คงไม่กล้าทำอีก และหล่อนก็ให้ลูกน้องคอยจับตาดูตลอด ถึงพฤติกรรมร้ายแรงซ้ำซาก ไม่รู้จักเข็ด คงต้องให้สามีของหล่อนจัดการล่ะ เขาจะเอาไว้หรือว่าเอาออก เลือกเดิมพันกับหล่อน ถ้าเขาเชื่อสองคนพ่อลูก หล่อนก็ไม่อยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต่อไปอีก
เพราะคุณศิริวรรณฉวีคิดล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าจะออกไปจากที่นี่ เพื่อตั้งตัวเองใหม่ ในอาณาจักรของตัวเอง ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร คนเก่งอย่างหล่อนต้องทำได้ รอแต่ผลจะออกมาอย่างไร หัวหรือก้อย คือคำตอบของนายมุทธา
ถ้าเขาเชื่อน้องชาย แสดงว่าไม่เชื่อหล่อน ก็ป่วยการทีจะรั้งหรืออยู่ทำงานที่นี่ต่อไป เพราะคุณวรรณฉวีมีทางเลือกของหล่อนมากมาย
มุทธากำลังมีสีหน้าที่ตึงเครียดมากที่สุด เมื่อรับฟังคำจากปากน้องชายแท้คือศักดา มีหลักฐานในมือคือภาพถ่ายที่ศักดาส่งไปให้ในมือของนายมุทธา
"พี่คิดดูซี ผู้หญิงแบบนี้คงทรยศพี่สักวัน"
ศักดารู้ดีว่าเขาหมายถึงพี่สะใภ้ที่เขาไม่ชอบหน้าและไม่อยากให้หล่อนมาเป็นใหญ่อยู่ที่นี่ เพื่อกลบบารมีของเขา แม้รับรู้ว่ายังอ่อนด้อยกว่าคุณวรรณฉวีก็ตาม แต่คนอย่างศักดาไม่ยอม เพราะไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล
นายมุทธาเริ่มทำท่าจะปวดหัวอีกครั้ง
ที่น้องชายนำเรื่องมาสุมใจของเขาอีกครั้งกล่าวพาดพิงไปถึงภรรยาคู่ยากของเขา ว่ามีแผนการร้ายเพื่อจะมาปอกลอกเงินทองของเขาไปจนหมดเกลี้ยง จริงหรือไม่
ใช่ว่านายมุทธาจะฟังความข้างเดียว เขาต้องชั่งคำพูดและความคิดก่อนตัดสิน ส่วนภรรยานั้น เป็นเช่นนี้จริง เธอก็มีความผิด
แต่เธอมีความสามารถมาก เก่ง บริหารงานทุกอย่างแทนเขาได้โดยที่น้องชายอย่างศักดาทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"เฮ้ยอย่ามากล่าวหาเมียฉันผิดๆ ไปนะ ศัก ถึงยังไงคุณวรรณก็เป็นพี่สะใภ้แก"
นายศักดานิ่ง เมื่อนายมุทธานั้นถูกเขาเป่าหูไม่สำเร็จ เพราะพี่ชายหลงผู้หญิงคนนี้อย่างมาก
"แกลองเทียบดู คุณวรรณฉวีกับแกใครมีฝีมือมากกว่า"
เมื่อพี่ชายพูดแบบนี้ ทำให้ศักดาไม่กล้าตอบโต้ แต่เดือดแค้นใจ ที่พี่ชายคนนี้เห็นขี้ดีกว่าไส้
"ถ้าไม่มีหลักฐาน ผมก็ไม่หามายืนยันให้กับพี่มุทหรอก"
ศักดายังตั้งท่าหาเรื่องแบบ กัดไม่ยอมปล่อย เช่นเดียว กับ คมกล้าลูกชาย แต่เขาพูดแทนพ่อไม่ได้ กลัวคุณลุงจะว่าและดุเอาหาว่าเข้าไปสอดเรื่องของผู้ใหญ่
ดังนั้นเขาจึงต้องเงียบ เพื่อหาจังหวะพูด ตอนนี้คุณลุงอารมณ์ไม่ดี คงไม่ฟังใครแน่ ไว้รอให้ท่านอารมณ์เย็นลงก่อน
