สำเร็จแล้วแผนการหาตัวช่วยของฉัน ก็เพราะฉันไม่ค่อยมั่นใจว่าถ้าฉันแค่คนเดียวจะรับมือกับโซลไหวแน่หรือเปล่า การมีคนที่แรงเทียบเท่ากับโซลเป็นพวก ก็ทำให้ฉันอุ่นใจไปเปราะนึงได้
บอกตามตรงตอนนี้ความรู้สึกรักที่เคยมีให้เขา มันยังไม่เหือดหายไปหมดหรอกนะ ใครจะไปลืมความรู้สึกดีที่เคยมีต่อเขาได้เร็วขนาดนั้นกัน แต่พอลองเอาความรู้สึกมาชั่งน้ำหนักกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกเกลียดเขามากกว่า
“หวังว่าฉันจะคิดถูกนะ ที่เลือกนาย เฮียยูกิ” พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วก็เดินขึ้นรถขับกลับทันที
ตื่อดึ้ง~ ตื่อดึ้ง~
ฟู่!!! ฉันได้แต่กลอกตามองบน พ่นลมออกจากปาก เบื่อ เบื่อมาก ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงไลน์ดังขึ้น ไม่เข้าใจการกระทำของเธอเลยจริงๆ
ทั้งๆ ที่เธอก็เปิดศึกกับฉันไปแล้วว่าจะกลับมาแย่งของรักของเธอคืน แล้วยังจะมาส่งรูปบ้าๆ พวกนั้นมาให้ฉันอีกอยู่ทำไม
“นี่พี่ด้าจะเล่นสงครามไลน์กับฉันถึงไหนเนี่ย”
ใช่ ที่ฉันบ่นๆ เมื่อกี้ก็คือพี่ดาด้า พี่สาวต่างแม่ที่เคยประกาศศึกกับฉันที่ร้านดอกไม้ตอนนั้นนั่นแหละ
Kamsai’s Single : แก้มเบื่อที่จะต้องมารับรู้เรื่องราวคาวโลกีย์ของผู้ชายคนนั้นแล้ว พี่ด้าไม่จำเป็นต้องส่งรูปพวกนั้นมาให้แก้มแล้วก็ได้นะคะ เพราะเราสองคนเลิกกันแล้ว ถ้าพี่ด้าอยากได้คนของพี่ด้าคืน ก็ช่วยล่ามโซ่เขาไว้ อย่าปล่อยมาเพ่นพ่านให้อยู่ในสายตาแก้มก็แล้วกัน
ฉันทนไม่ไหว เลยส่งไลน์กลับไป เผื่อพี่ดาด้าจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจในตัวโซลแล้ว ก็แค่อยากจะแก้แค้นเขาคืนก็เท่านั้น
ตื่อดึ้ง~ ไลน์
จังหวะที่กำลังจะวางมือถือลงกลับไปเช็คดอกไม้ในร้านต่อ เสียงไลน์กลุ่มก็ดังขึ้น ฉันเลยต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านทันที
Nadear : แกคืนนี้ไปแดนซ์กัน
ยัยนี่ก็นะ วันๆ เอาแต่ชวนดื่มอยู่ได้ ฉันล่ะเพลียใจกับเพื่อนรักจริงๆ
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : ว่างส่ำเหมอ ถ้าเธอต้องการ
นี่ก็เร็วจริง ขอให้เป็นเรื่องเที่ยว สองคนนี้เข้าขากันตลอด แต่พอคิดอะไรดีๆ ออก ฉันเลยพิมพ์ตอบกลับไปบ้าง
Kamsai’s Single : จัดไป วันนี้ที่คลับนั้นเหมือนเดิม ห้ามเปลี่ยน
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : ว้ายๆ ชะนีเปลี่ยนชื่อไลน์ค่ะ ยัยเดียร์
หลังจากที่ข้อความฉันขึ้นอ่านจากเพื่อนๆ นุชชี่ก็รีบแซวฉันยกใหญ่
Kamsai’s Single : แปลกตรงไหน? เรื่องจริงป่ะ?
ฉันพิมพ์ตอบกลับไป แค่ชื่อไลน์ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็โสดจริงๆ
Nadear : ฉันดีใจด้วยนะแก้ม ที่แกเลิกยึดติดอดีตได้แล้ว
‘ขอบใจนะนาเดียร์’ ฉันได้แค่พูดคำนี้ออกไป แต่ไม่กล้าพิมพ์ส่งไปหรอก ฉันกลัวพวกนั้นจะปลอบใจกลับมา แล้วจะกลายเป็นฉันเองที่ดราม่าบ่อน้ำตาแตก
เราคุยนัดแนะเวลากันเสร็จ ต่างคนก็ต่างออกจากแชทกลุ่ม ฉันก็รีบจัดแจงเช็คดอกไม้ในร้านว่าขาดเหลืออะไร จะได้สั่งเข้ามาเพิ่ม ถูกหักอก ถูกทำให้เจ็บ แต่ใช่ว่าฉันจะงอมืองอเท้า พาลไม่ทำงานทำการนั่งช้ำรักหรอกนะ ฉันต้องสตรองเพื่อสตางค์และเพื่ออนาคต
@TS – Club 21.30 น.
“วี้ดดด วิ้ววว~”
“แม่เจ้าโว้ยยยย สวย ขาว อึ๋ม”
“สนใจนั่งกับพี่ที่โต๊ะนี้มั้ยน้องสาว”
เฮ้อ~ ตั้งแต่เดินย่างกรายเข้ามาในคลับ ก็มีแต่เสียงโห่แซวโหวกเหวก ดังลั่นตลอดทางเดินไม่หยุดหย่อน สายตาหื่นกามหยาบโลนละลาบละล้วง ที่พวกหน้าม่อส่งมาให้พวกเราสามคนนี่แทบอยากจะเอานิ้วจิ้มตาให้บอด
“เห็นแม่ะ คนสวยบอกแล้ว แค่เปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน” นุชชี่พูดออกมาน้ำเสียงระริกระรี้ภูมิใจที่วันนี้ฉันเปลี่ยนลุคเป็นเซ็กซี่เร่าร้อน ด้วยเสื้อสีแดงลายดอกไม้ยาวครึ่งค่อนเอวด้านหน้ามันเป็นหูกระต่ายยาวๆ กับกระโปรงหนังสีดำรัดรูปยาวแค่คืบ ซึ่งหล่อนเป็นคนเลือกให้
“นี่แก อย่ามาแซวได้มั้ย แค่พวกผู้ชายในคลับมองฉันด้วยสายตาหื่นกามแบบนั้น ฉันก็แทบอยากจะเอานิ้วจิ้มตาให้บอดแล้ว” ฉันบ่นให้นุชชี่แบบไม่สบอารมณ์สุดๆ ไม่ชอบเลยสายตาหื่นกามพวกนั้น ทั้งๆ ที่อีกใจก็กำลังก่นด่าตัวเอง ถ้าไม่แต่งตัวแบบนี้ออกมา คงจะไม่เจอเหตุการณ์บ้าบอพวกนี้หรอก
“นู้นไง โต๊ะที่ฉันจองไว้” ฉันมองตามมือนาเดียร์ที่ชี้ไปที่โต๊ะที่อยู่หน้าเวที แถมยังอยู่ไม่ไกลฟลอแดนซ์อีก ซึ่งมันไม่ใช่ที่นั่งโซนปกติที่พวกเรามาทุกที
“ทำไมวันนี้เปลี่ยนโซนล่ะแก” ฉันกระตุกแขนถามนาเดียร์
“เปลี่ยนบรรยากาศไง เบื่ออะไรเดิมๆ” นาเดียร์พูดแล้วเชิดหน้า เหลือบตาไปมองอะไรสักอย่าง ฉันเลยลากสายตาตามเธอไป
หึ~ ฉันคลี่ยิ้มออกมาทันทีที่สายตาโฟกัสไปยังจุดที่นาเดียร์มอง ตรงนั้นมีสายตาเยือกเย็นคู่หนึ่งกำลังจ้องกลับมาที่ฉันเหมือนกัน
คิดว่าเป็นโซลเหรอ ผิดแล้วล่ะ สายตายูกิต่างหาก แต่ถ้ายูกิกับเฮียไททันอยู่ แสดงว่าโซลก็ต้องอยู่ด้วยสิ แล้วอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่เห็นนั่งอยู่ด้วยกันล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ งานนี้ต้องสนุกแน่ๆ
“ไปนั่งโต๊ะเถอะแก ฉันอยากเมาเต็มแก่แล้ว” พอเห็นฉันยืนนิ่ง นาเดียร์เลยดึงตัวฉันให้เดินตามเธอไปที่โต๊ะทันที
“ขอ มาการิต้า 2 แก้ว แล้วก็ B–52 ช็อตหนึ่งค่ะ” ก้นถึงเก้าอี้ นั่งยังไม่ทันหายเหนื่อย ยัยนี่ก็สั่งเครื่องดื่มเลยนะ แต่ว่า... มาถึงก็ล่อ B-52 เลยเหรอ ช็อตเดียวก็มีน็อคแล้วนะนั่น เล่นของแรงเลยนะยัยเดียร์
“B-52 ไม่ต้อง เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบาๆ พอ” จู่ๆ เฮียไททันที่อยู่ตั้งชั้นสองโผล่มาได้ไงไม่รู้ มาถึงก็เปลี่ยนออเดอร์ยัยเดียร์ไปซะงั้น
“เผือกไรไม่ทราบ น้องเอาเหมือนเดิม”
“ถ้าอยากหางานใหม่ก็จัดให้เธอไป” เฮียไททันพูดกับพนักงานรับออเดอร์ แต่ตามองหน้ายัยเดียร์อย่างดุดัน
“ชิ แค่คู่หมั้น ทำมาสั่ง” ยัยเดียร์ ทำหน้าเหวี่ยงใสเฮียไททันแล้วก็บ่นอะไรไปด้วย ฉันไม่ได้ยินเพราะเธอพูดเบามาก
“แล้วนี่ ให้ตายสิ แก้มใสจริงเหรอวะ” เฮียไททันพูดน้ำเสียงตื่นเต้นถามฉันออกมา “ค่ะ แก้มเอง” ฉันเลยยิ้มตอบเฮียแกไป
“หืม แต่งแบบนี้ก็สวยดีนะ เฮียชอบ” เฮียไททันพูดแล้วยกยิ้มให้ฉัน สายตานี่ก็ไม่ธรรมดานะ เฮียแกก็เสือซุ่มตัวพ่อสิท่า
“นี่อย่ามาใช้สายตาจาบจ้วง หื่นกามใส่เพื่อนฉันนะ” นาเดียร์ไม่พูดเปล่า แต่ใช้มือเล็กๆ หยิกแขนเฮียไททันไปด้วย
“โอ้ยยย เจ็บนะเว้ย ยัยโหด แม่งดุอย่างกับหมา ทำไมหึงฉันหรือไง” เฮียไททันรีบจับมือนาเดียร์ที่หยิกแขนอยู่ออก แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือนาเดียร์เลย แถมยังทำหน้าทะเล้นล้อนาเดียร์กลับไปอีก
เพี้ยะ!!
“ทำไมฉันต้องหึงไอ้โรคจิตแบบนายด้วย”
“เลิกเรียกฉันโรคจิตสักที ยัยขี้มโน” เฮียไททันเบะปากใส่นาเดียร์ สองคนนี้เจอกันทีไรกัดกันทุกที แต่ก็ดีนะ ฉันว่าเข้ากันดีออก
“แล้วนึกยังไง แก้มใสคนสวยถึงได้แต่งตัวเซ็กซี่ แบบนี้” พอเลิกกัดกับยัยเดียร์เสร็จ เฮียไททันก็หันมาถามฉัน
“พอดีอยากลองเปลี่ยนลุคดูน่ะค่ะ เอ่อ ไม่เหมาะกับแก้มเหรอคะ”
“ป่าวหรอก เซ็กซี่ดี แต่แบบนี้มาคลับเฮีย ไม่กลัวไอ้เสือมันจะหึงเหรอ” พูดจบเฮียไททันก็ลากสายตาไปมองชั้นสอง ฉันเลยมองตามสายตาเฮียแกไปด้วย
“หึงเหรอคะ ใครจะมาหึง อย่าลืมสิตอนนี้แก้มโสดอยู่นะ” ฉันพูดตอบเฮียไททันกลับไป เขาก็น่าจะรู้นะ ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ฉันบอกว่าตัวเองโสด ก็ในเมื่อวันนั้นเขาก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจนจบดี
“เอ่อ คือโทษที เฮียลืมไป” สีหน้าเฮียไททันเจื่อนลงทันตาเห็น
เขาคงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนเขาทำอะไรฉันไว้ แต่ก็นะ ฉันไม่โกรธเฮียไททันหรอก ฉันแยกแยะ เพื่อนกันแต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกันนี่เนอะ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แก้มไม่ถือ” ฉันยิ้มประกอบคำพูดส่งให้เฮียไททัน
“แล้วนี่จะอยู่นี่อีกนานมั้ย ถ้าจะย้ายมานั่งตรงนี้ พวกฉันจะได้ย้ายโต๊ะ”
เฮ้อ! ยัยเดียร์มันไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมดุคูณสิบแบบนี้
“ปากดีแบบนี้ เฮียว่าสงสัยต้องมีปิดปากว่ะ” พูดไปก็ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปด้วย
“ปิดปากนายสิ ไอ้โรคจิต อยากลองปิดด้วย มาโนโล่ คู่นี้แทนมั้ยล่ะ”
นาเดียร์ปรายตามองรองเท้าแบรนดังคู่โปรดนางประกอบคำพูดไปด้วย
ให้ตาย! เพื่อนฉันนี่ก็ปากร้ายแถมโหดจริงๆ
“เหอะ ปากดีแบบนี้เฮียยิ่งชอบ สักวันจะ ‘เอา’ คืนให้เข็ด” เฮียไททันพูดพร้อมกับใช้สายตาจริงจังส่งให้นาเดียร์
“ไปล่ะแก้มใสคนสวย เฮียกลัวว่าจะได้ไฝว้คนแถวนี้” เฮียไททันพูดจบก็เหล่ตามองนาเดียร์แล้วเดินกลับไปชั้นสองทันที
“นี่อิตุ๊ดมันไปไหนของมัน เมื่อกี้ยังเดินตามพวกเรามาไม่ใช่เหรอ”
เมื่อกลับมาอยู่กันแค่สองคนเหมือนเดิม ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าพวกเรามาสามคน เลยถามนาเดียร์ไป
“สงสัยไปหาผู้กินมั้ง ช่างมันเถอะ เครื่องดื่มมาแล้ว มาชนแก้วกันดีกว่า” ยัยเดียร์รีบยก บลูค็อกเทลที่พนักงานเพิ่งยกมาเสิร์ฟขึ้นดื่มทันที
“ยัยนุชชี่นี่ก็แปลกคนแฮะ ทำไมชอบหายตัวทุกที” ฉันบ่นพึมพำๆ คนเดียว แล้วก็ยกน้ำพันซ์ขึ้นดื่มบ้าง
“นี่ครับของคุณผู้หญิง” อยู่ๆ พนักงานเสิร์ฟก็ยื่นกระดาษบางอย่างส่งมาให้ฉัน ฉันเลยทำหน้างงๆ กลับไป “อะไรเหรอคะ”
“พอดีมีคนฝากมาให้น่ะครับ” พนักงานคนเดิมตอบพร้อมกับยิ้มมุมปากแล้วค้อมตัวให้ฉันนิดๆ เป็นเชิงขอตัว
“มีไรเหรอแก” นาเดียร์สะกิดไหล่ถามฉัน
“พนักงานคนเมื่อกี้บอกมีคนฝากเอามาให้ฉันน่ะ” ปากตอบนาเดียร์ แต่มือก็คลี่แผ่นกระดาษที่อยู่ในมือไปด้วย
‘คิดว่าสวยตายไง แต่งตัวมายั่วแฟนคนอื่น ผู้หญิงอย่างแก ก็เป็นได้แค่ของเล่นของผู้ชายเท่านั้นแหล่ะ’
อ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นจบ คิ้วฉันถึงกับขมวดเป็นปมเข้าหากันทันที ในใจร้อนรุ่มรู้สึกโมโหปนสงสัยไปด้วย
“เฮ้ แก มีอะไรเหรอ ทำหน้ายุ่งเชียว” นาเดียร์ไม่พูดเปล่า เธอรีบแย่งกระดาษจากมือฉันไปอ่านทันที
“เฮ้ย ใครแกล้งเพื่อนฉันวะ” พออ่านจบนาเดียร์ก็รีบลุกขึ้น ตะโกนกร้าวออกไป สายตาสาดส่องมองไปรอบๆ คลับ เพื่อหาตัวการที่ส่งกระดาษมาให้ฉัน
“แกนั่งลงก่อน ช่างมันเถอะ สงสัยจะเป็นพวกโรคจิต” ฉันกระตุกแขนนาเดียร์ลงมานั่งเหมือนเดิม เพราะคนเริ่มมองมาที่โต๊ะเราเกือบทุกสายตาแล้ว
“แกจะห้ามฉันทำไมแก้มใส มันไม่ธรรมดาแล้วนะเว้ย ฉันเกลียดพวกที่ชอบแทงข้างหลัง หมาลอบกัด”
ใบหน้านาเดียร์ตอนนี้ดูโกรธจัดแบบสุดๆ เธอคงโกรธแทนฉันที่อยู่ๆ ก็มาโดนเหยียดหยามแบบนี้
“ไม่เอาแก เรามาเที่ยวนะ อย่ามีเรื่องเลย ถ้าคนมันอยากรอบกัด เราก็อย่าไปใส่ใจ ไว้รอมาแสดงตัวตรงหน้าเมื่อไหร่ เราค่อยจัดกลับแบบสมน้ำสมเนื้อไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันค่อยๆ ใช้น้ำเย็นทางคำพูด ปลอบนาเดียร์ให้หายโมโหลง
“ก็จริงอย่างแกพูดนั่นแหละ อย่าให้เจอตัวนะ แม่จะเล่นให้หาทางกลับบ้านไม่เจอเลย” ฉันได้แต่เป่าลมออกจากปาก ในที่สุดนาเดียร์ก็สงบสติอารมณ์ลงได้สักที นี่ถ้าตอนนี้นุชชี่อยู่ด้วย ฉันไม่รู้จะรับมือสองคนพร้อมกันยังไงไหว
ตอนนี้ชักสงสัยแล้วสิ ทำไมเวลาฉันมีเรื่องทีไรยัยตุ๊ดชอบหายหัวไปจัง
“ไหนบอกรักเพื่อนยะ เดี๋ยวก็งอนให้เข็ดซะหรอก” ฉันพูดงอนนุชชี่ออกมาเบาๆ นี่ก็ผ่านมาประมาณชั่วโมงแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เห็นเงาหัวเพื่อนตุ๊ดฉันอยู่ดี ตอนนี้หัวก็เริ่มมึนๆ รู้สึกจะเมาแล้วล่ะ
จึก จึก
“แก้มไปแดนซ์กันดีกว่า นั่งนานแล้วตะคริวจะกินเอาน่ะ” ก็ว่าอยู่ว่าใครมาสะกิดไหล่ฉัน ที่แท้ก็นาเดียร์นี่เอง
“เอาสิแก นั่งเฉยๆ ก็เริ่มเซ็งเหมือนกัน” นาเดียร์ชวนได้เวลาพอดี ฉันเลยไม่ขัด เพราะนี่ก็รู้สึกจะเมาแล้ว เผื่อไปเต้นแล้วจะทำให้สร่างเมาบ้าง
“งั้นก็ไปแดนซ์กัน แดนซ์ๆ” นาเดียร์พูดไปทำท่าโยกเอวตามจังหวะเพลงบีทหนักๆ ไปด้วย แล้วลากแขนฉันไปฟลอแดนซ์ทันที
“ว้าววว สาวสวยมาโว้ยย พวกเรา”
“อ้าว คนสวยน้อยหลีกทางให้หน่อย”
“ไม่สวยหลบไปครับ นางฟ้าของพี่มาแล้ว”
ทันทีที่พวกเราย้ายสะโพกและก้นงอนๆ มาถึงกลางฟลอแดนซ์ เสียงโหวกเหวงโวยวาย ของพวกผู้ชายหน้าม่อทั้งหลาย ก็พากันโห่แซวไม่เลิก มิหนำซ้ำ บางคนยังแอบเนียนเข้ามาจับนู่น จับนี่ ฉันกับยัยเดียร์อีก
“นี่ อย่ามาจับเอวเพื่อนฉันนะ ดูได้ มืออย่าต้อง” นาเดียร์รีบปัดมือผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเริ่มลวนลามฉันออกไป
“แหม ทำเป็นหวงเพื่อน งั้นจับเธอแทนแล้วกัน” ผู้ชายคนนั้นยอมปล่อยมือฉัน แล้วหันไปยุ่งกับยัยเดียร์แทน
“นี่สุดหล่อ ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว อย่าถูกตัวฉันดีกว่า” นาเดียร์ยิ้มหวาน แต่เชื่อเถอะ รอยยิ้มเธอตอนนี้อาบไปด้วยยาพิษเลยล่ะ
“ว้า พอดีพี่ชอบความเจ็บปวดด้วยสิ อะไรน้อ~ ที่บอกว่าถ้าจับแล้วจะ ‘เจ็บ’ น่ะ” ผู้ชายคนนั้นก็ยังส่งสายตาลวนลามนาเดียร์ไม่เลิก
หมับ~
“เฮ้ย อะไรวะ” อยู่ๆ เฮียไททันก็โผล่เข้ามากลางวง จับมือผู้ชายคนนั้นออกจากเอวนาเดียร์ทันที “ถ้ายังอยากแดกที่นี่ต่อ อย่ามายุ่งกับเมียกู” เฮียไททันพูดรอดไรฟัน
“นี่ใครเมียนาย อย่ามา... อื้อ” นาเดียร์พูดยังไม่ทันจบก็ถูกเฮียไททันใช้มือปิดปากทันที “มานี่เลย ยัยตัวดี”
“อื้อๆ” ฉันกำลังจะดึงแขนนาเดียร์เอาไว้ แต่ไม่ทัน เฮียไททันลากเพื่อนฉันออกไปไหนแล้วไม่รู้ อะไรของพวกเขา เป็นพวกนิยมความรุนแรงกันหรือไง เอะอะลาก เอะอะผลัก จังหวะที่กำลังคิดด่าทอเฮียไททันในใจ มือถือฉันในกระเป๋าสะพายก็สั่นขึ้น
[ไหนโชว์สิ เธอมีแผนดี แผนเด็ดอะไร งัดออกมาให้เฮียดูหน่อย]
หลังจากอ่านข้อความของเฮียยูกิจบ ฉันก็คิดอะไรดีๆ ออก
ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา ไหนๆ ยูกิก็อยู่ที่นี่ ในเมื่อเราทำข้อตกลงกันแล้ว ฉันเชื่อว่าถ้าฉันพลาดท่า ยูกิต้องมาช่วยฉันได้ทันเวลาแน่นอน
ต่อกแต่กๆ
เสียงรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วของฉันที่ดังกระทบพื้นกระเบื้องตามจังหวะการก้าวเดิน ทำให้หลายคนแหวกทางให้ฉันมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับนัดหมายกัน
หมับ~
“โว้ โว้”
“วี้ดวิ้ววว”
“เซ็กซี่ เอาเลยๆ”
“ส่ายเอวหน่อยคนสวย วี้ดวิ้ว”
“แม่งเอวดี ชิบหาย”
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่พอฉันถึงกลางฟลอแดนซ์ มือฉันก็คว้าเสาต้นหนึ่งที่ว่างอยู่ จับมันไว้ให้มั่นแล้ววาดลวดลายเต้นตามจังหวะเสียงเพลง ส่ายสะโพกขอดๆ เต้นยั่วยวน จิกกัดปากยั่วเย้า ทำตาเล็กตาน้อยใส่พวกหน้าม่อทั้งหลาย ที่ตอนนี้อ้าปากน้ำลายไหลไปกับท่วงท่าสุดร้อนแรงที่ฉันเพิ่งเคยใจกล้าหน้าด้านทำมันครั้งแรก
“ไหนขอดูหน่อยสิ ว่าการยั่วยวนของฉันครั้งนี้มันจะได้คุ้มเสียแค่ไหน” ปากพูดออกไป สายตาก็มองจ้องไปยังชั้นสองโซนพี่พวกเฮียยูกินั่งอยู่ ยกมือขึ้น ใช้นิ้วชี้กระดิกเหมือนเชิญชวนใครบางคนที่กำลังสบตาฉันอยู่ให้ลงมาหาฉันตอนนี้ และจะเป็นใครก็ได้ในกลุ่มนั้น แต่ถ้าให้ดีเป็นเฮียยูกิจะยิ่งเข้าแผนฉันมากกว่า
[Seoul’s part]
“วู้วๆๆ มีลูบไล้ด้วยโว้ย”
“แม่ง ยั่วโคตรๆ ว่ะ เอวแม่งดีชิบหาย”
ปึง ตึง~
เพราะรำคาญเสียงพวกเวรโต๊ะข้างๆ ผมเลยวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง แม่งจะเห่าอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ ก็แค่ผู้หญิงกร้านโลกที่กำลังเต้นยั่วสวาท ออกลวดลายแดนซ์หลอกล่อเหยื่อรายใหม่ก็เท่านั้น
คิดว่าเปลี่ยนลุคแต่งตัวเซ็กซี่แล้วผมจะจำเธอไม่ได้งั้นเหรอ เห็นมาทุกซอกทุกมุมแล้ว มีเหรอผมจะดูไม่ออก ใช่ผมกำลังหมายถึงแก้มใส อดีตคู่ขาเก่า
เอ... หรือจะเรียกว่าเหยื่อแก้แค้นของผมดี ผู้หญิงที่ใส่เสื้อลายดอกครึ่งตัว กระโปรงหนังรัดรูปอวดหุ่นไซส์เอสที่พวกเหี้ยทั้งหลายกำลังนั่งน้ำลายสออยู่
“โซลคะ ทำไมทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นล่ะ อะ ดื่มไวน์ขาวของโปรดก่อนนะ”
ผมเลิกสนใจเสียงนกเสียงกาโต๊ะข้างๆ แล้วหันมาคั่วกับกิลล์ คู่ขาพันธุ์ตูมที่ผมควงมาวันนี้ต่อ ผมคว้าแก้วไวน์ที่เธอยื่นมาให้กรอกปากตัวเอง แล้วดึงกิลล์เข้ามานั่งบนตัก บดจูบถ่ายเทไวน์ในโพลงปากตัวเอง ส่งมอบให้กับกิลล์อย่างร้อนแรง