ระหว่างเดินทางกลับที่พัก จอมใจได้แต่ลอบมองคนข้างกายไปพลางด้วยความสับสน จะไม่ให้เธอสับสนได้อย่างไรในเมื่อเธอจำได้ทุกอย่าง นับตั้งแต่วินาทีแรกที่จำความได้ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต โดยเฉพาะความทรงจำอันขมขื่นตอนที่ใช้ชีวิตเพื่อทดแทนบุญคุณของเขา ถูกตราหน้าว่าเป็นได้แค่เมียเก็บ ต้องเผชิญหน้ากับความร้ายกาจของเพลงพิณ แต่เธอก็ทนจนในที่สุดเขาก็ทอดทิ้งเธอ
การที่เธอย้อนเวลากลับมา... มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป ย้อนเวลาเนี่ยนะ ถ้าบอกว่าเธอมองเห็นอนาคตจะยังน่าเชื่อมากกว่าอีก แม้ว่าอนาคตที่เห็นจะผิดเพี้ยนไปจากตอนนี้มากก็ตาม
เหนือสมุทรกุมมือของจอมใจเอาไว้ตลอดทางเพราะกลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ภาพหลอน กระทั่งสัมผัสได้ถึงสายตาจากหญิงสาว จึงหันกลับไปมองและถามด้วยความสงสัย
“มีอะไร...อยากได้อะไรหรือเปล่า”
น้ำเสียงเรียบนิ่งของเหนือสมุทรทำให้จอมใจส่ายหน้าทันที ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มอย่างหวาดระแวง เพราะมันคือการกระทำที่ไม่มีในความทรงจำ ความจริงมันแปลกตั้งแต่ตอนที่เขาอุ้มเธอขึ้นรถส่วนตัวแล้ว อีกทั้งยังถามไถ่ราวกับเป็นห่วงอีกต่างหาก
“มะ ไม่มีค่ะ...” หญิงสาวตอบเสียงเบา หัวใจเต้นอย่างประหม่า
เหนือสมุทรมองหญิงสาวด้วยสายตากังวล
“หรือว่าในรถหนาวเกินไป วิเชียรเบาแอร์ลงอีกหน่อย” เขาสั่งคนขับรถเสียงเข้ม
“ครับท่านประธาน”
จอมใจมองการกระทำของเขาอย่างประหลาดใจ เพราะสิ่งนี้ก็ไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะสนใจสุขภาพของเธอ แต่วันนี้กลับเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะหนาวเนี่ยนะ
เหนือสมุทรขมวดคิ้วเคร่งเครียดหลังเห็นว่าสายตาของหญิงสาวดูไม่ไว้ใจ ได้แต่คิดว่าเขาทำอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า ถึงทำให้เธอหวาดระแวงขนาดนี้ เหมือนกับสัตว์ตัวเล็กที่ถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน จึงไม่เชื่อใจมนุษย์ แต่เขาไม่เคยเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กขี้ระแวงเสียด้วย แล้วจะต้องทำเช่นไร
ทว่าหลังสบมองอีกฝ่ายเห็นแววตาหวาดกลัวก็เอ็นดู เผลอยื่นมือเข้าไปใกล้ตามใจตัวเอง
“เธอ...”
จอมใจเห็นฝ่ามือหนายื่นเข้ามาใกล้ก็หลับตาหดคอด้วยความระแวง เวลานี้เธอรู้สึกกลัวไปเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งคนที่เคยหลงรักอย่างเหนือสมุทร
เหนือสมุทรเห็นท่าทางหวาดกลัวของจอมใจก็ชะงัก ชักมือกลับทันที
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไร” เสียงทุ้มเอ่ย
จอมใจได้ยินเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตา เมื่อเห็นว่าเขากลับไปนั่งที่เดิมโดยเว้นระยะห่างก็โล่งใจ ภายในรถกลับสู่ความเงียบอีกครั้งท่ามกลางความสงสัยของชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านหน้า เพราะพวกเขาก็ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายแสดงท่าทางสนใจหญิงสาวคนใดเกินพอดีเช่นนี้
รถหรูจอดลงตรงหน้าโรงแรมที่พัก เหนือสมุทรเดินลงมาก่อน จากนั้นค่อยยื่นมือให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านใน
“ลงมาสิ”
“เอ่อ...” จอมใจมองมือใหญ่ที่ยื่นมาด้วยความลำบากใจ เพราะตอนนี้เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าที่มีแค่เสื้อสูทของเขาคลุมท่อนบนเท่านั้น หากเดินลงไปต้องถูกตำรวจจับข้อหาอนาจารในที่สาธารณะแน่
เหนือสมุทรเห็นสีหน้าวิตกกังวลของหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ จึงปิดประตูแล้วหันไปสั่งอนุวิตรเสียงเรียบ
“ไปเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมา”
อนุวิตรพยักหน้ารับคำสั่งทันที
“ครับท่านประธาน”
อนุวิตรวิ่งเข้าไปในโรงแรม ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมเสื้อคลุมอาบน้ำสำหรับผู้หญิง เหนือสมุทรหยิบมาถือไว้แล้วเปิดประตูเพียงเล็กน้อยก่อนจะยื่นเสื้อคลุมอาบน้ำให้คนที่อยู่ด้านใน
“สวมซะ” เขาเอ่ยกับหญิงสาว
จอมใจรับมาถือไว้ด้วยความสับสน แต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เขาใส่ใจ
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานตอบกลับพร้อมปิดประตู
มุมปากที่คว่ำอยู่ตลอดเวลาของเหนือสมุทรยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เหล่าบริวารรอบข้างต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า พลางคิดว่าหญิงสาวคนนี้ต้องจะเป็นคนสำคัญของเจ้านายอย่างแน่นอน
แล้วเพลงพิณที่เป็นคู่หมั้นกับหญิงสาวคนอื่นเล่า จะเป็นอย่างไร
จอมใจสวมชุดคลุมอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ถึงจะดูเรียบร้อยกว่าตอนแรกก็ยังรู้สึกว่ามันน่าอายอยู่ดี แต่ก็ดีกว่าในอดีตที่เธอแทบจะเปลือยกายเดินตามเขาไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเท่านั้น
ก๊อก ๆ ๆ
จอมใจเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจก ภายใต้ฟิล์มสีดำกลับมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
เขาเคยมีสีหน้าแบบนั้นด้วยเหรอ
เธอไม่เคยเห็นสีหน้าที่ดูว้าวุ่นใจแบบนั้นของเขามาก่อน ไม่เคยเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่อยู่บนเตียงเขาก็แทบไม่เคยแสดงความพอใจออกมาเลย จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังเบื่อหน่ายเธอ ทว่าตอนนี้เขาแตกต่าง บางครั้งก็แสดงสีหน้าออกมา ราวกับคนละคน
“เสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม
ร่างอรชรก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า จำได้ว่าหลังจากนี้จะมีข่าวออกมาว่าเหนือสมุทรพาผู้หญิงเข้าโรงแรม ทำให้เกิดปัญหากับเพลงพิณ แค่คิดถึงเพลงพิณก็รู้สึกขยาดเหลือเกิน ผู้หญิงคนนั้นถือตัวว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูงและเป็นคู่หมั้นของเหนือสมุทร จะทำอะไรกับเธอก็ได้ เพราะเธอเป็นแค่เมียเก็บของเขาเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด คือเหนือสมุทรไม่เคยยื่นมือเข้ามาปกป้องเธอสักครั้งเลยต่างหาก
เหนือสมุทรมองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกประหม่า ก่อนที่หญิงสาวจะกรีดร้องเบา ๆ ด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็เข้ามาใกล้และช้อนร่างของเธอขึ้น
“คะ คุณ...” จอมใจพยายามขืนตัวเว้นระยะห่าง แต่เหนือสมุทรกลับกระชับอ้อมแขนเอาไว้ราวกับกำลังแกล้งเธอ
“อยู่นิ่ง ๆ” เขาปรามเสียงดุ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กฟังคำสั่งแต่โดยดีก็เผลอยิ้มอย่างเอ็นดู
ยิ้มอีกแล้ว
จอมใจมองด้วยความสับสน ยอมปล่อยให้เหนือสมุทรอุ้มไปแต่โดยดี ทว่าระหว่างทางกลับมีคนมากมายมองมาด้วยความสนใจ หญิงสาวไม่สามารถเผชิญหน้ากับความอับอายได้ไหว จึงจำใจต้องซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างของเขาเพื่อซ่อนตัวจากสายตาสอดรู้สอดเห็นเหล่านั้น
ทั้งสองขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ยี่สิบสี่ ชั้นที่เต็มไปด้วยความทรงจำของพวกเขาทั้งคู่
จอมใจมองเพนเฮาส์ในความทรงจำด้วยความขมขื่น หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรงขังขนาดใหญ่อีกครั้ง แค่คิดถึงเรื่องราวในอดีตก็ทำให้เธอเจ็บปวดทั้งใจจนแทบทนไม่ไหว พลางคิดว่าหากเธอไม่มีความทรงจำเหล่านั้น คงหลงรักเหนือสมุทรอีกครั้งเป็นแน่ แต่บาดแผลในใจของเธอมันลึกเกินกว่าจะหลงลืม ความรู้สึกที่แตกสลายไปแล้วก็ยากจะนำมันกลับคืนมาด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เหนือสมุทรกลับมองภาพตรงหน้าด้วยความโหยหาและอาวรณ์ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับโอกาสในการแก้ตัวอีกครั้ง ทั้งที่สิ่งที่เขากระทำต่อจอมใจนั้นมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย เขารู้ตัวว่าเขามันทั้งชั่วช้าสารเลวและเห็นแก่ตัว เขาใช้จอมใจเป็นที่ระบายความใคร่แต่ก็ละเลยปัญหาของหญิงสาวทุกครั้ง เขารู้ว่าเพลงพิณกลั่นแกล้งจอมใจ แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น เพราะถึงอย่างไรเพลงพิณก็เป็นคนที่เขาจะแต่งงานด้วย เขารู้ว่าจอมใจเจ็บปวดแต่ก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อมัน แต่จอมใจกลับไม่เคยต่อว่าเขาเลยสักครั้ง แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เขาไล่เธอออกไปจากโรงแรม