เขาจึงสะกิดพ่อ นายศักดารู้ว่าลูกชายสะกิดทำให้เขาหายใจฟึดฟัด แบบหนักหน่วง อย่างไม่พอใจ เพราะจำต้องเงียบลง
ดูแล้วพี่ชาย ไม่ยอมทำตามคำของเขา นั่นทำให้เขาเหนื่อยเปล่า ที่สุดยอมที่จะทำตามคมกล้า ด้วยการกล่าวลาพี่ชาย แล้วเดินออกไป
คมกล้าเมื่อได้เดินออกมา ได้พบหล่อน ช่องิ้วหรือชิดชลัย ผู้หญิงที่ร้อนรนแรงเหมือนไฟ ที่ใครๆปรารถนา หล่อนยืนอยู่คนเดียว เขาอดไม่ได้ ย่างเท้าเข้าไปหา
"มาทำอะไรที่นี่ช่องิ้ว"
น้ำเสียงนั้นเหมือนไม่พอใจ
ชิดชลัยหันกลับไปดู ก็รู้ว่าใคร
""คมกล้า"
"ใช่ผมเอง คุณมาทำอะไรที่นี่ช่องิ้ว"
"เอ๊ะ จะต้องให้ฉันรายงานทุกเรื่องหรือคะ นี่มันคือเรื่องส่วนตัวของดิฉัน ที่จะคบใครชอบใคร"
ชิดชลัยตอบด้วยน้ำเสียงเข้มสะบัดใส่ ไม่สนใจคมกล้า
"คุณก็น่าจะเล่าให้ผมฟังก็ได้นี่"
น้ำเสียงคมกล้าเหมือนยิ้มเยาะ
"สิทธิ์อะไรคะ"
"ก็ผมรู้จักคุณมาแล้วไง อาจจะมาก่อนนายภูอนลอีกด้วยซ้ำ แล้วทำไมคุณไม่เลือกผม”
เหมือนน้ำเสียงของคมกล้ากำลังจะรุนแรง คุกคามใส่หล่อนมากขึ้นด้วยความไม่พอใจ ขาดสติตีโพยตีพายโวยวายใส่
"คุณนั่นแหละ คมกล้า ที่ไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับฉัน"
"คุณช่องิ้ว เพราะอะไร" คมกล้าตกใจอย่างมาก
"เพราะฉันไม่ได้เลือกคุณไงคะ"
ตัดสินใจตอบเขาตรงๆ ทำให้เขานิ่งขึงตัวเอง ด้วยอารมณ์คนเจ็บปวด ถึงกับกำมือแน่น
จากนั้นคมกล้าก็ผลุนผลันเดินออกไปทันที ตามพ่อที่รออยู่ที่รถแล้ว นี่คือความอัปยศที่คมกล้า คิดว่าเขาจะต้องได้เอาคืนกลับไปบ้าง
"แกเข้าไปคุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้น"
"ผมยังรักเธออยู่นะพ่อ" คมกล้าตอบบิดา
"ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยคิดจะชายตามองแกเลยรึไง"
คมกล้านิ่งเงียบ เมื่อบิดาพูดอย่างนั้นด้วยไม่พอใจ มันยากเหมือนกัน อาการรัก อาการหลง ใช่จะลืม หรือถอนได้ง่าย
ในที่สุด จำยอมนั่งรถไปกับบิดา ที่นายศักดาเป็นคนขับ หมุนพวงมาลัยออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
แม้แต่คนรับใช้ที่คอยเปิดปิดประตูให้แบบกดรีโมตก็สะดุ้งไปตามๆ กัน นี่ถ้าเกิดมีปืน คงลั่นเปรี้ยงใส่พวกเธอคนใช้อย่างแน่ พิลึกคนจริง
สองพ่อลูกคู่นี้ พวกคนใช้ต่างอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน
ภูอนลยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อไม่ได้มีอะไรที่รุนแรงจึงปล่อยไป เหตุใดคมกล้าถึงเดินมาระรานที่นี่
