สองวันต่อมา....
ชายหนุ่มนิรนามเริ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความว่างเปล่า ช่อเอื้องรีบไปเรียกพ่ออุ๊ยคำปันมาดูอาการทันที แต่ชายหนุ่มนิรนามคนนั้นกลับคว้ามือหญิงสาวไว้แน่น
“ผม...หิว...น้ำ” เสียงชายนิรนามแหบพร่าเหลือเกิน หญิงสาวรีบแกะมือของเขาออก เพราะกลัวว่าใครจะมาเห็น ที่นี่นั้นเคร่งครัดเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงเป็นอย่างมาก
“ปล่อยมือฉันก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปตักน้ำให้” ช่อเอื้องรีบออกไปตักน้ำด้วยความเขินอาย เพราะตั้งแต่โตเป็นสาวเต็มตัว หญิงสาวก็ไม่เคยใกล้ชิดชายใดเลย เขาคนนี้คือคนแรกที่หญิงสาวได้ใกล้ชิด แตกต่างกันแต่ว่าเมื่อก่อนเขายังไม่ได้สติ หญิงสาวจึงไม่รู้สึกเขินอายนัก แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้ได้สติแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้ชายหนุ่มดังเช่นเมื่อก่อน
หลังจากที่แกะมือของชายหนุ่มออกเรียบร้อยแล้ว ช่อเอื้องจึงรีบวิ่งไปตักน้ำที่โอ่งดินหน้าบ้านมาให้ชายหนุ่มดื่มทันที ชายนิรนามรับขันน้ำไปดื่มด้วยความกระหาย ก่อนที่แม่สาวน้อยช่อเอื้องจะรีบวิ่งออกไปตามพ่ออุ๊ยคำปันมาดูแลอาการของชายหนุ่ม เพียงไม่นานพ่ออุ๊ยคำปันก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะนั่งลงข้างชายหนุ่ม
“ไอ้หนุ่มเอ็งเป็นไงบ้าง” พ่ออุ๊ยคำปันถามพลางตรวจดูอาการของชายหนุ่มคล่าวๆ
“มึนหัวน่ะครับ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนเหรอครับ” ชายหนุ่มนิรนามเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ในความทรงจำของเขากลับไม่มีเรื่องอะไรผุดขึ้นมาเลย
“เผ่ามาซา ว่าแต่เอ็งชื่ออะไรหรือพ่อหนุ่ม” พ่ออุ๊ยคำปันถามขึ้นหลังจากที่นึกได้ว่าเขายังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพ่อหนุ่มคนนี้เลย
“ผมไม่รู้” ชายหนุ่มนิรานามเอ่ยด้วยความเวียนหัว ตอนนี้เขาพยายามจะคิดว่าเขาชื่ออะไร แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างในความทรงจำของเขาว่างเปล่าไปหมด
“นี่เอ็งหมายความว่าเอ็งความจำเสื่อมหรือไง” พ่ออุ๊ยคำปันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
“พ่ออุ๊ยนี่เขาความจำเสื่อมจริงๆเหรอจ๊ะ” ช่อเอื้องก็ตกใจไม่ต่างกัน แล้วนี้เธอจะพาเขากลับบ้านได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร
“ดูจากสภาพของไอ้หนุ่มคนนี้แล้ว พ่ออุ๊ยคิดว่าน่าจะจริง แววตามันเลื่อนลอยแบบนี้” พ่ออุ๊ยคำปันกล่าวกับหลานสาวคนเดียวด้วยอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะหันหน้ามาหาชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ “เวรกรรมอะไรของเอ็งน้อไอ้หนุ่ม”
“ผมเป็นใคร พวกคุณบอกผมทีได้มั้ย” ชายหนุ่มกุมศีรษะด้วยความปวดหัว เขาพยายามนึกถึงความทรงจำของเขา แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยิ่งนึกมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสมเพชตัวเอง เมื่อช่อเอื้องเห็นดังนั้น หญิงสาวรีบจับมือของชายหนุ่มออกจากศีรษะ แล้วกุมมือเขาไว้ก่อนที่เธอจะปลอบโยนเขาอย่างใจเย็น
“คุณใจเย็นๆก่อนนะ ค่อยๆนึก อย่าเพิ่งกดดันตัวเอง” ช่อเอื้องยังคงกุมมือชายหนุ่มแน่น ซึ่งมันทำให้เขาสงบลงมาได้บ้าง เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาพ่ออุ๊ยคำปัน ท่านปล่อยให้หลานสาวคนสวยของท่านจัดการกับพ่อหนุ่มนิรนามคนนี้ ก่อนจะเดินออกไปด้วยความเครียด