10

1532 Words
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” “อุ๊ย!” บัวบุษบารีบหันหลังหนีเขา จึงสะดุดเข้ากับท่อนไม้จนเกือบจะหกล้ม แต่ดีที่ชายหนุ่มเข้ามารับร่างของเธอเอาไว้ได้ทันเจ้าหลงที่เดินตามมาเห่าด้วยความเป็นห่วงเจ้านายสาว แต่พอเธอไม่ได้เป็นอะไรมันก็หยุดเห่าของมันไปโดยปริยาย “ไม่เป็นอะไรนะครับ” เขาถามอย่างห่วงใย “ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอมองสบตาเขา การได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคย เธอรีบขยับตัวออกห่างเล็กน้อย เพราะรับรู้ถึงความไม่สมควร พงศ์อินทร์ยอมปล่อยเธอแต่โดยดี เขามองเธอด้วยสายตามีความหมาย “สงสัยเจ้าหลงจะหวงคุณมากๆ เลยนะครับ” “มันก็แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่คุณเป็นคนแปลกหน้าที่มันไม่กระโจนเข้าใส่หรือเห่าดุๆ แบบว่าทำท่าจะกัดหรือไล่นะคะ มันเหมือนเห่าทักทายคุณเสียมากกว่า” เธอบอกเขา มองหน้าเจ้าหลงที่มองเธอไม่วาง ดูเหมือนมันจะเข้าใจที่เธอพูดเลยกระดิกหางไปมา จนเธอต้องอมยิ้ม “ผมรู้สึกเหมือนเรา... เคยรู้จักกันมาก่อน” เขาชวนคุยเมื่อเธอออกเดินต่อ “เหรอคะ?” เธอไม่แน่ใจในเจตนาของเขา ทั้งที่ใจอยากบอกว่าเธอเองรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะยังไม่รู้จักเขาดีพอ “ที่นี่อากาศดีมากเลยนะครับ แต่ผมยังไม่เห็นใครเลยนอกจากคุณ” เขานึกห่วงเธอ บอกว่ามีคนเก่าแก่อีกสองคน แต่เขายังไม่เห็นใครเลย “พวกท่านคงอยู่ที่ไหนสักแห่งน่ะค่ะ จริงๆ ฉันมีพี่ชายอีกคนน่ะค่ะ คนที่เอาภาพไปขายที่ร้านยังไงล่ะคะ” “พี่ชายของคุณบัวไปไหนเสียล่ะครับ” “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมา พี่ชายไปไหนมาไหนไม่เคยบอกกล่าว ซึ่งเธอชินเสียแล้ว “คุณเป็นผู้หญิงอยู่กับคนแก่แค่สองคน ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ” เขานึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องรับผิดชอบอะไรตั้งหลายอย่าง “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” เธอพูดก่อนจะทำเสียงในลำคอเรียกสุนัขตัวโปรดมาหา มันแสนรู้วิ่งกระดิกหางเข้ามาทันที ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พอบัวบุษบายกมือขึ้นตรงหน้ามัน มันวางเท้าของมันบนมือของเธออย่างแสนรู้ “มันแสนรู้จังเลยนะครับ” พงศ์อินทร์นั่งยองๆ ลงตรงหน้าเจ้าสุนัขแสนรู้ตัวนั้น มันไม่ได้เห่ารุนแรง หรือขู่เขาเหมือนตอนเจอกัน ดูเหมือนมันจะรู้ว่าเขาคือแขกของเจ้านาย “ใช่ค่ะ บัวเก็บมันมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ แม่มันตาย หมายถึงโดนรถชนตายน่ะค่ะ คุณพงศ์เชื่อไหมคะว่าก่อนได้เจ้าหลงมาเลี้ยง