บทที่ 4
ร้อนรน
ชุยซินอี๋ลงจากรถมาอย่างเงียบๆ เธอมองซ้ายมองขวาเพื่อหาจักรยานของตนเอง รอบด้านมีเพียงต้นไม้ทั้งสองฝั่ง ไม่รู้ว่าเธอถูกพามาที่ไหน หญิงสาวตัวสั่นลนลาน รีบเดินย้อนกลับมาทางเดิมก่อนจะพบกับจักรยานของตัวเองที่จอดอยู่ข้างทาง เธอรีบคว้ามันขึ้นมาและปั่นจักรยานกลับบ้านตนเองทันที
สือชิงแม่ของเธอกำลังรอลูกสาวด้วยความร้อนใจ เมื่อคืนชุยซินอี๋ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน เธอคิดจะไปตามหาที่ภัตตาคารแต่ทว่าอยู่ก็หน้ามืดเวียนหัวคงเพราะว่าช่วงนี้เธอทำงานหนักเกินไป จึงทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น
ไม่นานก็มีรถจักรยานขี่มาจอดที่หน้าบ้าน สือชิงรีบวิ่งออกไปดู ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ลนลาน
"ซินซินลูกไปที่ไหนมา ทำไมไม่กลับบ้าน!!!!"
ชุยซินอี๋ยังอยู่ในอาการตกใจ เมื่อได้ยินแม่ตะโกนถามแบบนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อย เธอพยายามตั้งสติและหาทางตอบคำถาม เรื่องนี้เธอไม่กล้าบอกแม่เลยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี
ชุยซินอี๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา
"แม่คะ หนูขอโทษนะคะ พอดีว่าเมื่อคืนดื่มเหล้าไปแก้วหนึ่งแล้วรู้สึกมึนๆ ตอนที่เดินออกมาจากภัตตาคารหนูไปเจอผู้ชายไม่น่าไว้ใจสองคนยืนอยู่ หนูเลยไม่กล้ากลับ จึงขอนอนที่ภัตตาคาร โชคดีที่พ่อครัวจ้าวยังไม่ได้ปิดประตูล็อกกุญแจ เลยให้หนูไปนอนในห้องเก็บของน่ะค่ะ"
สือชิงมองดูลูกสาวด้วยแววตาที่สงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เธอคิดเพียงแค่ว่าขอเพียงชุยซินอี๋กลับมาอย่างปลอดภัย เธอก็เบาใจแล้ว การที่ชุยซินอี๋ขอนอนที่ภัตตาคาร อย่างไรก็ปลอดภัยกว่าการเสี่ยงกลับมาดึกดื่นแล้วพบเจออันตรายเข้า ลูกสาวของเธอคงไม่ได้ไปเกเรที่ไหนอย่างที่พูดมาจริงๆ เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงเอ่ยกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงไม่น้อย
"อืม อย่างนั้นลูกก็รีบไปพักเถอะ นอนหลับสักหน่อยแล้วรีบตื่นไปทำงาน"
"ค่ะแม่"
ชุยซินอี๋รับคำ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หลังจากอาบน้ำแล้วเธอก็กลับเข้ามานั่งคุดคู้อยู่บนเตียง เธอรู้สึกแย่มาก ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เป็นเพราะเธอไม่ระวังตัว และเป็นเพราะว่าเธอทำตัวเหมือนผู้หญิงใจง่ายที่ไปไหนกับผู้ชายง่ายๆมันจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
ยิ่งคิดชุยซินอี๋ก็ยิ่งหวาดกลัว เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้แม่ที่นั่งอยู่ข้างนอกได้ยิน มันทรมาณเหลือเกินเธอสับสนไปหมด
เขาเป็นใครก็ไม่รู้ แม้แต่ชื่อเธอก็ยังไม่รู้เลย เรื่องนี้มันเหลวไหลเกินไปแล้ว!!!
