เมื่อห้าปีก่อน
หลังจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผ่านพ้นไป มุกกันยาพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นและลงมายังชั้นล่างของคอนโดมิเนียมในเช้าวันต่อมาจากการที่เธอขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านที่ขึ้นมาทำความสะอาดชั้นนี้พอดี เมื่อกลับมาถึงห้องตัวเองได้หญิงสาวก็อ่อนแรงจนหลับยาวข้ามวันข้ามคืนไปอีกวัน เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็สับสนจนทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าก่อนจะออกจากห้องเธอจะสังเกตเห็นซากถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วถูกทิ้งอยู่บนพื้นสามชิ้นเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝันแต่เมื่อตั้งสติได้มุกกันยาก็รีบไปโรงพยาบาลให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายของเธออีกครั้งพร้อมกับขอยาคุมฉุกเฉินและฉีดยาต้านไวรัสด้วย จากนั้นจึงรีบกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำล้างเนื้อตัวให้สะอาดอีกครั้ง หญิงสาวนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำจมดิ่งอยู่กับความเศร้าจนต้องกรีดร้องออกมาเมื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่กระทำชำเราร่างกายของเธอเป็นใคร และในช่วงเวลานั้นนอกจากความกลัวเธอก็ไม่กล้าที่จะคิดทำสิ่งใดเมื่อสายตามองเห็นประตูทางออกสติก็ดึงเธอให้รีบออกมาจากตรงนั้นโดยเร็ว ใช้เวลาคิดทบทวนกับตัวเองอีกสักพักเธอก็เริ่มรู้แล้วว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอคืนนั้นซอนย่าต้องรู้เรื่องแน่ ๆ
คิดได้มุกกันยาก็รีบออกมาจากห้องน้ำเพื่อจะโทร. ไปถามความจริงและหากความจริงเป็นอย่างที่เธอคิด เธอจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด คนสารเลวเธออุตส่าห์ไว้ใจมันมาตลอดทำไมถึงได้วางยาเธอได้
มิสคอลหลายสายปรากฏขึ้นที่หน้าจอทั้งติดต่อเรื่องงานที่เธอไม่ได้ไปทำและเรื่องอื่น ๆ จากเพื่อนแต่มุกกันยาเลือกจะมองข้ามไปก่อน คนแรกที่เธอต้องการคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้คือซอนย่าเอเจนซีที่เธอร่วมงานด้วยหลายครั้งตั้งแต่เข้าวงการ
ซอนย่ารับสายของมุกกันยาแทบทันทีพร้อมกับถามมาก่อนว่า
“กลอยเป็นยังไงบ้างจ๊ะ พี่เป็นห่วงนะ ทำไมไม่มาทำงานคะวันนี้อยู่ไหนเอ่ย”
ได้ยินน้ำเสียงและคำพูดที่ฟังเป็นปกติมากของปลายสายมุกกันยาแทบกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บใจไม่อยู่ มือกุมโทรศัพท์เกร็งแน่น
“คืนนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน พี่เป็นคนทำใช่มั้ย”
มุกกันยาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตากร้าวแข็ง
“น้องกลอยพูดอะไรคะ พี่ไม่เห็นรู้เรื่อง ก็คืนก่อนนั้นพี่บอกให้น้องกลอยรอน้องกลอยก็ไม่รอ รีบกลับก่อนพี่จะรู้ได้ยังไงคะว่าน้องกลอยไปไหน โทร. หาก็ไม่รับ แล้ววันนี้ก็ไม่มาทำงานอีกรู้มั้ยว่าพี่โดนเจ้าของงานเขาด่าเละเลยนะ แล้วนี่จะมาทำงานมั้ยคะพี่รออยู่นะ”
เอเจนซีสาวประเภทสองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่ทุกคำอาบด้วยยาพิษและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเงินและผลประโยชน์ จากที่ได้ยินอีกฝ่ายใช้ถ้อยคำที่ดูปกติทุกอย่างทำให้รู้ว่าสิ่งที่พูดมาไม่มีความละอายใจอยู่แม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่ซอนย่าเป็นคนวางยาเธอในงานแล้วจะพาเธอเข้าห้องนอนเพื่อไปรอใครสักคนมุกกันยาก็คงไม่ต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายในชีวิต
“คนเลว ฉันจะไม่ทำงานกับแกอีกต่อไป”
มุกกันยาปล่อยเสียงสะอื้นออกมาพร้อมคำพูด
“น้องกลอยพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ ถ้าน้องกลอยไม่ทำงานกับพี่น้องกลอยจะไปทำงานกับใครได้คะ กลับมาทำงานเถอะลูก หนูจะได้มีเงินไปซื้อรถ ซื้อคอนโดไว้ทำทุนไงจ๊ะ”
“ไม่ ไปตายซะ อีสารเลว!”
หญิงสาวแผดเสียงใส่โทรศัพท์มือถือแล้วโยนมันทิ้งที่กลางเตียง ก่อนจะกรีดร้องออกมาพร้อมกับทึ้งศีรษะตัวเองคล้ายกับคนที่ควบคุมสติไม่อยู่ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกสองสามครั้งทว่าเจ้าตัวก็นั่งซุกอยู่ที่มุมห้องโดยไม่อยากจะคุยกับใครอีกทั้งนั้น กระทั่งเวลาผ่านไปเป็นวัน เป็นสัปดาห์มุกกันยาจึงรับสายโทรศัพท์จากเพื่อนที่ติดต่อเข้ามาบ้างหนึ่งในนั้นคือมนต์มีนา เธอโทร. มาถามว่าเพื่อนเป็นอะไรทำไมถึงไม่ไปทำงานที่รับคู่กัน หญิงสาวบอกเพียงว่าไม่ค่อยสบายแล้วก็ตัดบทวางสายไปเพราะไม่อยากคุยอะไรมากนัก มนต์มีนานั้นอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอมุกกันยาจึงไม่อยากรบกวนหรือขอความช่วยเหลือใด ๆ จากอีกฝ่าย ที่สำคัญเธออยากอยู่คนเดียวมากกว่า
มุกกันยาใช้เวลาทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าออกมาเผชิญหน้ากับผู้คน ตอนนี้โลกของเธอจากที่เคยสดใส สนุกกับงานที่ทำในทุกวันกลับกลายเป็นสีหม่นเพราะปมในใจที่ไม่มีวันลบล้างออกได้ ทุกคืนเธอนอนฝันร้ายตลอดจนต้องไปพบจิตแพทย์และตรวจโรคเป็นระยะ แม้จะพบหมอแต่เธอกลับไม่สามารถเล่าความจริงทั้งหมดให้หมอฟังได้ มันเป็นความอับอายและเจ็บปวดในชีวิตเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นเธอนอนกับใคร ได้แต่ขอยาคลายเครียดมารับประทานจนสมองรู้สึกดีขึ้น กระทั่งเข้าเดือนที่สองหญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะรับงานคนเดียวโดยไม่ผ่านเอเจนซีใดทั้งนั้น เธอทำงานอยู่ในวงการค่อนข้างนานจึงมีคนรู้จักที่สามารถติดต่องานส่วนตัวกันได้
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า เป็นกำลังใจให้กลอยด้วย