มุกกันยานำงานมาเสนอให้กับชวัลดนย์ตามเวลาที่นัดไว้คือสิบเอ็ดโมงตรง เมื่อหญิงสาวมาถึงเลขาของชวัลดนย์ก็ออกมาต้อนรับแล้วเชิญเข้าไปพบกับผู้บริหารหนุ่มทันทีตามที่เจ้านายได้แจ้งไว้แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณชวัลดนย์”
ร่างสูงลุกขึ้นต้อนรับเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยทักทายกันทั่วไปไม่กี่ประโยคชายหนุ่มก็ชวนเธอออกไปรับประทานอาหารกลางวัน
“กลางวันนี้ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ จะได้คุยงานไปด้วยเลย”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ดิฉันนำโพรไฟล์คนที่น่าสนใจที่ลงคอร์สเรียนในสตูอิโอมาให้คุณเลือก ถึงน้อง ๆ ที่เรียนพัฒนาบุคลิกภาพกับฉันและมี่จะยังไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็เป็นคนที่มีแวว ทั้งบุคลิก น้ำเสียง การนำเสนอ และมีทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีค่ะ ฉันกับมี่ช่วยกันคัดมาแล้วและนำมาให้คุณพิจารณาอีกที เสร็จจากตรงนี้แล้วฉันต้องรีบไปค่ะ มีงานต่อที่สถาบัน”
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก เลิกคิ้ว
“อืม ครับ ผมเชื่อสายตาของคุณกับคุณมี่นะ เอาเป็นว่าผมรับไว้ทั้งสามคนเลย แล้วผมจะให้เลขาส่งข้อมูลให้ผู้บริหารท่านอื่นด้วย งั้นเราไปหาอะไรทานกันเถอะ เวลาเหลืออีกตั้งเยอะนะ ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ มีคอมมิวนิตีมอลล์อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ไม่ได้ออกไปไกล ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอีกรับรองไม่เกินบ่ายโมงแน่”
มุกกันยาระบายลมหายใจอ่อน ถ้าคิดว่าเขาเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่เธอจะช่วยให้นักเรียนจากสตูดิโอของเธอได้งานจากเขาก็ไม่มีอะไรต้องคิดมาก หญิงสาวจึงยอมไปรับประทานอาหารกลางวันกับเขา
ทั้งคู่เดินมายังคอมมิวนิตีมอลล์ที่อยู่ไม่ไกลจากโชว์รูม เลือกเข้าไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพ เลือกโต๊ะที่อยู่ในโซนค่อนข้างส่วนตัวแต่การบริการของพนักงานทั่วถึง ขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายชวนเธอคุยตลอด
“เจอกันมาตั้งนานแล้วผมอยากจะรู้จักคุณให้มากขึ้นนะ”
มุกกันยายิ้มมุมปากในเชิงขบขัน ถามกลับไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมากว่า
“ทำไมต้องรู้จักกันให้มากขึ้นด้วยคะ เราคุยแค่เรื่องงานกันก็พอ”
“ก็ผมอยากจะคุยเรื่องอื่น ๆ กับคุณด้วยไม่ใช่แค่เรื่องงาน”
“พูดแบบนี้นี่ จะจีบเหรอคะ” มุกกันยาถามกลับเล่น ๆ แต่ไม่คิดว่าเขาจะตอบจริง ๆ
“ถ้าใช่จะอนุญาตมั้ยล่ะครับ”
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งสบตากับดวงตาที่ฉายยิ้มด้วยความจริงใจ จึงยิ้มขำแล้วตอบกลับว่า
“ระดับคุณชวัลดนย์แล้วต้องขออนุญาตด้วยเหรอคะ ฉันว่าคุณเลยจุดนั้นมาแล้วนะ”
ชายหนุ่มยิ้มขำเหมือนกัน “ถ้าคุณว่าผมเลยจุดนั้นมาแล้ว งั้นต่อไปนี้เราก็นัดเจอกันบ่อยขึ้น ไปทานข้าวด้วยกันอีกก็ได้สิครับ”
มุกกันยาหัวเราะอีกครั้งกับคำพูดของเขา หญิงสาวไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรที่กำลังถูกชายหนุ่มจีบ เพราะเขาไม่ใช่คนแรกที่อยากรู้จักเธอให้มากขึ้น
“รุกเร็วนะคะ” แซวกลับ “ถึงจะเลยขั้นที่ขออนุญาตแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะจีบได้นี่คะ แบบคุณน่ะฉันผ่านมาไม่น้อยแล้วค่ะ”
คำว่า ‘ผ่านมาไม่น้อย’ ที่หญิงสาวพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มทำให้ชายหนุ่มคิดไปถึงคำพูดของเอเจนซีสาวประเภทสองที่เพิ่งคุยกับเขาก่อนหน้าที่มุกกันยาจะเข้ามาเหมือนกัน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปแวบหนึ่งก่อนจะไหวไหล่อย่างไม่แคร์เรื่องอดีตของเธอ แล้วเอ่ยว่า
“ถ้าสวยระดับคุณก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่จะผ่านมาไม่น้อยอย่างที่คุณบอก”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ”
มุกกันยาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับสีหน้าของเขา และคำพูดที่ตีความหมายต่างกัน ชวัลดนย์สีหน้าเหวอหญิงสาวจึงเข้าใจทันที
“ขอโทษนะคะคำว่าผ่านของคุณกับฉันน่าจะคนละความหมายแล้วล่ะค่ะ”
“อื้ม แล้วคุณคิดว่าผมหมายความว่ายังไงครับ ผมก็บอกแล้วไง ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมาผมก็ไม่สน”
มุกกันยายกมุมปากยิ้ม “หึ งั้นขอเคลียร์เลยแล้วกันนะคะ เพราะว่าดิฉันไม่ชอบให้ใครเข้าใจผิดในตัวของดิฉัน คำว่าผ่านมาเยอะของฉันก็คือ ฉันเจอผู้ชายที่รุกจีบแบบที่คุณทำมาไม่น้อย คุณไม่ใช่คนแรก และก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ฉันประทับใจเป็นพิเศษกับวิธีจีบแบบรุกเร็วรุกแรงนี่”
หญิงสาวเป็นคนที่ชัดเจนในทุกอย่าง
“งั้นคุณบอกให้ฉันเคลียร์ได้รึเปล่า คำว่า ‘ผ่าน’ ในความคิดของคุณตอนแรกคือยังไง”
มุกกันยาจ้องหน้าเขานิ่งแววตาจริงจังจนชวัลดนย์รู้สึกหายใจติดขัด เธอดูเอาเรื่องทีเดียว
“เอ่อ ก็เหมือนที่คุณว่านั่นแหละครับ ผมก็คงไม่มีอะไรแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นหรอก แต่ผมก็จริงใจนะที่พูดออกไปน่ะ ผมอยากศึกษาคุณให้มากกว่านี้”
มุกกันยาตอบกลับแทบจะทันที
“หึ คุณแน่ใจเหรอคะ น้องสาวของคุณล่ะ คนรอบตัวคุณคงไม่ปลื้ม ไหนจะสังคมที่คุณอยู่อีก ยังไงอาชีพของฉันก็ยังน่าดูถูกไม่น้อยนะคะในสายตาคนรวย ทั้ง ๆ ที่รูปร่างหน้าตาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำงานไม่ใช่ทั้งหมดเลย”
ชวัลดนย์สบตามุกกันยาแน่แน่ว
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไป คอมเมนต์เป็นกำลังใจ กดเข้าชั้นไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่า