ตอนที่ 4 เสี่ยวไป๋เจ้าม้าดำ
จ้าวลี่หลินนั่งบนเกวียนหันหลังให้กับลู่ชุน นางนำข้าวที่หุงเอาไว้คลุกกับงาขาวเกลือปรุงรสและเนื้อแห้งสับละเอียด จากนั้นปั้นเป็นก้อนขนาดพอดีคำ ห่อด้วยใบจิงจูฉ่าย จัดวางใส่กล่องเอาไว้ ทำแบบนี้ไปจนข้าวที่หุงมาหมดหม้อ ความจริงหากนางหาสาหร่ายได้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ในเมื่อมันไม่มีก็ต้องหาอะไรแก้ขัดไปก่อน ถึงอย่างไรก็กินได้เช่นกัน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็ขยับไปด้านหน้า
"กินข้าวก่อนเถอะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงล้อเกวียนกับเสียงย่ำเท้าของเจ้าเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่ดังก้อง สองผัวเมียกลับไม่แม้แต่จะเอ่ยปากสนทนากันเลยสักคำเดียว
"เพิ่งจะออกเดินทางเอง เจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ บอกแล้วว่าอย่าถ่วงข้ามิเช่นนั้นข้าก็ไม่กลัวที่จะทิ้งเจ้า" จ้าวลี่หลินถอนหายใจออกมา ที่บอกว่าบุรุษผู้นี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็ไม่เกินจริงนัก เมื่อคืนเขายังสังหารโจรที่หมายจะทำร้ายนาง เฝ้านางยามที่อาบน้ำ ทว่าตอนนี้กลับขู่จะทิ้งนางอีกแล้ว
"ข้ามิได้หมายความว่าจะพักเสียหน่อย ข้ายังต้องพักอันใดอีก เหนื่อยหรือก็ไม่ ท่านต่างหากนั่งบังคับเกวียนอยู่ตลอด ทั้งเมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน อาหารเช้าก็ไม่ได้กินอีก"
"มันก็เรื่องของข้า!!.."
"ใช่มันเป็นเรื่องของท่าน แต่หากท่านเป็นลมหมดสติขึ้นมา เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องของท่านเพียงผู้เดียว ยามนั้นต้องเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน อย่าลืมว่าชีวิตข้ายามนี้ผูกติดเอาไว้กับท่านแล้ว อ้อ..อย่าได้คิดเชียวว่าข้าจะเป็นห่วง ข้าก็เพียงหวังให้ท่านพาข้าไปถึงบ้านบรรพชนอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นท่านจะทำสิ่งใดล้วนไม่เกี่ยวกับข้า"
"เจ้า!!..สตรีน่ารังเกียจ" ลู่ชุนถลึงตามอง เขาเค้นเสียงเหี้ยมออกมา จ้าวลี่หลินรู้สึกหวาดกลัวมาก ทว่าก็พยายามเชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่ได้รู้สึกอันใด
เจ้าเสี่ยวไป๋ห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้เจ้านายมันจะไม่มองทาง แต่กระนั้นเจ้าม้าดำก็วิ่งไปอย่างมั่นคง หลบหลีกสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้อย่างแม่นยำ แต่กระนั้นก้อนหินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านกลางทาง ก็ทำเอาหญิงสาวที่มองเห็นกรีดร้องขึ้น
"เฮ้ย!!..ท่านระวังชน" ลู่ชุนกระตุกบังเ**ยนม้าขึ้น เสี่ยวไป๋ถูกดึงกะทันหันก็แสดงความไม่พอใจออกมา มันตะกุยขาหน้าขึ้นพ่นลมหายใจออกจากจมูกบาน ๆ และร้องฮี่เสียงดัง จ้าวลี่หลินไม่ทันตั้งตัวถลาไปข้างหน้า ลำตัวติดคอกกั้นทว่าใบหน้ากระแทกเข้ากับแผ่นหลังแกร่ง เลือดไหลออกมาจากรูจมูกเล็ก
"อู๊ย...ท่าน!!..เหตุใดจึงไม่ระวัง"
"นั่นไม่ใช่เพราะเจ้ากรีดร้องเหมือนคนเสียสติหรอกหรือ"
"ก็ไอ้ม้าดำนั่นมันจะชนหินอยู่แล้ว"
"ฮี่ ๆ" พรืด!!..เสียงลมหายใจพ่นออกมา พร้อมกับหน้าแหลม ๆ ที่ตวัดกลับมามองนาง ให้ตายเถอะ ไอ้ม้าบ้านี่มันต้องรู้ภาษามนุษย์แน่ ๆ ก็ดูจากที่มันหันมามองนางสิ ไหนจะฟันเหยิน ๆ ที่มันแสยะออกมาอีก
จ้าวลี่หลินมือหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก อีกมือกำคอกไม้กั้นระหว่างคอกโดยสารและคนขับเกวียนเอาไว้แน่น ลู่ชุนก้มลงหยิบกล่องข้าวที่ตกลงไปข้างตนเอง ดีที่เขาคว้าเอาไว้ทันไม่เช่นนั้นอาหารนี่ก็คงไม่ต้องกินแล้ว เขาวางมันไว้บนต้นขา อีกมือก็ยื่นไปตบที่ก้นม้าเบา ๆ
"เสี่ยวไป๋เด็กดีอย่าถือสานางเลย สตรีเช่นนี้มีค่าให้เจ้านำมาเป็นอารมณ์หรือ รีบไปเถอะ" เจ้าเสี่ยวไป๋หันหน้ากลับไป และเริ่มวิ่งไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวล จ้าวลี่หลินถอนหายใจออกมา เอาเถอะคงเป็นเหมือนคำที่ว่า สัตว์เลี้ยงและเจ้าของย่อมนิสัยเหมือนกัน เช่นนั้นไม่รู้ว่าลู่ชุนจะชอบกินหญ้าเหมือนไอ้ม้าดำนี่หรือไม่
ลู่ชุนเปิดกล่องข้าวออกมาหยิบข้าวปั้นขนาดพอดีคำโยนเข้าปาก ก้อนข้าวธรรมดากลับซ่อนเนื้อและผักดองเอาไว้ข้างใน คิ้วหนายกขึ้นพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาหยิบก้อนแล้วก่อนเล่า ครั้นก้มลงมามองก็เหลือเพียงสามก้อนเท่านั้น ชายหนุ่มแอบหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นสตรีนางนั้นกำลังเงยหน้าเชิดปลายจมูกขึ้น ท่าทางตลกขบขันเสียจริง ผ้าเช็ดหน้าถูกนางม้วนยัดเข้ารูจมูกไปแล้ว ไหนเลยจะเหมือนสตรีเจ้าเล่ห์คนเดิม หรือเพราะถูกคนของฮูหยินใหญ่ทำร้ายจึงได้ฟั่นเฟือนไปแล้ว
"นอนลงไปสิเลือดจะได้หยุดไหล" นางก้มหน้าลงหันไปมอง ริมฝีปากเบ้ขึ้น
"เหมือนจะหยุดไหลแล้วละ ท่านจะดื่มน้ำหรือไม่" นางหยิบกระบอกไม้ไผ่ส่งไปข้างหน้า พร้อมกับรับกล่องข้าวมาถือไว้ ครั้นเห็นข้าวปั้นสามก้อน ก็กลอกตาขึ้น ข้าวมีถึงสิบก้อนเขากินไปเจ็ดก้อนเชียวหรือ ไม่กินไปให้หมดเลยเล่าไอ้คนบ้าเอ๊ย ถึงในใจจะด่ากราดเพียงใด แต่ใบหน้าก็แสดงออกเพียงรอยยิ้มเท่านั้น
"หืม..โป้เหอ[1] นำมาทำชาได้ด้วยหรือ"
"เหตุใดจะไม่ได้ โป้เหอมีรสหอมเย็น พวกเราเดินทางกันกลางแจ้งตากแดดร้อน ๆ เช่นนี้ ดื่มชาโป้เหอก็จะช่วยให้สดชื่นขึ้น คลายร้อนและยังไม่ทำให้เป็นไข้แดดอีกด้วย"
"ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้ามีความรู้เช่นนี้ด้วย"
"มีอีกหลายเรื่องเชียวละที่ท่านไม่รู้เกี่ยวกับข้า เช่นไรสนใจแล้วหรือ"
"หึ..สตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าหรือจะอยากรู้"
"เฮอะ!!..ก็ที่เอ่ยมานี่ล้วนอยากรู้ทั้งนั้น" จ้าวลี่หลินเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
ลู่ชุนเป็นคนปากหนักเขาไม่ค่อยพูดมากสักเท่าไร แต่กระนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้เอาแต่ต่อปากต่อคำกับนางไม่จบไม่สิ้น ดูเหมือนการเดินทางคราวนี้ก็มิได้น่าเบื่อสักเท่าไรนัก แต่กระนั้นทั้งสองก็ไม่รีรอ เจ้าเสี่ยวไป๋ก็ยังควบออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกลงที่ตรงขอบฟ้า ชายหนุ่มก็แวะพักข้างทางเหมือนเช่นเมื่อวาน เขาเลือกหยุดใกล้แหล่งน้ำเพื่อที่จะสะดวกต่อหญิงสาว
จ้าวลี่หลินก็รับหน้าที่ทำอาหารอีกเช่นเคย วันนี้โชคดีที่ลู่ชุนยิงกระต่ายป่ามาได้หนึ่งตัว นางหมักเกลือและย่างจนเหลืองหอม จากนั้นก็บดงาโรยลงไปนางกินไปเพียงแค่ขาเดียวที่เหลือก็ลงท้องของลู่ชุนไปจนหมด คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่นางต้องนอนไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก เพราะไม่รู้ว่าจะมีมือสังหารบุกเข้ามาอีกหรือไม่ นึกไปถึงเมื่อคืนที่พวกชุดดำพุ่งตัวมาทางนาง บุรุษผู้นั้นไม่ได้มองกลับมาสักนิด มือเขาก็ตวัดกระบี่ทางคนผู้นั้น ปลายกระบี่ทะลุตัดหัวใจตายในดาบเดียว และเขาแทงมันโดยที่ไม่หันมามองเหมือนกับว่ามีตาอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดหลุดคมกระบี่เข้ามาทำร้ายนางได้ ต่อให้เห็นการนองเลือดกับตา แต่ไม่รู้ทำไมนางถึงได้ไม่กลัวเขาเลยสักนิด กลับเชื่อใจเขามากขึ้นไปอีก
เชิงอรรถ
^ ******/โป้เหอ สะระแหน่ Mint