ในเวลาเดียวกันเพชรไพลินก็มาที่ห้างสรรพสินค้าที่ชวัลดนย์และมุกกันยาพามันเดย์มากินไอศกรีม ไฮโซสาวมาแสดงความยินดีกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งของเธอที่มาเปิดร้านขนมหวานแฟรนไชส์จากฮ่องกงซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะเพิ่งมาเปิดตัวในประเทศไทย หญิงสาวเดินหน้าเชิดตรงไม่หันซ้ายมองขวาจนมาหยุดยืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมเพื่อจะโทรศัพท์สอบถามเพื่อนว่าร้านตั้งอยู่บริเวณส่วนใดของชั้น ระหว่างที่รอให้ปลายสายกดรับหูของเธอก็ได้ยินคนที่ยืนอยู่หน้าร้านใกล้ ๆ กันพูดคุยกันว่า
“แกดูพ่อแม่ลูกสามคนที่นั่งกินไอติมในร้านนั่นดิ พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย ลูกออกมาโคตรน่ารักเลยอะ ฉันอยากจะมีแบบนี้บ้าง”
สองสาวที่ต่อคิวรอโต๊ะว่างยืนเมาท์กันเพราะภาพครอบครัวน่ารักตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะคาดหวังประสาสาวโสด เพชรไพลินที่ได้ยินดังนั้นก็ชักอยากจะรู้ว่าใครมันจะไปหน้าตาดีอะไรขนาดนั้นจึงหันไปดูบ้าง ก่อนจะเห็นว่าผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางเธอและกำลังเช็ดปากให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คือชวัลดนย์ พี่ชายของชญาพัฒน์คนที่เธอหมายปองไว้อยู่ และผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยนั่นก็คือ...
ครู่ต่อมาชญาพัฒน์ที่อยู่ในร้านเสื้อผ้าของตัวเองที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองก็ได้รับข้อความจากเพชรไพลิน
ProudPP : ไหนว่าพี่ชายเธอไม่มีอะไรกับแม่พริตตีถือเครื่องเพชร
นั่นไงจ๊ะ เห็นคลิปที่ฉันส่งให้รึยัง
ชญาพัฒน์รีบเปิดดูคลิปแล้วต้องเบิกตากว้าง สีหน้าเกรี้ยวโกรธขึ้นมาทันทีตั้งแต่เห็นหน้าพี่ชายที่นั่งอยู่ในร้านไอศกรีมกับผู้หญิงคนนั้น รีบต่อสายหาเพื่อนสาวทันที
“พี่โชแปงอยู่ที่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“นั่งอยู่ในร้าน แต่เธอมาก็คงไม่ทันแล้วแหละ เหมือนพวกเขากำลังจะออกไปกันแล้ว”
“งั้นไปเจอกันที่ร้านเดิม”
น้ำเสียงของชญาพัฒน์เอาแต่ใจ
“อืม ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ฉันขอไปแสดงความยินดีกับเพื่อนที่มาเปิดร้านขนมที่ห้างนี้ก่อนแล้วจะรีบไป”
“โอเค”
หลังจากวางสายจากเพื่อนชญาพัฒน์ที่กำลังไม่พอใจพี่ชายเป็นอย่างมากก็รีบเดินไปคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมเดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้บอกอะไรใครทั้งสิ้น ผู้จัดการร้านที่คุยกับพนักงานอยู่เห็นอย่างนั้นก็โคลงศีรษะตามหลังด้วยสีหน้าอ่อนระอา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดส่งข้อความไปรายงานพี่ชายของเธอให้ทราบ
“คุณชาลีนออกจากร้านไปอีกแล้วค่ะคุณชวัลดนย์ ไม่ได้บอกไว้เลยว่าจะออกไปไหน”
ชวัลดนย์เห็นข้อความจากผู้จัดการร้านเสื้อผ้าของน้องสาวส่งมาให้แล้วก็ถึงกับโคลงศีรษะให้กับความไม่ค่อยเอาการเอางานของน้องสาว และการที่ผู้จัดการร้านต้องรายงานความเคลื่อนไหวของชญาพัฒน์ให้พี่ชายของเธอรู้ เพราะเป็นคำสั่งจากชวัลดนย์ แม้ชญาพัฒน์จะเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเองแต่เธอไม่ได้ใส่ใจบริหารงานอย่างจริงจัง ต้องจ้างคนทำให้ทุกอย่างทุกขั้นตอน ซึ่งตอนนั้นชวันดลย์เป็นคนสนับสนุนน้องสาวทุกอย่างด้วยความที่รักน้องสาวมาก คิดว่าน้องสาวคงจะรักในงานที่ทำและมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อได้ทำงานที่ใจรัก แต่เปิดร้านได้ไม่กี่เดือนชญาพัฒน์ก็เริ่มเบื่อกับสิ่งที่เธอบอกว่าชอบ ที่กิจการยังไปได้ก็เพราะชวัลดนย์ช่วยดูแลอยู่
มือหนาเก็บสมาร์ตโฟนใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม เก็บเรื่องของน้องสาวไว้ก่อนเพราะชญาพัฒน์ก็เป็นแบบนี้ เขาคงต้องหาเวลาคุยกับน้องอย่างจริงจังเสียที จริงอยู่ที่ว่าแม้ชญาพัฒน์จะไม่ทำงานอะไรเลยเธอก็ไม่เดือดร้อนเพราะแค่เงินปันผลจากหุ้นของบริษัทในเครือของครอบครัวเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้น้องสาวของเขาอยู่ได้อย่างสบาย ไหนจะส่วนที่ได้จากพ่อและแม่อีก แต่ในฐานะพี่ชายเขาก็อดที่จะห่วงอนาคตของน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้
ชายหนุ่มหันกลับมาสนใจมุกกันยาที่กำลังย่อตัวลงอุ้มมันเดย์ซึ่งตอนนี้ตากำลังจะปิดและเริ่มเดินเป๋ไปมาเพราะเล่นจนเหนื่อยแถมกินอิ่มเรียบร้อยแล้วอีกด้วย ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
“ผมอุ้มแกเองครับคุณกลอย คุณหนักแย่ มันเดย์ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แต่ด้วยความที่มุกกันยาเองก็รักมันเดย์มากและวันนี้ยังไม่ได้กอดได้หอมหลานสุดที่รักให้สมกับความคิดถึงเลยเพราะมีชวัลดนย์มาด้วย หญิงสาวจึงบอกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอุ้มของฉันมาตั้งแต่แกเป็นลูกหมูตัวน้อย ๆ ถึงตอนนี้แกจะโตขึ้นกว่าเดิมมากแต่ฉันก็อุ้มไหว เราจะกลับกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ เดี๋ยวก็ถึงลานจอดรถแล้วคุณจะได้ไม่เสียเวลา”
ชวัลดนย์เห็นว่าเด็กชายคอพับคออ่อนอยู่กับบ่าของเธอ และดูก็รู้ว่าหญิงสาวรักเด็กน้อยมากขนาดไหน จึงไม่พูดอะไรอีกปล่อยให้เธออุ้มเด็กชายไปที่รถ
“ครับ งั้นเราก็กลับกันเลยดีกว่า”
“ค่ะ”
^
^
^
*** โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า ส่งกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า