของเรามันจบไปแล้ว จบไปตั้งแต่วันที่คุณยัดเช็คใส่มือฉันในวันนั้น คุณจะมารื้อฟื้นให้มันได้อะไร นี่มันกี่ปีมาแล้วสารเลวไม่เปลี่ยนเลยนะ”
แทนที่เขาจะเข้าใจหรือสลดลงกับคำต่อว่า แต่เปล่าเลย กลับกลายเป็นว่าเขายิ้มชอบใจยิ่งกว่าเดิม คล้ายจะพึงพอใจที่สุดท้ายฉันก็พูดถึงเรื่องหกปีก่อนที่ผ่านมา
ครืด ครืด ครืด (สายเข้า:น้าวัน)
เมื่อคนที่โทรเข้ามาคือน้าวัน ฉันจึงปรับโทนเสียงและอารมณ์ก่อนจะกดรับสายญาติที่มีอยู่เพียงคนเดียว ถ้าหากไม่รับน้าวันจะเป็นห่วง “ว่าไงคะน้าวัน”
(ทุ่มกว่าแล้ว ถึงห้องหรือยังเบลล์ ยัยหมูน้อยรอวีดีโอคอลด้วย)
“ยังเลยค่ะน้า หลังจากไปเจรจากับลูกค้าบอสไม่มีรถกลับเบลล์ก็เลยมาส่งค่ะ อีกสักพักประมาณครึ่งชั่วโมงคงจะถึงห้อง ถึงแล้วเบลล์จะรีบโทรกลับนะคะ”
(ขับดี ๆ ไม่ต้องรีบ เดินทางปลอดภัยนะลูก)
“ค่ะน้า” ฉันกดวางสายน้าวัน ได้เวลากลับห้องแล้ว ต้องรีบกลับไปโทรหาลูก “บอสคะ ฉันขอตัว อุ้ย!”
ชนเข้ากับอกของคนตรงหน้า ขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้เมื่อไหร่กัน เขายิ้มร้ายก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงยียวน “ว่าไงครับคุณเลขา”
“หมดธุระแล้วฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ฉันขยับออกห่างและเตรียมเดินไปที่ประตู
“เรื่องของเราเพิ่งจะเริ่มต้นนะเบลล์” ประโยคนี้ดังขึ้นฉันรีบหันกลับไปมองสามีของเพื่อน เห็นว่ามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างกดโทรศัพท์มือถือ
“ไม่เริ่มค่ะ มันจบแล้ว”
“แล้วถ้ามิ้มได้เห็นคลิปล่ะ” เขาหันหน้าจอมือถือทำให้ฉันเห็นคลิปเดิม ๆ ที่เขาเคยเอามาข่มขู่ ไหนตอนนั้นบอกให้จบ แล้วทำไมมันยังอยู่ ตั้งกี่ปีมาแล้วทำไมยังเก็บ ทำไมสารเลวได้ขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แต่งงานกับมิ้มแล้ว ยังไงซะคงไม่กล้าทำอะไรเอิกเกริก เขาไม่น่าจะอยากให้มิ้มรู้เรื่องนี้ “คุณไม่กล้าทำร้ายมิ้มหรอกค่ะ”
รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่ใบหน้าของพี่กองทัพ “เบลล์ลืมเหรอว่าพี่มันเลว เป็นคนเห็นแก่ตัว”
“คุณมันเกินเยียวยา” ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเอือมระอาในความเลวความร้ายของเขา
“พี่ให้เวลาเบลล์ตัดสินใจแค่พรุ่งนี้เย็น แล้วจะได้รู้ว่ามิ้มจะชอบคลิปนี้ไหม ถ้าไม่อยากให้มิ้มเห็น เบลล์ก็แค่ยอมกลับมาเหมือนเดิม ถ้าตัดสินใจได้แล้วคำตอบเราเหมือนกัน เย็นพรุ่งนี้เจอกันที่นี่พี่จะรอ คีย์การ์ดอยู่ในรถเบลล์นะครับ”
ฉันมองหน้าคนสารเลวแล้วกัดฟันอย่างเหลืออดเพราะทำอะไรไม่ได้เลย ทำไมไม่จบไม่สิ้น
ดิ้นหนียังไงก็คงไม่พ้น เหมือนเดิมเหรอ มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้น ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ ไม่หรอกเขารู้ว่าฉันไม่มีทางปฏิเสธ เพราะถ้าคลิปนั้นถึงมือมิ้ม รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสวยคงจะเลือนหาย
เลือกทางไหน ใจก็เจ็บ วันนี้ฉันเข้าใจประโยคนี้