บัวฝันถึงมันด้วยหลายครั้งเชียวค่ะ” “ฝันถึงเหรอครับ” “ค่ะ ฝันว่าเก็บลูกสุนัขน่ารักตัวนึงได้ แล้วบัวก็ได้เจ้าหลงมาเลี้ยงนี่แหละค่ะ” บัวบุษบาคุยกับเขาไปนานๆ จึงแทนชื่อตัวเองไปเสียอัตโนมัติ พงศ์อินทร์ฟังแล้วทำให้รู้สึกยิ่งสนิทกับเธอขึ้นไปอีก “ชื่อเจ้าหลงเหรอครับ” “ค่ะ” “ฝันถึงมันก่อนจะได้มาเลี้ยงจริงๆ บังเอิญจังเลยนะครับ” “ใช่ค่ะ ตอนเจอมันแม่มันก็ตายแล้วค่ะ นอนเป็นศพอยู่ข้างทาง มันนั่งเฝ้าแม่ของมันไม่ยอมไปไหน กลางคืนก็นอนเฝ้า นอนเล่นกับแม่ของมัน กลางวันก็นอนเฝ้าไม่ยอมไปไหน บัวเห็นแล้วร้องไห้เชียวค่ะ” บัวบุษบาเล่าแล้วรู้สึกเวทนาจับใจ เธอน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงตอนเจอเจ้าหลงยังเด็กๆ มันคงหิวนมเลยดูดนมของแม่มันถึงแม้จะเป็นศพแล้วก็ตามที มันคงคิดว่าแม่นอนหลับ แต่ที่ไหนได้แม่ของมันตายแล้ว “สงสารมันจังเลยนะครับ” ได้ฟังแล้วพงศ์อินทร์ก็รู้สึกหดหู่เหลือเกิน “ตอนบัวรับมันมาเลี้ยงบอกมันว่าแม่มันตายแล้ว พาไปฝังให้ ทำบุญให้ ตอนนั้นมันหิวนม บัวเลยซื้อนมมาให้มันกินตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ จนมันแข็งแรงขึ้นค่ะ” เธอเล่าก่อนจะนั่งยองๆ ลูบหัวของมันไปมาอย่างรักใคร่ปรานีเจ้าหลงหมอบลงอย่างแสนรู้ ให้เจ้านายลูบหัวไปมา “ผมขอเล่นกับมันบ้างได้ไหมครับ”พงศ์อินทร์เห็นเจ้าหลงแล้วรู้สึกถูกชะตา “คุณพงศ์!!! อย่านะคะ คุณ...” บัวบุษบาชะงักเมื่อเห็นเจ้าหลงยืนนิ่งให้ชายหนุ่มลูบหัวไปมา ซึ่งปกติไม่มีใครสามารถลูบศีรษะมันได้ ถ้าไม่ได้เลี้ยงมันมา “มันเชื่องนะครับ”พงศ์อินทร์เงยหน้าพูดกับหญิงสาว ในขณะที่บัวบุษบามีสีหน้าแปลกใจ “แปลกจังค่ะ” หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน มองเจ้าหลงสุนัขตัวโปรดกับชายหนุ่มผู้เป็นแขกสลับกันไปมา เมื่อกี้เธอตกใจแทบแย่ คิดว่าเขาอาจจะโดนมันกัดเข้าให้ “แปลกยังไงครับ” เขาเห็นสีหน้าของเธอก็แปลกใจ “เจ้าหลงไม่เคยให้ใครลูบหัวมันสิคะ เห็นมันเชื่องๆ แต่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครนะคะ หมายถึงคนนอกที่ไม่เคยรู้จักกันแบบคุณ แต่กับคุณพงศ์ ทำไมมันถึงไม่กัด ยอมให้ลูบไปทั้งตัวเลยดูสิคะ” “ปกติมันกัดด้วยเหรอครับ” “กัดค่ะ ใครเข้าใกล้บัว มันกัดค่ะ ไม่ยอมให้ใครลูบหัวสักคนเดียว แต่ใช่ว่าจะกัดทุกคนนะคะ มันจะกัดเฉพาะคนไม่ดีค่ะ ปกติมันอยู่ของมันดีๆ นี่แหละค่ะ ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่พอใครเข้าใกล้บัวเหมือนจะมาทำมิดีมิร้ายหรือมาเอาอะไรของบัวไป มันกระโจนเข้ากัดเลยค่ะ จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ไม่ใช่มันจะกัดใครสุ่มสี่สุ่มห้า