“...มานั่งตกลงเรื่องค่าตัวกันอยู่”
เอ่ยจบก็หันไปยิ้มกับเพชรไพลินที่ยืนก้มหน้าทำสีหน้าแววตาใสซื่อพร้อมทั้งขยิบตาเป็นเชิงบอกว่า
‘เธออยู่เฉย ๆ แบบสวย ๆ เถอะจ้ะเพื่อนรัก ฉันจะจัดการแม่นี่ให้เอง’
เมื่อโดนดูถูกแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มุกกันยาถึงกับพ่นลมหายใจกลอกตาขึ้น ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกขบขันกับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะมองกลับไปที่ชญาพัฒน์แบบไม่หลบสายตาแล้วเอ่ยตอบว่า
“คุณรู้จักดิฉันด้วยเหรอคะ?”
น้ำเสียงของมุกกันยาเรียบเรื่อยและไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นคนที่มีสถานะด้อยกว่า
“คนอย่างฉันคงไม่ต้องลดตัวไปรู้จักคนอย่างเธอละมั้ง”
ชญาพัฒน์เชิดหน้าตอบกลับอย่างไว้ตัว มุกกันยายังคงยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบอีกครั้ง
“อืม...ก็คงแสดงว่าเราไม่รู้จักกันนะคะ เพราะดิฉันก็ไม่รู้จักคุณเช่นกัน แต่จากที่ดู คุณเป็นคนหน้าตาดี ฐานะคงไม่ต้องบอกเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วก็ต้องไม่ธรรมดา”
ชญาพัฒน์ยิ้มมุมปากแบบเยาะ ๆ ยัยนางแบบโชว์เพชรนี่ตาถึงที่มองออกว่าเธอเป็นคนระดับไหน...
“แต่...ถ้าไม่รู้จักกันแล้วมาพูดว่าดิฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเรียกว่า ‘ทึกทัก’ ซึ่งเป็นคำสุภาพของคำว่า ‘มโน’ ค่ะ แล้วถ้าดิฉันดูไม่ผิดการศึกษาของคุณคงไม่ใช่น้อย แต่ก็ว่าไม่ได้นะคะ...การศึกษาสูงก็ไม่ได้การันตีระดับอีคิว (EQ: Emotional Quotient ความฉลาดทางอารมณ์) ของคนเสียด้วยสิ คุณว่ามั้ยคะ”
มุกกันยาทำหน้าใสซื่อหลังพูดจบ ในขณะที่ชญาพัฒน์เตรียมกรี๊ด ดีที่เพชรไพลินตะครุบปิดปากเพื่อนสาวไว้ได้ทัน
“ชาลีน อย่า เดี๋ยวคนก็หันมามองหรอก”
“มันว่าฉัน”
“ชาลีน หยุด! ขอโทษเพื่อนของพี่เดี๋ยวนี้ เธอไม่ควรพูดกับคนอื่นแบบนี้”
ชวัลดนย์ทนกับพฤติกรรมของน้องสาวไม่ไหวแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ชญาพัฒน์มีท่าทีต่อต้านอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพี่ชายบอกให้เธอเอ่ยคำขอโทษ
“พี่กำลังคุยเรื่องงานอยู่ ถ้าน้องจะมาทานข้าวกับเพื่อนน้องก็ไปทานในส่วนของน้อง อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพี่”
“พี่โชแปง!”
น้องสาวเค้นเสียงรอดไรฟันโต้ตอบพี่ชาย กำลังจะแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายชวัลดนย์จึงยกมือขึ้นเรียกพนักงานเข้ามาเคลียร์ค่าอาหาร ก่อนจะหันมาชี้นิ้วกำชับน้องสาวที่ทำท่าจะระเบิดกิริยาเมื่อไม่ได้อย่างใจ
“อย่าส่งเสียงดังอย่างคนที่ไม่เคยได้รับการอบรมเรื่องมารยาทในที่สาธารณะแบบนี้ ถ้าน้องยังนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่”
ท่าทางของพี่ชายไม่พอใจอย่างยิ่ง สายตามีแววตำหนิอย่างไม่ปิดบัง
เอ่ยกับน้องสาวจบชวัลดนย์ก็หันไปมองหน้ามุกกันยาด้วยแววตาอ่อนลง พยักหน้าให้เธอพร้อมกับบอกว่า
“เราไปกันเถอะครับคุณกลอย”
มุกกันยาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแม้ว่าในใจของเธอจะไม่ได้ยิ้มด้วยก็ตาม แต่เพื่อความสะใจส่วนตัวที่รู้ว่าน้องสาวของเขากำลังมองอยู่ นั่นยิ่งกระตุ้นให้คุณหนูที่แสนเอาแต่ใจอยากจะเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวมาขย้ำเหมือนกับตอนที่เธอทำร้ายตุ๊กตาตัวโปรดตอนเด็กเมื่อมีคนขัดใจ
เมื่อทั้งสองคนเดินพ้นจากร้านอาหารออกมาเพื่อจะกลับลงไปยังชั้นล่างสีหน้าอารมณ์ทั้งสองคนก็แปรเปลี่ยนตาม เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะเมื่ออยู่ในลิฟต์ เมื่อก้าวเท้าออกมาชวัลดนย์จึงรีบเอ่ยคำขอโทษจากใจจริงแก่เธอ
“ผมต้องขอโทษคุณกลอยจริง ๆ นะครับที่น้องสาวผมเข้ามาพูดแบบนั้นกับคุณ”
มุกกันยาไหวไหล่คล้ายว่าตัวเธอก็ไม่ได้ติดใจหรือเก็บเอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาคิดให้เปลืองสมอง
“ไม่เป็นไรค่ะ นี่คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอจะพูดแบบนี้กับฉันได้ เพราะเราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ชวัลดนย์ใจวูบ เหมือนมุกกันยาจะปฏิเสธงานที่คุยกันไว้แล้ว...จะไม่ได้เจอกันอีกงั้นหรือ
“คุณกลอยคงไม่ได้หมายความว่าเราสองคนจะไม่ได้พบกันอีกใช่มั้ยครับ ในเมื่อเรายังมีงานที่ต้องทำด้วยกัน คุณเองก็รับปากผมแล้วว่ารับงานนี้”
มุกกันยายิ้มมุมปาก ตอบว่า
“จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ คุณคิดเหรอคะว่าถ้าฉันทำงานกับคุณจริง ๆ มันจะไม่เกิดปัญหาตามมา ดูท่าว่าน้องสาวของคุณมีอคติกับอาชีพของฉันนะคะ อีกอย่าง...ถ้าน้องสาวของคุณมารู้ทีหลังว่าฉันกับมี่เป็นเพื่อนรักกันคุณคิดว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นยังไงคะ”
มุกกันยาพูดกับเขาตามตรง เพราะเธอเองก็เป็นประเภทที่ไม่อยากมีปัญหากับใคร อยู่ในวงการมาเกือบสิบปีพบเจอปัญหามามากมายนับไม่ถ้วน ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง แต่ถ้าพยายามเลี่ยงอย่างสุดชีวิตแล้วปัญหายังตามมารังควานอีกก็มีทางเลือกเดียวคือต้องสู้ และส่วนตัวมุกกันยาเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมคนด้วยถ้าเธอไม่ผิด ขนาดเมียของเสี่ยใหญ่ที่บุกมากล่าวหาเธอว่าไปเป็นเมียน้อยผัวตัวเองมุกกันยายังฉะกลับจนเจ๊คนนั้นหน้าแตกต่อหน้าบรรดาคนที่รายล้อมอยู่อย่างไม่ไว้หน้ามาแล้ว นับประสาอะไรกับการที่ชญาพัฒน์มายืนกล่าวหาเธอซึ่งหน้าแล้วเธอจะยอม สายอาชีพนี้สอนให้เธอแกร่ง ถ้าเมื่อใดสติยังอยู่กับตัวมุกกันยาไม่หวั่นเกรงอะไรอยู่แล้ว
“คุณกลอย ไว้ใจผมเถอะ ผมจะไม่ให้น้องสาวผมมายุ่งเรื่องงานหรือว่าร้ายคุณได้อีก”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มุกกันยาหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นมายิ้มบาง ๆ สีหน้าของเธอไม่ได้บอกว่ามีความกังวลใด ๆ อยู่เลย
“เอาเป็นว่าเรื่องงานที่คุณเสนอมาฉันขอคิดดูก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าฉันจะทำจริง ๆ ฉันขอทำอยู่เบื้องหลังมากกว่า เรื่องที่จะให้ไปยืนพรีเซนต์รถเนี่ยฉันจะหาคนที่เหมาะสมดูให้ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ”
มุกกันยาตัดบทเพื่อบอกลาชายหนุ่ม แล้วจึงเดินจากไปทิ้งให้เขายืนมองเธออยู่ที่เดิมจนลับสายตา แน่นอนว่าตัวของชายหนุ่มเองก็ไม่คิดจะปล่อยเรื่องที่น้องสาวเข้ามาพูดจาดูถูกมุกกันยาไปอย่างไม่จัดการอะไรแน่นอน
^
^
^
***พริตตีตัวแม่จะแคร์เพื่อกลอยกล่าว