รู้ว่าเป็นหลานเจ้าของบ้าน แต่ไม่มีสิทธิ์แสดงกิริยาเถื่อน โอหังแบบนี้กับคนอื่น
โดยเฉพาะคนรักของเขา เห็น ชิดชลัยระงับสติและอารมณ์ได้เป็นปกติ เขาเดินมาหา
"ไม่มีเรื่องอะไรที่ร้ายแรงใช่มั๊ย"
เพราะความเป็นห่วง
"ไม่เลยค่ะ เพราะชลัยก็งงจู่ คมกล้าก็เดินมาหา"
"งั้น เราอย่าสนใจเลย ไปกันเถอะ คุยกับคุณแม่ข้างในต่อ"
ภูอนลชวนคนรัก อีกครั้งที่เขาเดินมาถึง แต่คมกล้าจากไปด้วยสีหน้าดูเหมือนไม่พอใจและหัวเหวี่ยงเหมือนเคย ไม่งั้นมีเรื่องหนักกว่านี้ เขาจะเอาเลือดหัวชั่วออก
และเขากำลังจะพาแฟนสาว ไปพบคุณศิริวรรณฉวี ปรากฏได้ยินคนใช้บอกว่า
"นายท่านเรียกคุณผู้หญิงให้ไปพบ"
เป็นอย่างนี้ ภูอนลกังขาและขมวดคิ้ว หรือนายศักดากับลูกชายมาสุมไฟป้ายความผิดให้มารดาเขา
ฝ่ายนี้ ไม่มีทางรามือแน่ แต่มั่นใจว่าแม่ของเขาเอาอยู่ ด้วยการตัดสินใจของท่าน
เป็นเหมือนเกม ต้องใช้เกมซ้อนแผน เพื่อให้อีกฝ่ายตามไล่ไม่ทัน
เขาพาเดินออกมาด้านนอกของบ้านที่สวนใกล้ๆ นั้นมีม้านั่งไม้หล่อนกับเขาจึงทรุดพร้อมกัน
"ชลัย รอแม่ก่อนนะ คุณคงไม่รีบกลับ"
"ค่ะ" หันตอบเขา
"ให้คนใช้มาเรียกฉัน เรื่องอะไรคะคุณ"
คุณวรรณฉวีไม่มีรอยยิ้ม แล้วก็นิ่ง นางเป็นคนแบบนี้สำหรับนายมุทธา
ใช่ว่านางไม่เคยยิ้มให้เขา เป็นบางครั้ง บุคลิกของการเป็นผู้นำพบปะและกรำงานหลายอย่าง อีกทั้งบริหารคุมกิจการทุกอย่างในมือ
"ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือคะ"
คุณวรรณฉวียังไม่ได้ทรุดตัวนั่งลงแต่ถามก่อน เพราะหล่อนเพิ่งมาถึง
"นั่งก่อนสิ"
"ไม่อยากจะนั่งสักเท่าไหร่ค่ะ"
คุณวรรณฉวีพูดแบบนี้ตรงๆ เริ่มจะระแวงในตัวสามี ที่อาจถูกพ่อลูก ใส่ไคล้สาดเอาความผิดและหมิ่นเกลียดชังให้หล่อน
นายมุทธาเลยต้องนิ่งเหมือนกัน เวลานี้เขาเดินได้แล้ว ใช้คำว่าพอเดินได้ ยังไม่คล่องเท่าไหร่ หลังจากที่อัมพาตมาหลายปี ต้องทำกายภาพต่อเนื่องอีก
"ฉันอยากรู้ นายศักดาน้องชายของคุณมาที่นี่ เขาพูด ถึงฉันยังไงบ้างคะ"
คุณวรรณฉวีไม่อดทน แล้ว เธอเอ่ย เหมือนลูกระเบิดลงทันที
นายมุทธาหันมาจ้องหน้าภรรยา
"มีสิ มีมากด้วยแต่ผมไม่ค่อยจะเชื่อ คนเป็นผัวเมียกัน คุณวรรณฉวี ต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันสิ ที่ผมปล่อยให้การบริหารอยู่ในมือของคุณ ทั้งหมด เป็นเพราะผมไว้ใจคุณมากกว่าคนอื่น"
"ค่ะ ดิฉันเข้าใจทั้งเจตนาและความรู้สึกของคุณมุท และดิฉันทำเท่าที่คุณมอบหมายให้ดิฉันรับผิดชอบ"
นายมุทธายิ้มให้กับภรรยา
"ผมเข้าใจไง ถึงไม่ได้ระแวงอะไร"