สายขิมคว้าปิ่นโตข้าวกลางวัน รีบลงจากบ้านตามพี่ชายไป สงสัยกับการมาเยือนของคนกรุงเทพฯแปลกๆ มันต้องมีอะไรมากกว่าการมาเยี่ยมเพื่อนเก่าแน่ๆ
“พี่ขาม เห็นว่ายังไงออกความเห็นหน่อยได้ไหม”
“ไม่รู้พี่ไม่รู้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เล่าให้ฟังเองแหละ อย่าอยากรู้นักเลย”
“โธ่...พี่ขาม ก็ขิมอยากรู้นี่”
“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา ไม่เกี่ยวกับเราหรอกมั้ง มาส่งปิ่นโตมาพี่จะรีบไปทำงาน แล้วขิมก็รีบไปให้อาหารปลา ไก่ กบ กุ้งซะ พวกมันหิวแล้ว อย่าอยากรู้เรื่องของผู้ใหญ่เลย ไม่เกี่ยวกับเราหรอก”
ขามรับปิ่นโตข้าวกลางวันจากน้องสาว ขึ้นรถขับออกไปแล้ว สายขิมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หันกลับมองไปที่บ้านของตัวเอง อยากรู้ก็อยากรู้ว่าผู้ใหญ่ทั้งสี่คนพูดคุยเรื่องอะไรกันเธอมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน ลางสังหรณ์ของสายขิมไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ไม่ชอบอาการแบบนี้ของตัวเองเลย
สองสามีภรรยาเข้าห้องพักผ่อนแล้ว เจ้าของบ้านทั้งสองคนหันมามองหน้ากันนิ่งๆจากที่นายครามไม่คิดอะไร แต่เวลานี้ต้องคิดแล้ว สองคนนี่มาตั้งแต่เมื่อคืนคงร้อนใจมาก
“แม่ก็อุตสาห์ใจเย็นตามที่พ่อแนะนำ ยังไม่ทันข้ามวันเลยสองคนโผล่มาที่นี่แล้ว”
“ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ช่วยกันได้ก็ช่วยไป พ่อไม่มีปัญหาหรอกแม่ อยู่ที่ลูกเรานั่นแหละ เราก็คุยกับเขาตรงๆสายขิมเป็นคนมีเหตุผล”
“ถ้าไม่กี่เดือนอย่างที่เยาวภาพูด แม่ก็คิดว่าสายขิมไม่มีปัญหาหรอก ต้องลองคุยดู”
สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านต่างแยกย้ายกันทำงานของตัวเอง ไม่ได้เครียดมากเหมือนเมื่อวาน พอเห็นคนมีความทุกข์ ยิ่งเป็นเพื่อนด้วยแล้ว ยิ่งเห็นใจ พวกเขาก็ไม่ใช่คนใจดำอะไร เพื่อนอุตสาห์มาขอความช่วยเหลือถึงบ้าน จะปฏิเสธได้ยังไงกัน สายขิมเองก็เป็นพยาบาลเก่าอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานแล้วก็ตาม ความรู้ความสามารถก็ยังคงมีอยู่ติดตัว
“หนูขิมๆช่วยป้าหน่อย ไอ้บอลมันตัวร้อนเหมือนจะชักเลย นอนอยู่ที่บ้าน”ยายมาเป็นคนงานที่ไร่วิ่งกระหืดกระหอบมาเรียกสายขิมที่กำลังตักแหนแดงให้ปลาในบ่อ
“ป้าเป็นอะไร ไม่ต้องตกใจ แล้วใครอยู่กับหลานวิ่งมาแบบนี้”
“แม่มันจ๊ะหนูขิม ช่วยไปดูมันให้ป้าหน่อยเถอะ”
สายขิมพายายมาขึ้นรถซาเล้งขับตะบึงไปที่เรือนคนงานท้ายสวนทันที เป็นแบบนี้ประจำเหมือนเป็นพยาบาลประจำไร่ บางครั้งคนในหมู่บ้านไม่สบาย ชาวบ้านก็มาตามเธอไปช่วยดู ก็ปฐมพยาบาลขั้นต้นแล้วก็นำส่งสถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลประจำอำเภอต่อไป
“ขิมดูแล้วไม่เป็นไรหรอกนะป้า ไม่ต้องห่วง เช็ดตัวแล้วก็พาไปหาหมอที่อนามัย ให้หมอเขาดูเพื่อความชัวร์อีกครั้ง”
“ไม่มีรถนะซิหนูขิม พวกผู้ชายเอาเข้าไร่กันหมดแล้ว”
“ไม่เป็นไรป้า เอาเสื่อมาปูไปซาเล้งนี่แหละ ไปเดี๋ยวให้แม่ไปกับน้อง ป้าไม่ต้องไปหรอกเฝ้าบ้านไป”
ตกลงว่าสายขิมต้องเป็นคนพาเด็กป่วยไปสถานีอนามัย เธอแค่ดูอาการเบื้องต้นเพราะไม่มีเครื่องมือและยา ทำได้แค่เพียงเบี้องต้นเท่านั้นดูเหมือนว่าคนงานในไร่และคนที่อยู่ในหมู่บ้าน จะใช้บริการสายขิมบ่อยๆบางคนไม่มีรถ เธอจำเป็นต้องไปส่ง เพราะที่ไร่มีรถหลายคัน กว่าหญิงสาวจะพาเด็กไปส่งที่สถานีอนามัย และพากลับไปส่งที่บ้านได้ ก็ถึงเวลาข้าวเที่ยงพอดี ทั้งแม่ทั้งยายของเด็กขอบอกขอบใจสายขิมเมื่อเห็นว่าลูกปลอดภัยแล้ว หญิงสาวรีบกลับบ้านทันทีเหมือนกันเพราะหิวข้าว
“ไปไหนมาเหรอลูกพ่อเห็นขับซาเล้งฝุ่นตลบไปเลย”
“อ๋อ หลานป้ามาไม่สบายตัวร้อนมาก ให้ขิมไปดูให้ไม่มีรถเลยต้องพาไปอนามัยจ๊ะพ่อ หมอตรวจรับยาเสร็จพากลับบ้าน เสร็จแล้วขิมก็รีบกลับมานี่ หิวข้าวมากเลย ขิมยังให้อาหารปลายังไม่เสร็จเลยจ๊ะ ปล่อยไว้ก่อนละกัน กินข้าวเสร็จแล้วค่อยลงไปให้ใหม่”
“ทำไมไม่ให้เด็กๆเขาทำบ้างล่ะลูก ทำทุกอย่างไม่มีเวลาพักผ่อนแล้วสายขิม แม่ว่าให้เด็กๆเขาทำก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะแม่ ขิมอยากทำให้ขิมทำเถอะ”
“มาช่วยแม่ตั้งโต๊ะกินข้าวดีกว่าลูก เดี๋ยวลุงกับป้าจะได้มากินด้วยกัน”นางคมคายสาละวนอยู่กับการตักแกงใส่ถ้วย วันนี้นางตั้งใจทำกับข้าวสุดฝีมือ อยากให้คนเมืองกรุงได้กินของอร่อยและมีประโยชน์ พูดได้เต็มปากว่ามีประโยชน์ทุกอย่าง เพราะปลูกในสวนไม่มีสารเคมี
สองสามีภรรยาผู้มาเยือนเผลอหลับไป เพราะความเหนื่อยจากการเดินทาง และไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน หลับแบบสนิทมาก นอนตั้งแต่สามโมงเช้าตื่นอีกครั้งเกือบบ่ายโมง
“คุณคะ คิดว่ายังไงคะดูจากท่าทีของครามกับคมคาย”
“ผมว่าก็ไม่น่ามีปัญหานะ แต่น่าจะอยู่ที่หนูสายขิมแหละว่าเขาจะตอบตกลงไหม”
“ต้องลุ้นใช่ไหมคะ”นางเยาวภามองหน้าสามีอย่างมีความหวัง
“เราไม่ได้มากดดันเพื่อนใช่ไหม”คุณสามารถหันไปถามภรรยาก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากห้องพัก
“ใช่ค่ะเรามากดดันเขา”เสียงของคุณเยาวภาสั่นนิดหน่อย เหมือนไม่ค่อยไม่มั่นใจในตัวเองนัก
“คุณคะอย่าเพิ่งออกไปค่ะ มาดูตรงนี้หน่อย”คุณเยาวภาปิดแอร์ในห้อง แล้วเปิดหน้าต่าง ถึงกับตาโต เมื่อเช้าเธอกับสามีมายังไม่สว่างมาก พอสว่างก็ขึ้นมาอยู่บนบ้านแล้ว แต่เวลานี้ตรงหน้าคือ สุดลูกหูลูกตาเป็นสวนผลไม้ มันคือสวนส้มที่กำลังออกผลสีเหลืองทอง ปลูกเป็นแถวเรียงกันสวยมาก ใกล้มาหน่อยเหมือนจะเป็นโคกหนองนา สวนผัก พืชผักสวนครัวดอกไม้เต็มไปหมด
“สวยมากเลยนะ ดูสบายตาจังเลยมีแต่สีเขียวกับสีเหลือง ที่เป็นสีแตกต่างคือสีของดอกไม้”
“อยากยกที่นี่ไปไว้ที่กรุงเทพฯนะคะ คงจะดีไม่น้อยเลย นานแล้วไม่ได้เห็นภาพจริงที่สบายตาแบบนี้ ทำยังไงดีคะฉันชักจะชอบที่นี่แล้วซิ”
“ชอบแล้วจะมาอยู่เหรอ งานเยอะแยะ”
“นี่ไงคะ ถ้าลายสือหายเขากลับมาทำงานได้ เราก็จะว่าง เรามาอยู่ที่นี่กันดีไหมคะ หาซื้อที่ดินที่นี่สักผืน เอาไว้อยู่หลังเกษียณงาน”
“อย่าเพิ่งคิดเลย ทำงานให้รอดในแต่ละเดือนก่อนเถอะ ที่สำคัญเราต้องทำยังไงก็ได้ให้ลายสือหายเร็วๆ”
คุณเยาวภายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง เหมือนจะเก็บภาพที่สดชื่น และสวยงามนี้เอาไว้ในใจนานๆก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามสามีออกไปด้านนอก”
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคมคาย ขอโทษนะ ที่นอนเพลินอากาศดีเหลือเกิน ที่นี่อากาศดีมากสดชื่นมากด้วย”
“ไม่ต้องหรอกฉันทำเสร็จหมดแล้วล่ะ มาๆกินข้าวกลางวันกันเลยเวลามามากแล้ว มาลูกสายขิมตักข้าวเลย”
“พออาบน้ำเสร็จขึ้นเตียงได้ก็หลับเป็นตายเลย พวกเราไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มานานหลายเดือนแล้วตั้งแต่ลายสือไม่สบาย”
“เอ้อ หนูสายขิมนี่ใช่ไหม ที่เราไปงานรับปริญญา ลุงว่าลุงจำได้นะ”
“ใช่ค่ะคุณลุง ขิมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน”
“ที่บ้านป้ายังมีรูปที่เราถ่ายด้วยกันอยู่เลยนะ ป้าใส่กรอบตั้งโต๊ะไว้ ใครไปใครมาก็ถามว่าลูกสาวเหรอ ป้าก็เออออไป ลูกสาวเพื่อนก็เหมือนลูกสาวเรานั่นแหละใช่ไหมคมคาย”
นางคมคายยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ตอบว่าอะไร
“นี่ได้ข่าวว่าหนูขิมลาออกจากงานพยาบาลแล้วเหรอลูก” คุณสามารถเริ่มเข้าประเด็น
“ออกมาได้เกือบสองปีแล้วค่ะคุณลุง”
“เป็นยังไงกับข้าวพอกินได้ไหม เมนูบ้านๆแต่มีประโยชน์ทุกอย่างฉันทำเต็มที่เลยนะ”
"อร่อยทุกอย่างกินแล้วสบายใจว่าไม่มีสารพิษแน่นอน ขอบใจนะคมคายที่ดูแลเราสองคนอย่างดี"
"ไม่ต้องขอบใจหรือเกรงใจอะไรนะ กินให้เต็มที่ ฉันห่อใส่กล่องให้แล้วเอากลับไปไว้อุ่นกินที่บ้าน"
“อิจฉาทุกคนที่นี่นะ ได้อยู่บ้านสวนอากาศดี ได้กินของดีมีประโยชน์ทุกวัน ส่วนเรายังต้องทำงานกันอยู่เลย”อยู่ๆคุณสามารถก็พูดขึ้น
“กับข้าวอร่อยทุกอย่าง ฉันไม่เคยกินแกงเลียงอร่อยๆแบบนี้มานานมากแล้ว นี่สงสัยวันหยุดเราต้องได้มาขอกินข้าวที่นี่อีกแน่ๆ”
“มาเลยไม่ต้องเกรงใจ จะมาอยู่กี่วันก็ได้ยินดีเสมอ” นายครามบอกกับสองสามีภรรยา
“เราต้องมากันอีกแน่ๆและจะพาลายสือมาด้วยแน่นอน”
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวอิ่มเรียบร้อย สายขิมเก็บสำรับอาหาร ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนออกไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก สายขิมล้างถ้วยจานและเก็บภายในครัวเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะลงสวนไปดูสัตว์เลี้ยงของเธอ ไม่ทันที่จะก้าวขาลงจากบ้านนางคมคายก็เรียกไว้ก่อน
“สายขิมมานี่หน่อยลูกแม่จะขอคุยธุระด้วยสักหน่อย โทรเรียกพี่ขามมาด้วยนะ”
สายขิมโทรตามพี่ชายตามที่แม่บอกอย่างงงๆไม่รู้ว่าแม่ให้เรียกพี่ขามมาทำไม ดูท่าทางจะเป็นงานเป็นการมาก ไม่ถึงสิบนาทีมะขามก็มาถึงบ้าน เขาแปลกใจเหมือนน้องสาว
“เอาล่ะ มาพร้อมกันแล้วนะ จะได้คุยกันเลยเพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับสายขิมโดยตรงนะลูก”นายครามเอ่ยขึ้นและมองมาที่ลูกสาวคนเล็ก
“คือว่า.....ลุงขอเล่าคร่าวๆนะ ลุงมีลูกชายคนเดืยวน่าจะเป็นพี่หลานทั้งสองคนชื่อลายสืออายุสามสิบปีแล้ว และเขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ที่สำคัญเขาตาบอด นี่และมันมีเหตุผลบางประการที่เขาอยู่โรงพยาบาลไม่ได้ และเราไม่ไว้ใจใครเลย ลายสือโดนวางยาในอาหารหลายครั้ง ถึงแม้ว่าลุงกับป้าจะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังมีหลายสาขา แต่เมื่อมีคนรักก็ต้องมีคนไม่รัก และลายสือเป็นลูกคนเดียว การที่เขาประสบอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องปกติ มีคนต้องการชีวิตเขา ลุงกับป้าอยากได้คนที่ไว้ใจได้คอยดูแลเขา ลุงไม่ขออะไรมากขอแค่ให้เขาดีขึ้นก็พอ จะไม่รบกวนหนูสายขิมนานหรอกลูก”
“ป้าขอร้องนะลูกหลานสายขิม ไม่ใช่ว่าลุงกับป้าจะไม่พยายามหาหมอและพยาบาลที่ดีที่สุดเพื่อมารักษาลูกชาย ถึงเราจะมีเงินมากมายขนาดไหนแต่ใช่ว่าจะได้ทุกอย่าง ต้องรอคิวอีกประมาณสองปี แต่เราจะไม่รบกวนหลานถึงสองปีหรอกนะ ขอแค่ให้ลูกเดินได้แข็งแรงก็พอ เรามองไม่เห็นใครแล้วที่เหมาะเท่ากับหลาน นะลูก สายขิมป้าขอร้องช่วยป้าทีเถอะ ป้ามีลูกชายคนเดียวแค่เห็นเขาเจ็บปวดป้าก็ใจแทบขาด นี่ยิ่งเขามองไม่เห็นและยังไม่รู้เลยว่าชีวิตนี้เขาจะมองเห็นไหม ป้ากับลุงยิ่งเป็นทุกข์มาก”
สายขิมเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง สายตาของทุกคนจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว
“พ่อกับแม่ได้บังคับนะลูก แล้วแต่ลูกตัดสินใจ ลุงกับป้าเขามาหาเรา ก็เพราะไว้ใจและมีความหวัง ลูกของพ่อเป็นพยาบาลอยู่แล้ว พื้นฐานคือช่วยคนป่วยให้หายป่วยและแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ ลูกลองคิดทบทวนดูนะพ่อกับแม่ไม่มีปัญหา”
“แม่ก็แล้วแต่ขิมนะลูก ลองคิดชั่งน้ำหนักดูส่วนตัวแม่คิดว่า ขิมมีประสบการณ์อยู่แล้วลุงกับป้าไม่มีใครจริงๆถึงได้มาหาเรา อีกอย่างอาจจะใช้เวลาไม่นาน ถ้าได้รับการดูแลๆก็อาจจะหายเร็วก็ได้ ขิมก็อาจจะได้กลับบ้านเร็ว ไม่ต้องห่วงที่นี่พ่อกับแม่พี่เขาก็อยู่ แม่ให้สิทธิ์ลูกตัดสินใจได้เลย”
ทุกคนรู้แล้ววาสายขิมจะตัดสินใจยังไง ยกเว้นคุณสามารถและคุณเยาวภา
“ขิมตกลงค่ะคุณลุงคุณป้า แต่ขิมขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์นะคะ ขิมขอเคลียร์งานที่บ้านก่อน มีหลายอย่างที่เพิ่งเริ่มทำและกำลังจะทำ คงต้องจัดการก่อน เรื่องที่ขิมอยากทำขนมจีนขาย ขิมไปติดต่อร้านที่จะส่งไว้หลายที่เลยจ๊ะแม่ คงต้องไปบอกยกเลิกเขา แล้วก็ขิมได้ตลาดกุ้งฝอยด้วยนะจ๊ะแม่ กลัวว่าพี่ขามจะส่งไม่ไหว เพราะหลายร้านมากที่ได้ออเดอร์มา อีกอย่างเป็นออเดอร์ยาวด้วยจ๊ะ”
“โธ่เอ้ย....”ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน
“ไม่เป็นไรเลยนะลูกสายขิม ไม่ต้องเสียดายลูก บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไร ให้คนอื่นเขาได้เงินบ้างเถอะ”นายครามหัวเราะลูกสาวเสียงดัง
“หนูขิม ถ้าลุงกับป้าทำให้หนูขาดรายได้ ไม่ต้องห่วงเลยนะลูก ลุงไม่ได้ให้หนูไปช่วยฟรีๆลุงมีเงินเดือนให้หนูด้วย เดี๋ยวรายละเอียดเรามาคุยกัน ลุงร่างเอกสารมาแล้ว รับรองว่าไม่ใช้หนูฟรีๆแน่นอน สบายใจได้เลยลูก”
“รายนี้ไม่ได้หรอก ทำทุกอย่างที่ได้เงิน”นายครามแซวลูกสาว
“แหม...พ่อแม่ก็ขิมไม่ได้ทำงานมีเงินแล้วนี่จ๊ะ ก็ต้องทำแบบนี้แหละไม่งั้นก็ไม่มีเงินเก็บ”
“เอาเถอะน่านี่ขนาดพ่อกับแม่ให้เงินเดือน ก็ยังไม่พอใจนะยังดิ้นรนหาอีก”
“พ่อก็ของในบ้านเรามันทำเงินได้นี่จ๊ะ ขิมก็แค่อยากขายของดีๆในสวนของเรา อยากให้ทุกคนได้กินของปลอดสารพิษ เนี้ยขิมยังคิดอยู่เลยนะจ๊ะว่า จะทำร้านผักแบบไร้คนขาย เหมือนที่ญี่ปุ่นไงจ๊ะพ่อ เอาผักเอาไข่เอาทุกอย่างไปวางไว้หน้าบ้าน แล้วแต่ใครจะซื้อ ขอแค่หยอดเงินใส่กระป๋องไว้ก็พอ หรือใครจะหยิบไปไม่จ่ายเงินก็ไม่เป็นไรนะ เพราะขิมก็อยากให้อยู่แล้ว”
“อืม...เป็นความคิดที่ดีนะ เมืองไทยเรามีคนทำหลายคนแล้วนะแบบนี้แม่เห็นด้วย”
“เห็นด้วยยังไงกันล่ะครับแม่ นี่น้องตกลงไปทำงานกับคุณลุงคุณป้าแล้ว”มะขามอดหัวเราะไม่ได้ ถ้าแม่เขาคิดทำแบบที่น้องสาวเสนอ มีหวังคงเป็นเขานี่แหละ ต้องเป็นคนสานต่อ
“เอาจริงๆขิมมีหลายอย่างมากเลยนะคะที่อยากจะทำ แต่ขิมคิดว่าเรื่องของคุณป้าสำคัญ ไม่เป็นไรค่ะ ขิมว่าอย่างน้อยเร็วสุดไม่เกินหกเดินนานที่สุดก็ไม่น่าเกินหนึ่งปี สำหรับการฟื้นฟูทุกอย่าง หลังจากนั้นขิมค่อยมาทำจริงจังก็ได้ ขิมถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ของขิมเลยนะคะ คุณลุงกับคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง ขิมจะตั้งใจทำงานเต็มที่เลยค่ะ”
“ลุงกับป้าขอบใจหลานมากนะ สายขิม ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะเข้าใจและเห็นใจเรามากขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขิมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อและแม่ดี ถึงขิมจะทำงานพยาบาลได้ไม่นานแต่ก็เข้าใจค่ะว่าการที่บ้านเรามีคนป่วยหรือคนเจ็บมันทุกข์มากขนาดไหน ยิ่งกรณีลูกชายของคุณลุงกับคุณป้าถือว่าหนักนะคะ ขิมจะพยายามทำให้เต็มที่ค่ะวางใจได้”