เมื่อไม่ต้องเก็บงำความรู้สึกที่มีต่อมุกกันยาและเธอก็ไม่ได้ตัดไมตรีที่หยิบยื่นให้ ชวัลดนย์จึงโทรศัพท์หาหญิงสาวได้อย่างสบายใจมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าเธอจะคิดกับเขาในแง่ลบเหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ที่พยายามเข้าหาเธอ ค่ำวันเดียวกันเมื่อมุกกันยากลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมชายหนุ่มก็โทร. เข้ามา
“สวัสดีครับ คุณสะดวกคุยรึเปล่า ถ้าไม่สะดวกตอนนี้ผมวางก่อนก็ได้”
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้โทรศัพท์หาเธอแล้ว แต่หญิงสาวเพิ่งกดรับตอนนี้เขาจึงคิดว่าเธออาจยังไม่สะดวกคุย
“ตอนนี้ฉันสะดวกค่ะ เพราะกลับถึงห้องพักแล้ว คุณมีอะไรรึเปล่าคะ”
น้ำเสียงหญิงสาวสดใส
“ก็มีทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนที่อยากจะคุยกับคุณน่ะครับ ให้พูดเรื่องไหนก่อนดี”
หญิงสาวอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะบอกว่า
“เรื่องงานก่อนสิคะ เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง”
ชวัลดนย์ยกยิ้มออกมาเช่นกัน ร่างสูงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ระเบียงบนห้องของตนเอง จังหวะนั้นก็เห็นรถน้องสาวกำลังวิ่งเข้ามาภายในอาณาบริเวณบ้าน เขารอที่จะคุยกับน้องสาวตั้งแต่ตอนเย็นแต่ชญาพัฒน์เพิ่งจะกลับถึงบ้านตอนนี้
“เรื่องงานผมจะบอกคุณว่า คนที่ส่งมาให้ผมตกลงรับทั้งสามคนเลยนะครับ คุณเริ่มเทรนพวกเธอให้พร้อมสำหรับงานได้เลย รายละเอียดงานผมจะให้เลขาแจ้งไปอีกที”
มุกกันยายิ้ม เธอดีใจที่สามารถหางานให้นักเรียนที่ลงเรียนคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพกับเธอและมนต์กันยาได้ และเมื่อเจ้าของงานตอบรับคนที่ทางสถาบันของเธอเสนอไปหญิงสาวก็พร้อมที่จะฝึกนักเรียนของเธออย่างเต็มที่เพื่อให้พร้อมสำหรับงาน ให้เธอเหล่านั้นได้แสดงศักยภาพและความสามารถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นการปูทางสำหรับอนาคตของพวกเธอในสายงานนี้ต่อไป
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ จบเรื่องงานที่จะคุยแล้วตอนนี้ขอคุยเรื่องส่วนตัวด้วยได้มั้ยครับ”
คนปลายสายนั่งยิ้มกับตัวเองบอกว่า
“ค่ะ มีเวลาให้สามสิบนาที”
“แค่นั้นก็เกินพอครับ ผมก็ไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่คิดถึงผ่านสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้เหมือนกัน ถ้าจะคุยต้องคุยกันแบบเห็นหน้า”
มุกกันยาแสร้งระบายลมหายใจหนักให้เขาได้ยิน แต่ปากยังยิ้ม
“ถอนหายใจทำไมเหรอครับ”
“ก็ถอนหายใจกับคุณไง นี่ไม่ต้องพูดจาภาษาชวนเลี่ยนขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พูดธรรมดา ๆ กับฉันดีกว่า”
“อ้อ แสดงว่าคำพูดพวกนี้คุณได้ยินจากคนที่เข้ามาขายขนมจีบให้คุณจนชินแล้วน่ะสิ”
มุกกันยากรอกตาไปมา “ก็ ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่คุณพูดธรรมดา ๆ ก็ได้ ฉันว่าตัวตนของคุณก็ไม่ใช่คนที่จะพูดคำเลี่ยน ๆ เป็นปกติหรอกมั้ง จริงมั้ยคะ”
คราวนี้ชวัลดนย์หัวเราะออกมาเบา ๆ
“คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวตนของผมน่ะ เป็นคนที่โรแมนติกแล้วก็สายเปย์มากนะครับ”
ทั้งคู่เริ่มพูดหยอกกันด้วยอารมณ์ขันทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยิ้ม มุกกันยาทำเสียงอุทานแล้วว่า
“โอ้โห สายเปย์ซะด้วย แต่บังเอิญว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมาเปย์แล้วล่ะค่ะ คอนโดก็มีแล้ว รถก็มีแล้ว ข้าวของแบรนด์เนมก็มีเยอะแล้วถ้าอยากได้อีกก็ซื้อเองได้ค่ะ”
ชวัลดนย์ฟังอีกฝ่ายพูดแล้วยิ้มอยู่
“เปย์ของพวกนั้นไม่ได้งั้นก็ขอเปย์ค่าอาหารให้คุณทุกมื้อก็ได้ครับ วันไหนว่างให้ผมชวนมาทานอาหารด้วยกันอีก อยากใช้เวลากับคุณ ทำกิจกรรมแบบสบาย ๆ อย่างกินข้าว ดูหนังด้วยกันสักวัน”