เห็นใครก็กัดนะคะ บัวยอมรับว่ามีเจ้าหลงคอยเฝ้าบ้านก็หายห่วงไม่มีโจรกล้าบุกรุกเข้ามาค่ะ” “กับผม มันอาจจะรู้ว่าเป็นลูกค้าของคุณบัว ก็เลยไม่กัดรึเปล่าครับ” “ถึงกระนั้นเถอะค่ะ ไม่ได้ทำร้ายอะไรบัว เป็นคนดีก็เถอะ มันไม่ยอมให้ใครลูบหัวง่ายๆ นะคะ” บัวบุษบามองเจ้าหลงอย่างฉงน ดูเอาเถอะนั่งนิ่งเรียบร้อยให้ลูบหัวไปมา เธอแปลกใจเหลือเกิน “มันกับผมอาจจะถูกชะตากันก็ได้นะครับ เช่นเคยรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน” “คงเป็นแบบนั้นน่ะค่ะ เดี๋ยวบัวจะไปเตรียมอาหารให้คุณพงศ์นะคะ” เพราะป้าพิณช่วยจัดเตรียมเครื่องปรุงเอาไว้แล้ว เธอจึงสามารถปรุงได้เลย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณพงศ์อาจจะอยากอาบน้ำอาบท่า” “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไม่รบกวนคุณบัวแล้ว” ชายหนุ่มพูดอย่างสุภาพก่อนจะเดินจากไป บัวบุษบามองตามไปจนสุดตา ก่อนหันมาคุยกับเจ้าสุนัขตัวโปรด “เขาเป็นคนที่ฉันเคยฝันเห็น แกรู้ไหมเจ้าหลง” เธอพูดกับมัน มันอ้าปากจนลิ้นโผล่ออกมาข้างนอกแล้วหอบเบาๆ นั่งฟังเธอตาแป๋ว บัวบุษบาอมยิ้ม รีบเดินไปเข้าครัว จัดแจงปรุงอาหารให้แขกคนแรกของรีสอร์ท เจ้าหลงวิ่งตามไปนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องครัวอย่างแสนรู้ คล้ายจะคอยคุ้มภัยให้เจ้านายสาว หลังจากไม่มีแขกมายาวนานป้าพิณกับลุงขันดีอกดีใจกันใหญ่ ช่วยจัดหาอาหารมารับรองแขกอย่างขมีขมัน เธอนึกขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองยิ่งนัก เลี้ยงเธอมาจนโต ดูแลรับใช้บิดามารดาแล้ว พอเธอลำบากตกยากก็ไม่เคยคิดจะทิ้งกันไปไหน คนเช่นนี้หายากยิ่งในสังคมปัจจุบัน เธอจึงคิดว่าจะปรนนิบัติพวกท่านทั้งสองให้เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง คอยดูแลกันและกันไปจนวันตาย เพราะท่านเองก็ไม่มีลูกหลานที่ไหน อาหารเย็นตรงหน้าเป็นไก่อบสมุนไพร ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ แกงจืดหมูสับยอดตำลึง ไข่เจียวหมูสับ และผัดผักรวม กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วระเบียงกว้างที่เป็นชานยื่นออกมาสำหรับนั่งรับประทานอาหาร หรือสำหรับนั่งรับลม อาจจะรวมถึงการมานั่งพักผ่อนอ่านหนังสือหรือนอนหลับ เขาคิดว่ามุมนี้สวยนักสำหรับจะนั่งวาดภาพ สามารถมองออกไปนอกบ้านได้อย่างชัดเจน “อาหารน้อยนิด ไม่รู้จะถูกปากคุณพงศ์หรือเปล่าคะ” บัวบุษบาพูดอย่างเกรงใจ กลัวลูกค้าคนสำคัญจะไม่ถูกใจ เธอมีอะไรนำมาปรุงเสียทุกอย่าง ไม่แน่ใจว่าเมนูอาหารจะเข้ากันหรือเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD