นรินยืนมองห้องน้ำที่กว้างกว่าห้องพักของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอาบน้ำอุ่นจัดเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นบนร่างกายตนเอง ความรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงกึ่งกลางกายยิ่งตอกย้ำความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง ริมฝีปากเล็กทอดถอนลมใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน
ไหนๆ ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ก็ถือซะว่าทำทานให้หมามันแดกก็แล้วกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินตรงมายังตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน มองซ้ายมองขวาเห็นทางสะดวกก็รีบคว้าเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นมาสวมใส่อยากลวกๆ
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้องทำเอานรินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ปกติเธอไม่ใช่คนขวัญอ่อนอะไรขนาดนี้ หันไปมองก็เห็นร่างสูงยืนกอดอกพิงบานประตูห้องนอนอยู่ ดวงตาคมจ้องมองมาทางเธอไม่ละสายตา
เขาเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจก่อนก้าวเท้าขึ้นไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง แต่ยังหน้าด้านกวักมือเรียกเธอพร้อมทั้งตบฝ่ามือลงบนเตียงนอนสองสามครั้ง
นรินปรือตาขึ้นมองการกระทำยียวนกวนประสาทของอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ เขาทำอย่างกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยงหรือตัวอะไรสักอย่าง
นริมหาวหวอดๆ ออกมาไม่หยุด ตอนนี้เธอง่วงมากจริงๆ แต่ยังฝืนตัวเองเอาไว้
“ไม่ทำอะไรหรอก มานอนเถอะ ไม่ง่วงเหรอ? ”
“…” ใบหน้าสวยง่วงงุน เวลานี้แค่จะยืนให้ตรงยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มดูจะรู้ทันความคิดอีกฝ่ายดี ฝ่ามือหนาตบบนฟูกนอนก่อนขยับพลิกกายนอนหันหลังให้อีกฝ่าย
นรินลังเลใจอยู่นานก่อนจะทนฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นถึงจำใจเดินตรงไปที่เตียงกว้าง พอล้มตัวนอนไปได้เพียงครู่เดียวก็ผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
นรินตื่นนอนพร้อมกับอาการปวดหัวแถมยังปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปทุกส่วนสัด ขยับเรียวขาเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกปวดแปล๊บตรงกึ่งกลางกายสาวขึ้นมา ไอความร้อนที่กระจายทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายทำให้นรินรู้สึกถึงความผิดปกติตนเอง
“ปวดหัวจัง” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาขณะแตะฝ่ามือลงบนหน้าผากของตัวเอง
เธอก้มลงมองท่อนแขนแกร่งที่ทาบทับบนหน้าอกของตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งที่อยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่คืบ ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องนอนกว้างอยู่ชั่วขณะหนึ่งขณะในหัวก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปด้วย
นรินปัดท่อนแขนแกร่งออกไปจากตัวเธอ ทำให้คนตัวโตกว่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมามอง
“อือ...ตื่นแล้วเหรอ นอนต่ออีกหน่อยสิ” ริมฝีปากหนาพูดเสียงอู้อี้ในลำคอ สอดฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่งของเธอ ผิวกายที่ร้อนลวกทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหยัดกายลุกขึ้น
“ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้หรือเปล่า” เขาเอามือมาจับหน้าผากและมองหน้าซีดๆ ของเธอ
“อย่ามาจับ!”
เธอแทบไม่มีแรงจะปัดฝ่ามือแข็งออกจากหน้าผากและร่างกายตนเอง ทั้งปวดหัวและเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว คงเป็นไข้เพราะตากฝนเมื่อคืนแน่ๆ แล้วก็เป็นเพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้ด้วย เธอหันไปจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พยายามจะลุกลงจากเตียงแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงรั้งตัวไว้
“จะเข้าห้องน้ำ? ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเรียวยาวเข้าหากัน ความง่วงงุนเมื่อครู่จางหายไปจนหมดสิ้น
นรินเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นก่อนพยักหน้าตอ สภาพย่ำแย่ของเธอในตอนนี้คงไม่มีแรงไปเถียงหรือทำอะไรผู้ชายตรงหน้าได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะช้อนตัวเธออุ้มขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำแบบนี้
ไมค์ค่อยๆ ปล่อยร่างเล็กให้ยืนลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
“ให้อยู่ด้วยไหม” ดวงตาคมมองสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย ลำพังแค่ยืนเฉยๆ ยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่
“ไม่” เธอหลุบตามองต่ำ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างดันตัวร่างสูงราวกับยักษ์ปักหลั่นให้เดินออกไปจากห้องน้ำไป
“มีอะไรก็เรียกก็แล้วกัน”
ไมค์ยอมเดินออกไปอย่างว่าง่าย เพราะกลัวเธอจะหกล้มหรือเป็นอะไรไปเลยแง้มประตูห้องน้ำเอาไว้เล็กน้อย
นรินค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าซีดเซียวชนเข้ากับหน้าอกแข็งของคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ก้าวเท้าออกไปแค่ครึ่งก้าวก็ถูกเขาช้อนอุ้มตัวเธอขึ้นมา หลังจากวางร่างเล็กลงบนเตียงนอน ไมค์ก็หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ มือทั้งสองที่ดึงชายเสื้อยืดขึ้นทำเอานรินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“จะทำอะไร!!”
“วัดไข้” ไมค์หยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาโชว์ให้เธอดู พยายามกลั้นขำขณะมองใบหน้าเลิ่กลั่กของอีกฝ่าย
“ทำเองได้”
นรินเบือนหน้าหนีขณะดึงปรอทวัดไข้ออกจากมือหนา หลังจากนำมันสอดไว้ใต้รักแร้เสร็จก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอน นรินทั้งปวดหัวทั้งหนาวจนตัวสั่น
'..ที่ทำดีกับเธอเพราะรู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนหรือไง มันไม่ได้ทำให้ความโกรธของเธอลดน้อยถอยลงเลย..'
ไมค์หยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาดูหลังจากได้ยินเสียงร้องเตือน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย
“สามสิบเก้าจุดแปดองศา ไข้สูงเอาเรื่อง”
“กินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ฉันอยากกลับไปนอนพักที่ห้อง นายช่วยไปส่งหน่อยได้ไหม” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา
“ปากเก่ง เดินเองยังไม่ไหวขืนไปอยู่คนเดียวแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะพลอยซวยไปด้วย ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าดีขึ้นกว่านี้ฉันจะพากลับแน่ๆ ”
“แต่..”
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอไง”
“นายนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“เหอะ ขนาดไม่สบายสกิลปากก็ยังแรงดีไม่มีตก ฉันไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตานะ สั่งอะไรก็ทำตามอย่าเรื่องมาก”
เสียงเคาะประตูกด้านนอกที่ดังติดต่อกันหลายครั้งทำให้ทั้งคู่หยุดต่อปากต่อคำกันไปชั่วขณะหนึ่ง ไมค์เดินหายออกไปสักพักใหญ่ก่อนกลับเข้ามาพร้อมกับถาดใส่ชามถ้วยข้าวต้มร้อนๆ แล้วก็กระปุกยาลดไข้
“ลุกไหวไหม? ”
นรินยืนมองห้องน้ำที่กว้างกว่าห้องพักของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอาบน้ำอุ่นจัดเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นบนร่างกายตนเอง ความรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงกึ่งกลางกายยิ่งตอกย้ำความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง ริมฝีปากเล็กทอดถอนลมใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน
ไหนๆ ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ก็ถือซะว่าทำทานให้หมามันแดกก็แล้วกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินตรงมายังตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน มองซ้ายมองขวาเห็นทางสะดวกก็รีบคว้าเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นมาสวมใส่อยากลวกๆ
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้องทำเอานรินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ปกติเธอไม่ใช่คนขวัญอ่อนอะไรขนาดนี้ หันไปมองก็เห็นร่างสูงยืนกอดอกพิงบานประตูห้องนอนอยู่ ดวงตาคมจ้องมองมาทางเธอไม่ละสายตา
เขาเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจก่อนก้าวเท้าขึ้นไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง แต่ยังหน้าด้านกวักมือเรียกเธอพร้อมทั้งตบฝ่ามือลงบนเตียงนอนสองสามครั้ง
นรินปรือตาขึ้นมองการกระทำยียวนกวนประสาทของอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ เขาทำอย่างกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยงหรือตัวอะไรสักอย่าง
นริมหาวหวอดๆ ออกมาไม่หยุด ตอนนี้เธอง่วงมากจริงๆ แต่ยังฝืนตัวเองเอาไว้
“ไม่ทำอะไรหรอก มานอนเถอะ ไม่ง่วงเหรอ? ”
“…” ใบหน้าสวยง่วงงุน เวลานี้แค่จะยืนให้ตรงยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มดูจะรู้ทันความคิดอีกฝ่ายดี ฝ่ามือหนาตบบนฟูกนอนก่อนขยับพลิกกายนอนหันหลังให้อีกฝ่าย
นรินลังเลใจอยู่นานก่อนจะทนฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นถึงจำใจเดินตรงไปที่เตียงกว้าง พอล้มตัวนอนไปได้เพียงครู่เดียวก็ผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
นรินตื่นนอนพร้อมกับอาการปวดหัวแถมยังปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปทุกส่วนสัด ขยับเรียวขาเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกปวดแปล๊บตรงกึ่งกลางกายสาวขึ้นมา ไอความร้อนที่กระจายทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายทำให้นรินรู้สึกถึงความผิดปกติตนเอง
“ปวดหัวจัง” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาขณะแตะฝ่ามือลงบนหน้าผากของตัวเอง
เธอก้มลงมองท่อนแขนแกร่งที่ทาบทับบนหน้าอกของตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งที่อยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่คืบ ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องนอนกว้างอยู่ชั่วขณะหนึ่งขณะในหัวก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปด้วย
นรินปัดท่อนแขนแกร่งออกไปจากตัวเธอ ทำให้คนตัวโตกว่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมามอง
“อือ...ตื่นแล้วเหรอ นอนต่ออีกหน่อยสิ” ริมฝีปากหนาพูดเสียงอู้อี้ในลำคอ สอดฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่งของเธอ ผิวกายที่ร้อนลวกทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหยัดกายลุกขึ้น
“ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้หรือเปล่า” เขาเอามือมาจับหน้าผากและมองหน้าซีดๆ ของเธอ
“อย่ามาจับ!”
เธอแทบไม่มีแรงจะปัดฝ่ามือแข็งออกจากหน้าผากและร่างกายตนเอง ทั้งปวดหัวและเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว คงเป็นไข้เพราะตากฝนเมื่อคืนแน่ๆ แล้วก็เป็นเพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้ด้วย เธอหันไปจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พยายามจะลุกลงจากเตียงแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงรั้งตัวไว้
“จะเข้าห้องน้ำ? ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเรียวยาวเข้าหากัน ความง่วงงุนเมื่อครู่จางหายไปจนหมดสิ้น
นรินเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นก่อนพยักหน้าตอ สภาพย่ำแย่ของเธอในตอนนี้คงไม่มีแรงไปเถียงหรือทำอะไรผู้ชายตรงหน้าได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะช้อนตัวเธออุ้มขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำแบบนี้
ไมค์ค่อยๆ ปล่อยร่างเล็กให้ยืนลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
“ให้อยู่ด้วยไหม” ดวงตาคมมองสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย ลำพังแค่ยืนเฉยๆ ยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่
“ไม่” เธอหลุบตามองต่ำ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างดันตัวร่างสูงราวกับยักษ์ปักหลั่นให้เดินออกไปจากห้องน้ำไป
“มีอะไรก็เรียกก็แล้วกัน”
ไมค์ยอมเดินออกไปอย่างว่าง่าย เพราะกลัวเธอจะหกล้มหรือเป็นอะไรไปเลยแง้มประตูห้องน้ำเอาไว้เล็กน้อย
นรินค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าซีดเซียวชนเข้ากับหน้าอกแข็งของคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ก้าวเท้าออกไปแค่ครึ่งก้าวก็ถูกเขาช้อนอุ้มตัวเธอขึ้นมา หลังจากวางร่างเล็กลงบนเตียงนอน ไมค์ก็หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ มือทั้งสองที่ดึงชายเสื้อยืดขึ้นทำเอานรินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“จะทำอะไร!!”
“วัดไข้” ไมค์หยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาโชว์ให้เธอดู พยายามกลั้นขำขณะมองใบหน้าเลิ่กลั่กของอีกฝ่าย
“ทำเองได้”
นรินเบือนหน้าหนีขณะดึงปรอทวัดไข้ออกจากมือหนา หลังจากนำมันสอดไว้ใต้รักแร้เสร็จก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอน นรินทั้งปวดหัวทั้งหนาวจนตัวสั่น
'..ที่ทำดีกับเธอเพราะรู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนหรือไง มันไม่ได้ทำให้ความโกรธของเธอลดน้อยถอยลงเลย..'
ไมค์หยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาดูหลังจากได้ยินเสียงร้องเตือน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย
“สามสิบเก้าจุดแปดองศา ไข้สูงเอาเรื่อง”
“กินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ฉันอยากกลับไปนอนพักที่ห้อง นายช่วยไปส่งหน่อยได้ไหม” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา
“ปากเก่ง เดินเองยังไม่ไหวขืนไปอยู่คนเดียวแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะพลอยซวยไปด้วย ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าดีขึ้นกว่านี้ฉันจะพากลับแน่ๆ ”
“แต่..”
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอไง”
“นายนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“เหอะ ขนาดไม่สบายสกิลปากก็ยังแรงดีไม่มีตก ฉันไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตานะ สั่งอะไรก็ทำตามอย่าเรื่องมาก”
เสียงเคาะประตูกด้านนอกที่ดังติดต่อกันหลายครั้งทำให้ทั้งคู่หยุดต่อปากต่อคำกันไปชั่วขณะหนึ่ง ไมค์เดินหายออกไปสักพักใหญ่ก่อนกลับเข้ามาพร้อมกับถาดใส่ชามถ้วยข้าวต้มร้อนๆ แล้วก็กระปุกยาลดไข้
“ลุกไหวไหม? ”