ชายหนุ่มเอ่ยชวนอย่างไม่อ้อมค้อมลุ้นอยู่ในใจว่าหญิงสาวจะยอมหรือไม่
“อืม...พรุ่งนี้มีงานทั้งวันเลยค่ะ”
มุกกันยาตอบสั้น ๆ ชายหนุ่มไหวตัวมีความหวังอย่างน้อยเธอก็ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว
“แล้ววันไหนว่างล่ะครับถ้างั้น”
“ก็อีกสองวันน่ะค่ะ คุณรอได้รึเปล่า”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มตอบรับอย่างไว เอ่ยต่อว่า
“งั้นก่อนจะถึงวันนั้นผมโทร. หาคุณได้หรือเปล่า หรือส่งข้อความไปคุยด้วย ขออนุญาตไว้ก่อน เพราะกลัวว่าคุณจะไม่สะดวก”
“ก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะคะว่า ที่ฉันคุยกับคุณนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องสาวคุณด้วยนะ”
“ครับผมเข้าใจ” น้ำเสียงชายหนุ่มเบาลงก่อนจะเอ่ยขึ้นใหม่
“อืม...งั้นไม่รบกวนคุณแล้ว คุณทำงานกลับมาคงเหนื่อย แค่นี้นะครับผมจะนับวันรอ”
“ค่ะ”
มุกกันยาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าเมื่อได้คุยกับเขาแล้วหัวใจของเธอพองโตขึ้น นี่ใช่ไหมคือความสุขอย่างหนึ่งของการที่เราได้คุยกับคนที่เราเกิดความรู้สึกดี ๆ ด้วย ทว่ามุกกันยาก็บอกตัวเองไว้เสมอว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาสามารถสิ้นสุดลงได้ทุกเมื่อหากคนในครอบครัวของเขามายุ่งกับเธอ หญิงสาวสามารถตัดใจจากผู้ชายคนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักตราบใดที่ยังไม่ทุ่มเทหัวใจให้ทั้งหมด
หลังจากที่คุยกับมุกกันยาแล้วชวัลดนย์ก็เดินไปเคาะประตูห้องน้องสาวเพื่อจะคุยให้รู้เรื่อง เรื่องที่ชญาพัฒน์ยังเข้ามายุ่งกับเรื่องงานของเขาอีกทั้งที่บอกไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นชญาพัฒน์ที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำกับผ้าโพกผมเข้าชุดกันเดินมาเปิดประตูให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เพราะไม่รู้ว่าใครมารบกวนเธอในเวลานี้ เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับใบหน้าเข้มขรึมของพี่ชายที่จ้องมองอยู่ จากเดิมที่หญิงสาวมีสีหน้าไม่พอใจก็เปลี่ยนเป็นเชิดปลายคางขึ้นตีหน้าใสซื่อ ยกมือขึ้นกอดอก ถามว่า
“พี่โชแปงมีอะไรคะถึงมาเคาะห้องชาตอนนี้ ชาจะอาบน้ำนอนแล้ว วันนี้ทำงานเหนื่อย”
ชวัลดนย์ระบายลมหายใจออกหนักหลุบตาลงแวบหนึ่งเพื่อเก็บอารมณ์ไม่พอใจน้องสาวเช่นกันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าชญาพัฒน์ด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง
“ที่พูดกัน ชาไม่ฟังพี่เลยใช่มั้ย ต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง ทำไมทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้”
“พี่โชแปงพูดเรื่องอะไรคะ ชาไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับน้องสาวที่เขาเลี้ยงเธอมาด้วยความทะนุถนอมจนชญาพัฒน์เติบโตมีความคิดเป็นของตัวเอง ทั้งเขาและคนทางบ้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนไม่ว่าเธอจะทำอะไร จนวันหนึ่งสิ่งที่เธอทำดูจะเกินกว่าเหตุไปมากแล้ว มาถึงตอนนี้คงจะเป็นการยากที่จะปรับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของเธอ ก่อนหน้านี้ความเอาแต่ใจของเธอก็ไม่ได้หนักหนาจนถึงขั้นรับไม่ได้ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวทำให้ทุกคนรักและตามใจเธอมากประกอบกับฐานะทางบ้านที่เอื้ออำนวยให้เธอได้อย่างที่ต้องการมาโดยตลอด...เว้นแต่เรื่องของว่าที่คู่หมั้นที่ทำให้ชญาพัฒน์ถึงกับเสียศูนย์ไปพักหนึ่งและผูกใจเจ็บไม่เลิก
^
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า ขอบคุณค่า
อ่านไม่หวนคืนก่อนได้น้าาา