“นี่ สนุกมากมั้ย พวกนาย!!”
ฉันสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเสียงนาเดียร์ดังอยู่ในกลุ่มพวกโซล
พึ่บ!! ยัยเดียร์เดินย่างสามขุม เข้าไปกระชากคอเสื้อโซลขึ้นจากโซฟา แต่ด้วยแรงที่น้อยนิดของเธอเลยทำให้โซลขืนแรงไว้แล้วดึงข้อมือยัยเดียร์ลงไปนั่งที่ตัก
“นาเดียร์” ฉันเรียกเธอ พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปที่โต๊ะทันที
“เฮ้ย ปล่อย คนนี้เฮียขอ” แต่ช้ากว่าเฮียไททัน เขารีบลุกจากที่นั่ง แล้วดึงแขนยัยเดียร์ลุกจากตักโซล
“ปล่อย อย่ามาจับ อย่ามาถูกตัว ทั้งนาย นายและพวกนาย” ยัยเดียร์ผลักอกเฮียไททันออก แล้วใช้นิ้วชี้เรียวสวย กราดชี้หน้าเฮียไททัน โซล และเพื่อนอีกสองคนของพวกเขา
ฉันเห็นท่าจะไม่ดี เลยรีบวิ่งเข้าไปห้ามยัยเดียร์ สงสัยเธอคงจะได้ยินที่พวกเขาว่าลับหลังฉันแน่ ถึงได้ของขึ้นแบบนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉันกับโซล ฉันจะไม่ให้เพื่อนฉันมาเดือดร้อนแทนเด็ดขาด
“เดียร์พอกลับเถอะ” ฉันพูดพร้อมดึงตัวยัยเดียร์ออกมาจากกลุ่มโซล
แต่ไม่ได้ผล ยัยเดียร์ไม่ยอมขยับ แถมยังจ้องหน้าโซลอย่างกับจะฆ่าเขาให้ตาย ฉันเลยเผลอหันหน้าไปมองหน้าโซล
“เหอะ!!” ฉันแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเขาเล็กน้อย
ตกใจงั้นเหรอ จะตกใจอะไรในเมื่อก่อนหน้ายังเม้าฉันสนุกปากอยู่นี่
“หึ งานเข้า” เสียงยูกิดังขึ้น ดึงสายตาฉันให้หันไปมอง เห็นเขากำลังนั่งเอาหลังพิงพนักโซฟาขาไขว่ห้าง มองหน้าโซลและฉันสลับกันนิ่งๆ
“ปล่อยฉันยัยแก้ม พวกมันพูดดูถูกเธอขนาดนี้ ฉันไม่ยอมหรอกนะ วันนี้ต้องได้เอาเลือดชั่วๆ มันออก” เดียร์สะบัดมือฉันออกเต็มแรง ทำให้ฉันผละออกมาสองก้าว ยัยนี่คงโกรธแทนฉันน่าดู แรงถึงได้เยอะขนาดนี้
ตุ้บ เพล้ง!!
ฉันเบิกตากว้างทันที ที่เห็นนาเดียร์คว้าขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะจะฟาดใส่โซล แต่โชคดีที่เฮียไททันปัดทิ้งทัน เลยทำให้ขวดหลุดมือแตกกระจาย
“นี่ ยัยโหด คิดจะฆ่าเพื่อนฉันหรือไงห๊ะ!” เฮียไททัน กระชากมือยัยเดียร์ไปรวบไว้ทั้งสองข้าง พร้อมกับว่าให้ดุๆ
“ก็มันสมควรมั้ย เพื่อนเลวๆ ชั่วๆ อย่างนั้นยังคบลง อ๋อ ไม่สิ ก็เพราะเลว โรคจิต ชั่วเหมือนกันหมดสินะ ถึงได้ อื้อ”
ยัยเดียร์ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเฮียไททันกระฉากเข้าไปจูบปิดปากซะก่อน
ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก สมองสั่งให้เข้าไปดึงยัยเดียร์ออกมา แต่ขากลับไม่ก้าวเดินตามคำสั่ง ให้ตายสิ นี่มันเรื่องของฉันนะ เพื่อนฉันต้องไม่โดนแบบนั้นสิ ดูก็รู้ว่ายัยเดียร์ไม่ได้สมยอมกับจูบนั่น
“ทำไมไม่โทรมาบอก” ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงแข็งๆ พร้อมลมหายใจร้อนๆ เป่ารดที่ข้างหู นี่โซลมาอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
“ถอยไปนะ” ฉันหันหลังกลับไป ยกมือขึ้นผลักอกโซนให้ถอยห่าง
“ทำเป็นผลัก ทีบนเตียง รัดเอาๆ” จบคำพูดหยาบโลนนั่นฉันยกมือขึ้นตบหน้าเขาทันที
เพี้ยะ!!! “อย่ามาพูดจาดูถูกฉันแบบนี้นะ” ฉันจ้องตาเขา ใบหน้าร้อนรุ่มไปหมด ไม่ได้เขิน ไม่ได้อาย แต่กำลังร้อนเพราะเพลิงโทสะล้วนๆ
“...” โซลหันหน้ากลับมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว โกรธที่ฉันตบหน้างั้นเหรอ แล้วคิดว่าแก้มใสคนนี้ ไม่โกรธไม่เกลียดคำพูดที่พ่นดูถูกฉันงั้นสิ
“นี่สินะ ธาตุแท้ของนายน่ะ เลว ชั่ว” ฉันจ้องตาเขาพร้อมกับพ่นว่าจาเชือดเฉือนออกไป
“หรือไม่จริงล่ะแก้มใส เธอน่ะชอบทุกครั้งที่ฉัน รัก ไม่ใช่เหรอ”
เพี้ยะ!! “หุบปาก” ฉันตบหน้าเขาไปอีกที แต่เหมือนเขาจะไม่เจ็บเลยสินะ แถมยังยกยิ้มมุมปากมาให้ฉันอีก
“ก็มันเรื่องจริงนี่ ครางซะลั่นขนาดนั่....”
เพี้ยะ!!! เพี้ยะ!!!
ฉันไม่ปล่อยให้เขาพ่นวาจาหยาบคายให้จบ จัดหนักให้สองที เน้นๆ
อย่าคิดว่าฉันหัวอ่อนเรื่องความรักแล้วจะร้ายไม่เป็น
“หุบปาก ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันกัดฟันพูดออกไป โมโหมากตอนนี้ ถ้าฆ่าเขาได้ฉันก็จะทำ
“ทำไมล่ะ เธอให้ฉัน ‘เอาฟรี’ เองนะ ใครไม่เอาก็ โง่ แล้วครับ”
“ไอ้สารเลว” ฉันตะโกนด่าเขาสุดเสียง เขาพูดมาได้หน้าตาเฉยมาก
ซ่า!! ผลั้วะ!!
ไม่รู้ว่ายัยเดียร์หลุดมาจากเฮียไททันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอสาดเหล้าที่อยู่ในแก้วใส่หน้าโซล พร้อมกับจะเข้ามาต่อยหน้าเจ้าของประโยคหยาบคาย
“แล้วยิ่งฟรี แถมซิง ไอ้โซลคนนี้ยิ่งไม่พลาด” โซลไม่สนใจการกระทำของนาเดียร์ ยังจ้องตาฉันแล้วพ่นประโยคหยาบคายต่อ
“แล้วยิ่งผู้หญิงที่ชอบแย่งของๆ คนอื่นอย่างเธอ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“อึก พูดบ้าอะไร ฉันไปแย่งของๆ ใคร” จากอารมณ์โมโห ตอนนี้ฉันรู้สึกงุนงงกับคำพูดเขามากกว่า
“หึ สงสัยจะทำบ่อย เลยจำไม่ได้” น้ำเสียงโซลดูประชดประชันฉันมาก
“...” ฉันไม่ตอบ แต่ก็ไม่เลิกจ้องหน้าเขา สมองก็พยายามคิดว่าฉันไปแย่งอะไรของใคร แต่ก็คิดไม่ออก
ชีวิตนี้เพิ่งคบแฟนคนแรกก็เขา จะว่าในวัยเด็ก ฉันก็ไม่รู้จักเขา แล้วจะบอกว่าฉันไปแย่งของๆ ใครกันล่ะ
“ไม่ต้องคิดหรอกแก้มใส สักวันเดี๋ยวเธอก็รู้เอง” โซลคงจะสังเกตสีหน้าฉันที่ตอนนี้ขมวดคิ้วยุ่งกันไปหมดออก เลยพูดแบบนั้นออกมา
“ผู้หญิงสารเลวแบบเธอ ต้องเจอกับโซลคนนี้ ถึงจะมวยชั้นเดียวกัน”สายตาเขาน่ากลัวมาก แววตาสั่นไหวแต่แฝงไปด้วยความเคียดแค้น
“ว่าฉันสารเลว แต่ไม่ยอมบอกเหตุผล นายก็เลวไม่ต่างจากฉันนักหรอก” ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าฉันเลวยังไงฉันก็ไม่แคร์ แล้วทีตัวเองล่ะ ไม่เลวว่างั้น
“ฉันเลวแล้วไง ใครสนวะ” เขาตะคอกกลับมาเสียงดังลั่น เล่นเอาฉันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สะดุ้งตัวโยน
“เธอจำไว้นะแก้มใส เวลาแห่งความสุขของเธอกำลังจะหมดลงแล้ว ต่อไปจะมีแต่บทลงทัณฑ์ ที่ฉันจะมอบให้เธอ”
โซลกระชากต้นแขนฉันบีบไว้แรงมาก มันแรงจนคิดว่ากระดูกฉันจะหัก
“อ๊ะ เจ็บ ปล่อย ฉันเจ็บ” กัดฟันข่มความเจ็บพูดออกไป มือพยายามแกะมือที่เขาบีบต้นแขนออกไป
“นี่มันยังน้อยไป น้อยกว่าที่พวกเขาเจ็บปวด” เขาจ้องฉันตาเขม็ง แววตาโกรธแค้น ทำไม ฉันไม่เข้าใจ ฉันไปทำอะไรให้เขา แล้วพวกเขาที่โซลว่าคือใคร?
“ก็ได้โซล ก็ได้” ฉันพูดแล้วพยักหน้าไปด้วยเหมือนยอมรับให้กับสิ่งที่เขาใส่ร้าย
“นายอยากแก้แค้นฉันว่างั้น?” ถามเขาพร้อมเอียงคอมองหน้านิดๆ
“ใช่ ฉันเกลียดเธอ อยากจะฉีกกระชากใจเธอมาดู ว่าข้างในมันสีอะไร” เขากระซิบรอดไรฟัน เหมือนอยากให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ได้ เอาสิ เอาเลย” ฉันประชดเขากลับ ในเมื่อนายเลือกเปิดศึกกับฉันแบบนี้ ในเมื่อนายเป็นคนปลุกด้านมืดของฉันออกมา ฉันก็จะคืนสนองให้นายเอง
“จำไว้แก้มใส ร่างกายและหัวใจเธอ ฉันจะเหยียบให้เละเลย... คอยดู” เขาพูดจริง สายตาเขาไม่ล่อกแลก ไม่สั่นไหว
“ก็ได้แค่ตัว อย่ามาทำเป็นดีใจไป” ฉันยกยิ้มเยาะเขามุมปาก
“ไว้ได้หัวใจไปก่อนมั้ย? ค่อยถือว่านายชนะ!”
อึก พูดเสร็จก็ต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เพราะโซลจิกเล็บลงที่ต้นแขนฉัน ทั้งบีบทั้งจิก รู้สึกเลยว่าตอนนี้ทั้งร่างกายฉันมันคงมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด
“ปากดีอีกแล้วนะแก้มใส หัวใจน่ะ ฉันว่า... ฉันได้แล้วว่ะ”
“หึ นั่นมันก่อนหน้านี้ โซล” ฉันรีบพูดขึ้นทันทีหลังจากที่คำพูดเขามันแทงใจดำตัวเองเต็มๆ จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้ฉันให้ใจเขาไปแล้วทั้งดวง แต่ก็แค่ก่อนหน้านี้ล่ะนะ ตอนนี้ฉันรู้จักตัวตนอีกด้านเขาแล้ว ฉันไม่มีทางกลับไปรักเขาเหมือนเดิมได้หรอก
“แต่ตอนนี้มันหมดแล้วล่ะ ไอ้ความรักจอมลวงโลกนั่นน่ะ” ฉันรีบย้ำอีกที เผื่อเขาจะได้เลิกมโนว่าหัวใจฉันยังเป็นของเขาอยู่
“ก็พูดไปนั่น” เขาใช้น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
“หรือถ้าแน่จริง นายมาเล่นเกมกับฉันไหมล่ะ”
ในเมื่อเขาไม่เชื่อ ฉันก็ขอท้าเขาแล้วกัน
“เกม?” โซลเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งตอนที่ถาม
“ใช่เกม! เกมที่นายต้องกลับมาคบกับฉันอีกครั้ง” ฉันยังพูดไม่ทันจบโซลก็พูดแทรกขึ้นมา
“หึ ขาดฉันไม่ได้ขนาดนั้นเชียว ไหนบอกว่าเลิกรักฉันแล้วไง” คำพูดดูถูกดูแคลน ไม่เท่าสายตาสมเพชเวทนา ที่เขาส่งมาให้ฉันสักนิด
“แล้วกล้ามั้ยล่ะ กลับมาคบฉันเหมือนเดิม แล้วพิสูจน์ว่านายสนแค่ตัว ฉันไม่ใช่หัวใจ และฉันจะได้ยืนยันว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายอีกแล้ว” บ้าบอจริงๆ ท้าทายเขาเอง แต่หัวใจกลับรู้สึกวูบไหวแปลกๆ
“เห... น่าสนุกนี่” แววตาเขาลุกโชนเหมือนเจอของเล่นสนุกๆ เข้าให้
ส่วนฉันกลับได้แต่เม้มปากแน่นกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
“ว่าไงล่ะ กล้าหรือไม่กล้า” ฉันก็ยังปากดีเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มั่นใจแต่ปากก็ยังท้าเขาเหมือนเดิม
“ก็เอาสิ ครั้งนี้ฉันจะเอาทั้งตัวและหัวใจเธอคืนมา แต่อย่าเผลอให้หัวใจฉันอีกรอบล่ะ” พูดจบ โซลก็ยกยิ้มมุมปากส่งสายตาดูถูกกลายๆ มาให้อีกครั้ง
“ระวังหัวใจเธอไว้ให้ดี... เพราะถ้าครั้งนี้ เธอให้มันมาเมื่อไหร่ ฉันจะบดขยี้มันให้แหลกละเอียด แบบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย จำไว้”
ผลัก ตุบ!!
“อ๊ะ” พูดจบเขาก็ผลักฉันออกจากการจับกุม ให้ตายสิ เกือบล้มไปแล้ว พอตั้งสติได้เลยสะบัดหัวน้อยๆ ไล่ความตกใจเมื่อกี้ออกไป พยายามควบคุมเสียงที่เปล่งออกไปไม่ให้มันสั่น
“จำคำพูดนายไว้ให้ดีแล้วกัน โซล” เขาไม่ตอบเหมือนรอฟังฉันพูดให้จบ
“แล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง มาหลงรักฉันแทนแล้วกัน”
หมับ!! ฉันเดินเข้าไปประชันหน้ากับเขาอีกครั้ง แล้วจับไหล่ข้างซ้ายเขาใช้มืออีกข้าง ตบเบาๆ ที่อกข้างซ้าย เป็นเชิงบอกให้รักษาหัวใจตัวเองไว้ให้ดี อย่าเผลอมารักฉันเข้าสักวัน
“เพราะถ้ามีวันนั้น หัวใจนายก็จะแหลกสลายเหมือนกับเศษแก้วที่อยู่บนพื้นนั่น” ฉันปรายตามองเศษแก้วที่นาเดียร์ทำแตกไว้เมื่อตอนแรก
พลั่ก! ฟึ่บ!
“อ๊ะ” ไอ้บ้านี่ ผลักฉันอีกแล้วนะ
แต่ขณะที่กำลังจะล้มจากแรงผลักที่รุนแรงกว่าครั้งแรกของโซล ก็เหมือนมีคนมาประคองตัวไว้ พอชำเลืองตามองขึ้นไป ก็เห็นใบหน้าหล่อคมเข้มของยูกิ
“ปล่อย” ฉันสะบัดตัวออก และแกะมือยูกิที่ประคองตัวฉันไว้ไม่ให้ล้ม ส่งสายตาเป็นเชิงผิดหวังเขาเล็กน้อยกับภาพลักษณ์ที่ฉันคิดไว้ในตอนแรกของเขา
“แค่ช่วย ไม่ได้คิดอะไร” เขาใช้สายตาบังคับแกมจริงจังส่งมาให้ฉัน มือไม่ยอมปล่อยตามการขัดขืนของฉันสักนิด
พรึ่บ ผลัก!!
“เอามือสปรกของนายออกจากตัวเพื่อนฉันนะ” นาเดียร์เข้ามากระชากมือยูกิออกจากตัวฉันและได้ผล มันสำเร็จ ยูกิยอมปล่อยฉันแล้ว
“นี่ยัยโหด เธอจะไปยุ่งเรื่องของพวกเขาทำไม” เสียงเฮียไททันดังมาปรามยัยเดียร์ เหมือนกับหงุดหงิดที่ยัยนี่ดิ้นหลุดเขามาได้
“อย่ายุ่ง นี่มันเพื่อนฉัน” เดียร์ส่งสายตาเกรี้ยวกราดกลับไปให้เฮียไททันทันที
“ไอ้โซลก็เพื่อนฉัน ฉันยังไม่เข้าไปยุ่งเลย” เฮียไททันเถียงกลับมา
“ก็เพราะเลวเหมือนกันไง เลยไม่ช่วยยกสันดานให้มันดีขึ้น” เสียงเย้ยหยันของยัยเดียร์ ทำให้สายตาของเฮียไททันแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว
“อย่าปากดีให้มันมาก เดี๋ยววันหมั้นจะเร็วกว่าเดิม” ฉันได้ยินประโยคหลังไม่ค่อยชัด เพราะสติเริ่มจะเลือนราง สงสัยจะใช้แรงรบกับโซลมากเกินไป
“s**t!! กลับแก้มใส เธอเดินไหวนะ” ยัยเดียร์เลิกสนใจคนรอบข้าง หันมาถามฉันอย่างเป็นห่วง “…” ฉันไม่ตอบ แต่พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไหว
“แล้วนี่ อิตุ๊ดมันหายหัวไปไหน เพื่อนมีเรื่องไม่เห็นมาช่วย” พอออกมาจากกลุ่มโซลได้ไม่กี่ก้าว นาเดียร์ก็ถามหานุชชี่แบบอารมณ์เสียสุดๆ
“ว้ายยย ตายแล้ว ชะนีแก้มใสไปโดนหมาที่ไหนฟัดมาลูก หน้าตาดูไม่จืดเลย” ตายอยากตายเย็น เพิ่งกรวดน้ำหาได้ไม่ถึงสิบวิ ก็โผล่หัวมาจนได้
“ตบปากแตกเลยตุ๊ด เพื่อนโดนหักอ...”
นาเดียร์กำลังจะบอกเรื่องที่เกิดเมื่อครู่ให้ยัยนุชชี่ฟัง แต่ฉันหยิกแขนเธอห้ามไว้ทันก่อนที่จะพูดจบ ตอนนี้ยังไม่อยากให้นุชชี่รู้เรื่องก่อนหน้านี้ เพราะเรื่องมันจะไม่จบง่ายๆ น่ะสิ ก็เคยบอกไปแล้ว ว่านาเดียร์กับนุชชี่น่ะแรงพอๆ กัน
“อะ อะไรคะชะนี พูดให้จบสิยะหล่อน” นุชชี่ทำหน้าเหวอๆ เบะปากใส่ยัยเดียร์ เชิงงอนหน่อยๆ
“เช็คบิลนะ พวกฉันจะไปรอที่รถ” สั่งเสร็จยัยเดียร์ก็พาฉันออกมาจากคลับแล้วสตาร์ทรถรอยัยนุชชี่
“แก ไม่เป็นไรนะ คืนนี้ไปนอนห้องฉันไหม” ฉันได้ยินนาเดียร์ถาม แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากตอบอะไร ไม่อยากพูดอะไร เหมือนพอออกมาจากสถานการณ์บ้าบอนั้นได้ ฉันก็ลืมเอาปากมาเลยงั้นล่ะ
ถ้าบอกว่า ไม่เป็นไร ก็คงดูแกร่งเกินไปสำหรับผู้หญิงที่เพิ่งได้ยินคนรักพูดเหยียดหยามศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงขนาดนั้นจริงมั้ย
ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าคนที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่ารัก คนที่ขอฉันคบคนแรก ที่ทำตัวแสนอบอุ่นมาตลอด จะมีอีกด้านทีสารเลวเกินให้อภัยขนาดนี้
“ฮึก อึก ๆ ” ไม่ไหวแล้ว ฉันกลั้นทั้งน้ำตาทั้งเสียงสะอื้นไม่ไหวแล้วจริงๆ
แปะๆ ฉันสัมผัสได้ว่ายัยเดียร์กำลังตบไหล่และลูบปลอบโยนฉันเบาๆ
แต่ตอนนี้ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของฉัน เลยได้แต่นั่งหันข้างมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ตัดขาดกับการรับรู้อะไรในรถหรือรอบกายอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน และฉันกลับถึงห้องได้ยังไง ช่วงเวลาทุกอย่างหลังจากที่ออกมาจากคลับ มันเหมือนไม่แล่นเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของฉันเลย เหมือนมันวาร์ปจากในคลับมาโผล่ที่ห้องฉันอะไรทำนองนั้น
“ฮึกๆ ฮือ ทำไมๆ ” ฉันได้แต่อยู่นั่งบนเตียงนอน ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม หยดแล้วหยดเล่า ยิ่งคิดถึงเรื่องในคลับ คำพูดดูถูกเหยียดหยาม เห็นฉันเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของพวกเขา ฉันยิ่งเจ็บ เจ็บจนเจียนจะขาดใจตาย
“ใจร้าย นายใจร้ายเกินไปแล้วนะ ซ..” ไม่สิ ฉันจะไม่เอ่ยชื่อเขาอีก ฉันต้องลบความรู้สึกทุกอย่างที่เคยมีกับเขาออกไปให้หมด
“อึก เธอมันอ่อนแอ แก้มใส แกมันโง่” ไม่รู้ฉันด่าทอตัวเองกี่ครั้งแล้วตั้งแต่กลับถึงห้องนอนตัวเอง ในห้องนอนนี้ยังคงมีกลิ่นอายของผู้ชายคนนั้นอยู่ ฉันจะลบมันออกไปได้ยังไง? ฉันจะทนเข้มแข็งเล่นเกมกับเขาได้นานแค่ไหน?
ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีเขาข้างกายได้หรือเปล่า?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว แต่ตอนนี้ร่างกายฉันบอกว่าไม่ไหวแล้ว รับรู้เรื่องโสมมพวกนี้ไม่ไหวแล้ว และก็ชัดดาวน์ตัวเองลงทันที
[Seoul’s part]
ตั้งแต่จบเรื่องวุ่นวายนั้น ผมก็นั่งกรอกเหล้าเข้าปากมาจะ 3 ขวดแล้วแต่ยังไม่รู้สึกเมาสักนิด “อึก อึกๆ ทำไมแม่งยังไม่เมาวะ” ผมบ่นๆ ให้ไอ้เหล้าบ้านี่
แม่งทำไมคลับผมเหล้าไม่มีดีกรีเลยวะ
“มึงจะแดกให้เมา หรือแดกให้ลืมความชั่วเมื่อกี้” เสียงไอ้ยูกิดังขึ้น ทำให้ผมเหล่หางตามองมัน ไม่รู้เป็นอะไร ยิ่งเห็นหน้า ยิ่งได้ยินเสียงมัน ผมยิ่งหงุดหงิด
“ทำหน้ายังกะอยากต่อยไอ้ยูกิงั้นล่ะ” เสียงเฮียไททันพูดแซะผม นี่ผมแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ที่เฮียไททันพูดมันแทงใจดำผมชะมัด ไม่รู้เป็นอะไร ตั้งแต่เรื่องรูป ผมก็ว้าวุ่นในใจ รู้สึกเคืองไอ้ยูกิมันหน่อยๆ แต่ก็เหมือนจะเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วนะ แล้วทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเคืองๆ มันอยู่วะ ไม่เข้าใจตัวเอง