ชุยซินอี๋ทำได้เพียงเก็บเงียบไม่กล้าพูดให้ใครฟัง ถึงพูดไปใครก็ช่วยเธอไม่ได้ ตอนนี้เธอจะต้องตั้งสติเสียก่อน
สือชิงที่เห็นว่าลูกสาวเงียบไปก็เป็นห่วง จึงคิดจะเข้ามาดูในห้อง เมื่อเข้ามาก็พบว่าชุยซินอี๋กำลังนอนหลับอยู่ เธอยกมือขึ้นแตะบนหน้าผากก็พบว่าชุยซินอี๋ดู ก็พบว่าเหมือนจะมีไข้อ่อนๆ เธอจึงให้ลูกสาวนอนพักและไม่ต้องไปทำงานวันนี้จะลาคุณนายเฝิงให้เอง อีกทั้งก่อนที่เธอไปจะไปทำงานยังปลุกชุยซินอี๋ให้ลุกมากินยาอีกด้วย
วันนั้นทั้งวันชุยซินอี๋ไม่ยอมลุกมากินข้าวเลยเธอรู้สึกแย่เหลือเกิน
ด้านเฝิงอี้นั้นเมื่อเขาตื่นมาก็รู้สึกปวดไปหมดทั้งตัว เขาก้มมองดูตนเองที่ร่างกายเปลือยเปล่าก็ขมวดคิ้วมุ่นรีบหาเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างลวกๆ ก่อนจะหวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้
เขาจำได้ว่าเจอกับหญิงสาวที่งดงามเหมือนดาราคนนั้นและ...
เกิดความสัมพันธ์กันในชั่วข้ามคืน
เมื่อคิดได้แบบนั้นเฝิงอี้จึงหันมามองที่เบาะข้างๆทันที แต่กลับไม่พบใครเสียแล้ว พบเพียงรอยเลือดจางๆที่เปื้อนอยู่บนเสื้อสีขาวของเขาซึ่งวางอยู่บนเบาะที่นั่งเพียงเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนแรกของหล่อนเสียด้วย
แล้วตอนนี้หล่อนหนีหายไปอยู่ที่ใดกันนะ?
เฝิงอี้รีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมใส่แล้วเดินลงมาจากรถก่อนจะมองไปโดยรอบ ให้ตายเถอะ ดูเหมือนว่าเขาจะเมาหนักจนขับรถสะเปะสะปะมาที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งมันไม่ใช่ทางกลับบ้าน ซ้ำยังไปทำมิดีมิร้ายกับหญิงสาวที่ไหนก็ไม่รู้เข้า
เขาจำใบหน้าสวยหวานของเธอได้แม่นยำ ไม่รู้ทำไมใจของเขามันถึงได้เต้นแรงแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง
เมื่อหาเธอคนนั้นไม่พบ เฝิงอี้จึงขับรถกลับมาที่บ้าน เขาโดนแม่ต่อว่าไม่น้อยที่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้
“อาอี้ ลูกไปที่ไหนมาถึงไม่กลับบ้าน หรือว่าไปนอนกับผู้หญิงคนไหนมา อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะ พฤติกรรมชอบหิ้วผู้หญิงกลับมานอนด้วยของลูกน่ะ ป้าลูกรายงานแม่หมดแล้ว”
เฝิงอี้เม้มริมฝีปากแน่นไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก คุณนายเฝิงเองก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ลูกชายจึงพูดกับเฝิงอี้ต่ออีกเล็กน้อย
"อาอี้ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่จะพาลูกไปที่ภัตตาคารด้วย ไปดูงานที่บ้านเราเสียหน่อย ลูกคงอยากเจอซินซินใช่ไหมละ เด็กหญิงผมเปียตัวน้อยที่แบกลูกกลับมาที่บ้านเมื่อหลายปีก่อนน่ะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินว่าจะได้พบกับชุยซินอี๋ เขาก็เลิกคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปก่อนชั่วคราว และรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที ตอนนี้พ่อของเขาคงนอนพักอยู่ ส่วนเฝิงอินก็กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง
เขาตามแม่ไปที่ภัตตาคารตระกูลเฝิง คนงานทุกคนต่างให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก ในขณะที่เฝิงอี้กำลังนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็มีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาแม่ของเขา เขาจำได้ว่าเธอคือแม่ของชุยซินอี๋ แม้ตอนนี้จะแก่ชราลงไปไม่น้อยแล้วแต่เขาก็ยังจำได้
"คุณนายเฝิงคะ ฉันมาลางานให้ซินซินน่ะค่ะ แกป่วย ไม่คิดว่าจะเหลวไหลขนาดนี้ ถึงกับดื่มเหล้าไปด้วย เมื่อคืนก็นอนที่นี่ไม่ได้กลับบ้านอีกต่างหาก กว่าจะกลับก็เกือบเช้า ฉันก็ตักเตือนแกไปแล้วค่ะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้สนใจสิ่งใดมากนัก ในใจเหมือนเกิดความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแปลกประหลาด
คุณนายเฝิงที่ได้ยินก็รีบเอ่ยถามทันที
"ตายแล้ว ซินซินเป็นอะไรมากไหม เธอมีเงินซื้อยาให้ลูกหรือเปล่า ฉันให้เบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้นะ น่าสงสารจังเรียนจบก็ต้องมาทำงานไม่ได้เที่ยวเหมือนใครเขา ให้หล่อนพักเถอะหายเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำงาน น่าเสียดายไม่ได้พบกับเฝิงอี้เลย แต่ก่อนเด็กสองคนนี่แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา"
สือชิงมองดูเฝิงอี้ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เฝิงอี้เองก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“คุณป้าสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะคุณชาย”
“เสียดายไม่ได้เจอซินซินเลย ฝากบอกเธอด้วยนะครับว่า ขอให้เธอหายป่วยเร็วๆไว้พบกลับมาครั้งหน้าคงได้พบกัน”
“ขอบคุณมากค่ะคุณชาย ไว้จะบอกซินซินให้นะคะ ป้าขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ”
"ครับป้า"
เมื่อสือชิงไปแล้ว คุณนายเฝิงจึงหันมามองลูกชายของตน ก่อนจะเอ่ยถาม
"อาอี้ เป็นยังไง ภัตตาคารของเราใหญ่โตมากเลยนะ วันหน้าหากลูกกลับมาก็มาบริหารต่อได้เลย"
เฝิงอี้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยอะไร คุณนายเฝิงที่เห็นแบบนั้นก็เอ่ยถามลูกชายอีกครั้ง
"ตกลงแล้วเมื่อคืนลูกไปที่ไหนมา"
เธอเป็นแม่มีหรือจะไม่รู้ทันลูกชาย เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนอายุขนาดนี้ เธอพอเดาออกว่าเมื่อคืนเฝิงอี้อาจจะพาผู้หญิงเข้าโรงแรมมาแล้วไม่กล้าบอกเธอ
เฝิงอี้ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย
"ไม่มีอะไรครับแม่ ผมแค่ง่วง"
"จริงเหรอ"
"ครับแม่"
คุณนายเฝิงถอนหายใจออกมาพลางจ้องมองลูกชายตนเองก่อนจะเอ่ย
"ดีแล้ว อีกไม่นานลูกก็จะต้องหมั้นหมายกับสวีเพ่ยนะ ทั้งสองบ้านเองก็ตกลงกันเอาไว้นานแล้ว"
เฝิงอี้ที่ได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็เย็นชาขึ้นมาในทันที
"ผมไม่อยากหมั้นครับ ผมไม่ได้ชอบสวีเพ่ย หากแม่ยังบังคับผมอีก ผมก็จะไม่กลับมาที่กวานซีอีก"
เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไปทันที คุณนายเฝิงเองก็ลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คิดไม่ตกกับความดื้อรั้นของลูกชาย