บทที่ 1 เพียงสายตาที่คุณจำได้ 1

2078 Words
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับมอร์แกนจบลงเมื่อเดตในวันนั้นจบสิ้นตามอย่างที่คาดหมายจริงๆ ไม่มีการส่งข้อความ ไม่มีการโทรหา ไม่มีการพูดคุยเฉกเช่นเดิม มีแต่ความว่างเปล่าขนาดที่ทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะแตะโทรศัพท์เพื่อเป็นฝ่ายส่งข้อความไปถามเขาก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ใช่ว่าหลังจากจบความสัมพันธ์ในคืนนั้นแล้วฉันจะไม่ติดต่อเขาไปนะ ฉันติดต่อเขาไปแล้ว และข้อความสุดท้ายที่ฉันส่งไปก็คือการถามว่า ‘คุณถึงคอนโดฯ หรือยังคะ’ เพราะหลังจากที่เรามีอะไรกันอย่างถึงพริกถึงขิงจนเกือบเช้า เขาก็อาสาขับรถมาส่งฉันที่คอนโดฯ ด้วยคิดว่าฉันคงจะกลับคนเดียวไม่ไหว ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ ฉันแทบจะกลับไม่ไหวจริงๆ แต่พอส่งข้อความนั้นไป ฉันก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ กลับมาแม้แต่น้อย กระทั่งจะเปิดอ่าน เขายังไม่เปิดอ่านเลย แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นไปอีกหลายวัน ทำเอาฉันหงุดหงิดงุ่นง่าน กระวนกระวายใจไปหมด จวบเข้าสัปดาห์ที่สอง ฉันถึงได้ตัดสินใจลบแอพลิเคชั่นหาคู่นั่นทิ้ง เขาก็แค่อยากฟันฉันเท่านั้น ไม่ได้อยากจะสานสัมพันธ์แต่อย่างใด ซึ่งฉันควรจะตัดใจ การรักคนที่ไม่สมควรรักหรือตกหลุมรักง่ายเกินไป เป็นบทเรียนที่ใหญ่สำหรับฉันมากทีเดียว เพราะนอกจากจะโทษใครไม่ได้แล้ว ยังจะขอความเห็นใจจากใครไม่ได้อีกด้วย ก็ง่ายเองนี่นา หวังมากแต่อีกฝ่ายไม่ได้คิดกับเราเหมือนกับที่เราคิดกับเขา ก็ต้องพบจุดจบอย่างนี้แหละ ฉันถอนหายใจยาว พยายามไม่คิดถึงเรื่องของมอร์แกนอีก ตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะ ‘ครูพี่เลี้ยง’ ของโรงเรียนอนุบาลเอกชน แห่งหนึ่งเป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้มีเรื่องให้ฉันทำและค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษด้วยเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันอยู่ประจำที่ชั้นอนุบาลหนึ่ง ตอนนี้มีหน้าที่คอยรับเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองมาส่ง และโอ๋เด็กพวกนั้นให้หยุดร้องไห้เมื่อตอนผู้ปกครองกลับไปด้วย มันเป็นงานที่ค่อนข้างยาก แต่ฉันชอบนะ ฉันชอบที่จะได้อยู่กับพวกเด็กๆ เพราะความน่ารักสดใสของเด็กพวกนี้ทำให้ฉันกระปรี้กระเปร่าจนลืมคนบางคนที่หัวใจยังคงจำได้แม่นอยู่เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนความกระปรี้กระเปร่านั้นจะอยู่กับฉันได้ไม่นานสักเท่าไร เพราะพอฉันรับเด็กอนุบาลคนหนึ่งเข้าชั้นเรียนเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็ออกมารับเด็กคนใหม่ที่เพิ่งจะมาถึง และดูท่าจะงอแงน่าดูชม ทว่าพอเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นกับผู้ปกครองที่พามาส่งแล้ว ฉันก็ต้องยิ้มค้างเพราะว่า... ผู้ปกครองของนักเรียนคนนั้นคือ มอร์แกน แคมป์เบลล์ คนนั้นน่ะสิ! นิ่งจนทำอะไรต่อไม่ถูกเลย ทำให้พี่บี๋ ครูประจำชั้นสาว ร่างอวบต้องออกมารับหน้าแทน พร้อมกับทักทายผู้ปกครอง...เอ่อ... มอร์แกน ด้วยภาษาอังกฤษ “ผมพูดไทยได้ครับ ไม่เป็นไร” มอร์แกนยิ้มรับ สร้างความประทับใจให้กับพี่บี๋เป็นอย่างมาก พี่บี๋เองก็ยิ้มกว้างเลย “พูดไทยชัดมากเลยนะคะคุณพ่อ เห็นเป็นฝรั่ง คิดว่าจะพูดไม่ชัดซะอีก” “ถึงจะเป็นฝรั่ง แต่ผมก็อยู่ไทยมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับ คุ้นชินกับสำเนียงภาษาไทยแล้ว” ฉันเพิ่งรู้ในตอนนี้นี่แหละว่าเขามีพื้นเพเป็นมาอย่างไร ถึงจะนิดหน่อยก็เถอะ ทำไมนะ ตอนที่ยังคุยกันอยู่ถึงไม่รู้จักถาม? แต่รู้ไปก็ไม่ช่วยอะไรแล้วล่ะ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันมันจบลงไปแล้ว ฉันพยายามเรียกสติให้กลับคืนมา ทอดสายตามองไปยังเด็กชายที่มอร์แกนพามาส่ง ขณะที่พี่บี๋คุยกับเขาอยู่ “เดี๋ยวคุณพ่อส่งน้องแล้วกลับได้เลยนะคะ ที่เหลือครูจะดูแลต่อเองค่ะ” “ได้ครับ ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้รับเสียด้วย มารยาทดีเหลือเกินพ่อคุณ! ฉันไม่ได้ประชดเขานะ พูดจริงๆ ถึงอยากจะประชด อยาก ตัดพ้อที่เขาหายไปก็เถอะ ทว่าก็ไม่ได้สนใจเขาอีกแล้วเพราะทันทีที่สิ้นเสียงมอร์แกน พี่บี๋ก็จูงมือเด็กน้อยคนนั้นมาหาฉัน “โรส พาไมเคิลไปรวมกับกลุ่มเพื่อนหน่อยนะ พี่ฝากดูที เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” บอกแค่นั้นก็จรลีหายไปเลย ทิ้งให้ฉันยืนจับมือกับหนูน้อยเพียงลำพัง ไม่สิ...ไม่ใช่เพียงลำพัง ยังมีคุณพ่อของหนูน้อยไมเคิลยืนหัวโด่อยู่ด้วย ฉันเหลือบมองใบหน้าคร้ามคมของมอร์แกนแค่แวบเดียว เห็นเขายิ้มก็รีบเบือนหนี ไม่อยากจะสนใจ หากแต่เมื่อบอกกับไมเคิลว่า... “เดี๋ยวเราไปอยู่กับเพื่อนๆ กันนะคะ ครูโรสพาไปค่ะ” มอร์แกนก็โพล่งออกมาทันที “คุณทำเป็นเหมือนไม่รู้จักผมเลยนะ โรส” มันดังพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน ฉันตวัดสายตาไปมองเขา ก็พบว่าเขากำลังหัวเราะอยู่ “ไม่คิดจะทักทายผมหน่อยเหรอครับ” จะให้ทักทายอะไรล่ะ ให้ทักแล้วถามว่าหายหัวไปไหนมาเป็นเดือนได้ไหม! ไม่ได้สินะ ฉันเองก็ไม่อยากรู้แล้ว ไม่อยากจะพูดคุยด้วยเหมือนกัน จึงแสร้งทำเป็นเฉย ว่าออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ถ้าคุณพ่อส่งน้องเสร็จแล้วก็กลับไปได้เลยนะคะ เดี๋ยวครูดูแลต่อให้ค่ะ” ขอลอกเลียนแบบพี่บี๋มาหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มอร์แกนผละจากที่ตรงนั้นไปได้หรอกนะ เอาเถอะ ในเมื่อเขาไม่ไป ฉันไปเองก็ได้ ฉันหมุนตัว กะจะพาน้องไมเคิลไปรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ ซึ่งก็ได้พาไปรวมแหละ ทว่าพอปล่อยมือจากเด็กน้อยเท่านั้น แขนของฉันก็ถูกใครบางคนคว้าไปจับไว้มั่น ใครคนนั้นก็คือมอร์แกน... “มีอะไรคะ” น้ำเสียงของฉันไม่ค่อยพอใจนัก ไม่อยากให้เขามาทำรุ่มร่ามที่นี่ มอร์แกนดูไม่ใส่ใจเท่าไร เพราะพอจับตัวฉันไว้ได้แล้ว เขาก็กระซิบแผ่ว “คุณโกรธผมเหรอ” โกรธหรือ? ใช่ ฉันโกรธ ตอนแรกก็ไม่โกรธหรอก พอเขาถามก็โกรธเลย โกรธที่เขาทำรุ่มร่ามในที่ทำงานของฉัน แล้วที่สำคัญ...ก็คือโกรธที่หายหัวไปไม่บอกกล่าวน่ะ! แต่ฉันจะไปทำอะไรได้ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่สานต่อความสัมพันธ์ ฉันมันงี่เง่าไปเองที่อยากจะต่อความสัมพันธ์ให้ยาวขึ้น ซึ่งตอนนี้ฉันไม่คิดที่จะทำอย่างนั้นแล้ว ได้แต่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วว่าเสียงแข็งน้อยๆ “ไม่มีอะไรต้องโกรธคุณพ่อนี่คะ หมดธุระแล้วก็กลับไปเถอะค่ะ อยู่อย่างนี้มันขวางทางการทำงานของครูนะคะ” มอร์แกนไม่ยอมขยับ ยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม มิหนำซ้ำยังยกยิ้มออกมา “คุณโกรธผมจริงๆ ด้วย” แล้วก็ส่งสายตาคู่นั้นจับจ้องมายังฉัน ฉันไม่รู้หรอกว่าสายตาของเขาตั้งใจจะสื่ออะไร รู้แต่เพียงว่าพอสบตาแล้ว ใจฉันก็เต้นตึกขึ้นมา เต้นแรง...เหมือนกับวันที่ฉันได้เจอเขาครั้งแรกเลย ฉันหลุบสายตาหนี จ้องต่อไม่ได้ ขืนจ้องต่อ ฉันคงจะไม่เป็นตัวของตัวเองแน่ๆ “ครูขอตัวนะคะ” และก่อนที่เขาจะปั่นหัวฉันได้อีกครั้ง ฉันก็รีบตัดบทเสียก่อน กะว่าจะลอบหนีไปห้องน้ำเหมือนกันถึงจะต้องทิ้งนักเรียนไว้สักครู่หนึ่งก็เถอะ ทว่าไม่ทันจะได้ไปไหน มอร์แกนก็ก้าวมาดักหน้าเอาไว้ ฉันมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “คุณพ่อคะ...” ทว่าเขาก็แทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะได้พูดจบ “ผมคิดถึงช่วงเวลาที่คุณใช้กับผมในวันนั้นนะ” พลันจ้องมองตาฉันนิ่งๆ ด้วยสายตาที่...ยากจะบอกว่าเป็นสายตาแบบไหน มันเย้ายวน ล่อลวง ล่อหลอกให้ฉันต้องสบตาเขานิ่งเช่นกัน อะไรไม่ว่า หัวใจฉันยังเต้นระทึกเสียจนแทบจะระเบิดออกมาข้างนอกอีกด้วย เขาหมายถึงเรื่องวันนั้นที่ฉันกับเขามีอะไร...กัน พยายามไม่คิดแล้วนะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ หัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิมอีก มิหนำซ้ำ ความรู้สึกที่ฉันพยายามจะลบเลือนมันไปก็พร่างพรายขึ้นมาทีละน้อย จนฉันรู้สึกถึงมันได้อย่างเต็มที่ เอาอีกแล้ว...ฉันตกหลุมรักเขาอีกแล้วสินะ ไม่ได้! จะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้! ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ทำให้มอร์แกนต้องถาม “เป็นอะไรเหรอครับ” ฉันจ้องหน้าเขาแทนคำตอบ แล้วก็พลันคิดได้ว่าถ้าไม่อยากจะรู้สึกอย่างนี้อีก ก็ควรที่จะไล่ให้เขาไปพ้นๆ หน้า ไล่เลย! ไล่เดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นเธอแย่แน่ๆ รสมาลี! “ขอเถอะนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ ครูทำงานไม่สะดวกนะ” ฉันพูดเร็วๆ มอร์แกนดูท่าจะไม่ฟัง เขาอ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ไม่ได้พูดเมื่อจู่ๆ พี่บี๋ก็กลับมาจากห้องน้ำเสียก่อน “เอ้าคุณพ่อ ยังไม่กลับเหรอคะ ครูนึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” มอร์แกนปั้นหน้าไม่ถูกเลยล่ะ ฉันรอดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ แวบเดียวเขาก็หัวเราะแห้งๆ ให้กับพี่บี๋ “กำลังจะกลับแล้วครับ รอดูว่าไมเคิลจะอยู่กับเพื่อนใหม่ได้ไหมก่อนน่ะ” “อ๋อ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะคะ เด็กๆ ยังไม่รู้จักกันก็จริง แต่อีกเดี๋ยวก็จะรู้จักกันแล้ว ครูดูแลให้ค่ะ ไม่ต้องห่วง คุณพ่อกลับได้เลย ถ้าคุณพ่อยังอยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวน้องจะร้องตามเอานะ” เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เวลาที่ผู้ปกครองพิรี้พิไรไม่ยอมกลับสักที ทำให้เด็กร้องกระจองอแงหาพ่อแม่ได้ มอร์แกนตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงนี้มั้ง เพราะเขาพยักหน้าแล้วตอบรับกับพี่บี๋ “โอเคครับ งั้นผมขอฝากไมเคิลด้วย” “ไม่ต้องห่วงค่ะ กลับดีๆ นะคะ” พี่บี๋ยกมือไหว้ ฉันก็ยกมือไหว้ตาม มอร์แกนยกมือพนมตอบรับอย่างเก้ๆ กังๆ มองหน้าฉันทิ้งท้ายแล้วก็เดินหายไปจากหน้าห้องเรียน ครั้นหายไปจนลับสายตาแล้ว พี่บี๋ก็เอ่ยขึ้นมา “เป็นฝรั่งที่หน้าตาดีมาก คนอะไรล้อหล่อ โรสว่าไหม” ฉันยกยิ้มเจื่อน มอร์แกนหล่อก็จริง สมบูรณ์แบบไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่...เขาเป็นพวกฟันผู้หญิงแล้วชิ่งหนีนะ อยากจะบอก ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดขึ้นมาได้ เลยได้แต่ทำเฉยๆ ให้พี่บี๋ได้สั่งงานแทน “อะ เอาล่ะ ได้เวลาไปดูแลนักเรียนแล้ว พี่ฝากด้วยนะโรส อย่าให้เด็กๆ ร้องไห้งอแงเสียงดัง พี่จะคอยรับเด็กคนอื่นๆ ที่ทยอย มาเอง” “ได้ค่ะ” รับปากแล้วก็เดินไปหากลุ่มเด็กๆ ที่นั่งมองหน้ากันไม่รู้เรื่องรู้ราวบ้าง นั่งเล่นด้วยกันบ้าง ฉันเบนสายตาไปที่ไมเคิลและให้ความสนใจเด็กน้อยคนนี้มากเป็นพิเศษ พลันในหัวก็มีประโยคหนึ่งลอย เข้ามา ลูกของมอร์แกน... เฮอะ มีลูกแล้วก็ไม่บอก คงมีแต่ฉันสินะที่บอกเรื่องราวของตัวเองแต่ฝ่ายเดียว แล้วก็ต้องรีบระงับอาการกระฟัดกระเฟียดในใจทันทีเมื่อหูได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น เรื่องของมอร์แกนช่างมัน คิดไปก็ปวดสมอง อย่างไรเสียก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันแล้ว ทำงานดีกว่าเรา...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD