สองมือหนากอบกุมหน้าอกคัปซีของหญิงสาวไว้แน่น ร่างบอบบางขยับเอวส่ายร่อนเพราะต้องการให้เขาเสร็จสม
“ลิตาใจเย็น ๆ อ๊า! ช้าอีกนิด อ๊า! ลิตาผมไม่ไหวแล้ว” เสียงร้องของเขายิ่งสร้างความพอใจให้เธอ ใบหน้าหวานยิ้มร้ายอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนที่จะยกสะโพกขึ้นสูงจนตัวตนเขาแทบหลุดจากร่องรักของเธอ จากนั้นก็กระแทกลงมาจนสุดลำ การตอดรัดกับจังหวะรักที่คุ้นเคยและถวิลหา ทำให้เขาและเธอแทบจะถึงทางออกแห่งฝันในทันที
“ไม่ไหว” เสียงคำรามต่ำและการกระตุกเกร็งของเขาสร้างความพอใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก
เพียงไม่นานเขาก็ฉีดพ่นทุกหยาดหยดเข้าสู่เครื่องป้องกัน นอนหอบหายใจเพราะอารมณ์ถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง หัวใจเต้นรัวเร็ว เลือดในกายสูบฉีดแรงไปทั่วร่าง
“คราวนี้ห้านาทีค่ะพี่คีย์” ลลิตากล่าวล้อเลียน เธอลุกจากกายเขา ดึงกระดาษทิชชูออกมารองรับน้ำรักในเครื่องป้องกัน ตรวจเช็กเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาด
“ลิตา เธอมันแม่มด”
“ก็พี่คีย์อ่อนเอง อีกน้ำไหมคะ”
“ไม่ต้องเลย” ภาคีเดินหัวเสียเข้าห้องน้ำไป เรียกเสียงหัวเราะสดใสจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง เป็นอย่างนี้ตลอดสินะ ลลิตาคิดไปถึงตอนนั้น เมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรก
ย้อนไปเมื่อสิบสองปีที่แล้ว
ลลิตาเดินเข้ามาอย่างเกร็ง ๆ เมื่อเจอรุ่นพี่ปีสี่ พวกเขากำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ถ้าฟังไม่ผิด เหมือนจะคุยถึงสถานที่เที่ยวสักแห่ง ผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือปู่เทก[1]ของเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าคนไหน
‘สวัสดีค่ะ’ เสียงหวานของลลิตาเรียกคนทั้งสามให้หันหน้ามามองเธอ
‘ว่าไงครับ’ พี่ผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดนักศึกษา หน้าตาและทรงผมของเขาดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า หน้าตาออกไปทางลูกครึ่ง ส่วนอีกสองคนที่นั่งข้างกัน คนหนึ่งหน้าตาดุ ๆ แต่หล่อเหลาจนทำให้ใจเธอเต้นแรง ขณะที่อีกคนหน้าตาน่ารัก นั่นคงเพราะรูปร่างอวบ ๆ ของเขา
‘เอ่อ หนูมาหาปู่เทกค่ะ คำใบ้บอกว่า ‘สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมี’ หนูถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ บอกว่าน่าจะเป็นพี่คีย์หรือภาคี ไม่ทราบว่าพี่คนไหนชื่อภาคีคะ’ลลิตาอธิบายยืดยาว รอยยิ้มมุมปากของเธอเผลอกระตุกนิดหน่อย หวังว่ารุ่นพี่คงไม่สังเกตเห็น
‘แล้วน้องคิดว่าคนไหน ลองทายดูสิครับ ถ้าไม่ถูก ต้องร้องเพลงไก่ย่างแล้วเต้นให้พวกพี่ดูด้วยนะ’ คนแต่งตัวเนี้ยบที่สุดคนเดิมพูดขึ้นพร้อมทั้งยักคิ้วอย่างยียวน คนแต่งตัวเนี้ยบทั้งตัวก็อาจไม่ใช่คนดีมีน้ำใจ ลลิตาคิดในใจได้เท่านั้น ก่อนจะชี้ไปที่คนหน้าดุ ๆ
‘คนนี้ค่ะ’
‘อ้าว เชี่ย! รู้อยู่แล้วรึเปล่าเนี่ย’ ชายหนุ่มคนเดิมโวยวาย
‘ไม่รู้ค่ะ พี่ ๆ เขาแค่บอกว่านั่งโต๊ะนี้’ ลลิตากะพริบตาปริบ ๆ และตอบตามความจริง
‘ไม่รู้แล้วทายถูกได้ยังไง’ คราวนี้ชายหนุ่มร่างอวบถามขึ้น
‘พี่ ๆ เขาบอกว่า พี่คีย์ที่หล่อ ๆ หน้าดุ ๆ พี่คนนี้หล่อสุด หน้าดุด้วย’คนหล่อหน้าดุถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ยังดีมีคำว่าหล่อ ๆ อยู่ ทำให้เขาพอใจระดับหนึ่ง
‘พี่คีย์ หนูชื่อลลิตา หรือลิตานะคะ เป็นหลานเทกคุณปู่ค่ะ’
‘แค็ก ๆ’ ภาคีถึงกับสำลัก นี่เธอไม่ได้ล้อเลียนเขาเรื่องอายุใช่ไหม เพราะเขาเรียนช้ากว่าเพื่อน ๆ ถึงสองปี ก็ไม่แปลกที่แต่ละคนจะเกรงใจเขาเพราะอายุที่มากกว่า แต่ก็ใช่ว่าคนจะรู้กันเยอะ มีเพียงไม่กี่คนที่สนิทกันเท่านั้นถึงจะรู้เรื่องอายุของเขา
‘อะไร!’ เสียงห้วนถามขึ้นเมื่อรุ่นน้องตรงหน้ายื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เขา
‘อ้าว ก็เบอร์โทรพี่ไงคะ’ ลลิตาตอบเสียงเรียบ
‘เอาไปทำไม’ ภาคีถามเสียงเข้ม สาว ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอยากได้เบอร์เขาแค่ไหน แต่เขาไม่เคยให้ แล้วยายนมโตนี่เป็นใคร มาถึงก็มาขอเบอร์
‘แล้วถ้าพี่ไม่ให้เบอร์ลิตา เวลาพี่นัดเลี้ยงข้าวจะติดต่อลิตายังไงคะ’ลลิตาเอ่ยถาม น้ำเสียงเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอเองก็ใช่ว่าจะให้เบอร์ใครง่าย ๆ มีหนุ่ม ๆ ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันทั้งรุ่นพี่มาขอเบอร์ไม่เว้นแต่ละวัน เธอเคยให้เบอร์โทรใครบ้าง
‘เออ ๆ ให้น้องมันไปเหอะไอ้คีย์ เอามานี่ เดี๋ยวพี่กดให้ พี่ชื่อพลนะ’ทรงพลเห็นเพื่อนเล่นตัวก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาจึงยื่นมือขอโทรศัพท์มือถือของรุ่นน้องตรงหน้า
‘ไม่ต้องเลย’ เสียงร้องห้ามของภาคีดังขึ้น เขาดึงโทรศัพท์มือถือของเธอมากดเสียเอง เพียงไม่นานโทรศัพท์ของภาคีก็สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง
‘ถ้าคุณปู่จะนัดหนูไปกินข้าวก็โทรมานะคะ’ ลลิตาส่งยิ้มหวานพร้อมทั้งไหว้ลาอย่างสวยงาม
หลังจากหลานเทกคนสวยเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อนรักทั้งสองคนก็หันมาจ้องหน้าภาคี
‘ว่ายังไงครับท่านคีย์’ ทรงพลเอ่ยถาม
‘จะว่าอะไร’ ภาคียักไหล่อย่างไม่สนใจ ‘หลาน’ เขาพิมพ์ชื่อของเบอร์โทรศัพท์ที่ตัวเองยิงเข้ามาเองกับมือ แต่เมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์นั้นก็ใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
‘สวยขนาดนั้น กูอยากเป็นไอ้คีย์แล้วว่ะ’ วสันต์พูดขึ้นพร้อมทั้งกระเซ้าคนหล่อหน้าดุ
‘คีย์ ถ้ามึงไม่สน กูจีบนะ’ ทรงพลพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่คนหน้าดุจะทำท่าถีบเพื่อนตัวดีขี้หลีของเขา
‘เฮ้ย! พูดเล่นโว้ย ไอ้นี่ทำเป็นหวง แม่งจะเก็บไว้กินเองละสิ’ ทรงพลรีบแก้ตัวก่อนจะโดนถีบ แต่ก็ไม่วายเหน็บแนมเพื่อน
“ลิตา” เสียงเรียกจากห้องน้ำทำให้ลลิตากลับมาอยู่ในปัจจุบัน ครั้งนั้นเองที่ทำให้เธอกับเขาเจอกันเป็นครั้งแรก
[1] มาจากคำว่า เทกแคร์