บทที่ 5 เจ้าสาวตัวแทน

1495 Words
เมื่อจดหมายตอบกลับจากสกุลเซียวถูกส่งออกไป เพียงแค่สามวันขบวนสินสอดจากพรรคมารบูรพาก็มาถึงหน้าประตูจวน ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง แพรพรรณ เครื่องประดับหยก ชั้นเลิศ หรือแม้แต่สมุนไพรปรุงยาหายาก ราวกับรู้ว่าข้าวของเหล่านี้จะมาไม่ถึงเจ้าสาว จึงมีอีกหีบห่อที่จ่าหน้าถึงเซียวเสวี่ยไป๋เท่านั้น และต้องนำมันกลับมายังพรรคมารบูรพา เพื่อมอบให้แก่เจ้าบ่าวด้วยตนเอง “ข้าน้อยอาจิน” “ข้าน้อยอาหลี” “ท่านประมุขส่งข้าน้อยทั้งสองมารับใช้นายหญิงเจ้าค่ะ” ข้ามองสตรีสองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ร้อยปีไม่เคยมีบ่าวรับใช้เฉียดเข้าใกล้ ทว่าฝ่ายเจ้าบ่าวกลับส่งมาให้ถึงสองราวกับรู้ล่วงหน้ามาก่อน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีอีกด้วย ผิดกับภาพลักษณ์ศิษย์พรรคมารบูรพาอย่างสิ้นเชิง “ยินดีที่ได้... รู้จัก...” แต่ทว่าทันทีที่ข้าตอบรับ พวกนางก็รีบยกหีบสมบัติขนาดใหญ่ แล้วเดินเข้ามาในเรือนทันที ด้วยพละกำลังที่แตกต่างจากภาพลักษณ์อ้อนแอ้น ทำให้บ่าวรับใช้ที่ทำความสะอาดสวนอยู่ไม่ไกลนักถึงกับตะลึงงัน ไม่ใช่แค่เขาหรอก ข้าเองก็ด้วย... จะมองแค่รูปลักษณ์อย่างเดียวคงไม่ได้จริงๆ “นายหญิงเจ้าคะ ท่านประมุขได้มอบของขวัญแก่ท่านด้วยนะเจ้าคะ ท่านลองเปิดดูก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” อาหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “นี่! สำรวมหน่อย!” ทำเอาอาจินที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับสะกิดแล้วมองข้าด้วยสายตาหวาดเกรง อาหลีถูกดุจึงชักสีหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยอมสงบตามคำสั่งของอาจินแต่โดยดี “ก็ข้าอยากให้นายหญิงดีใจนี่นา ท่านประมุขถึงขั้นกำชับ... อุ๊บ!” อาจินรีบปิดปากอาหลีราวกับกำลังปกปิดบางอย่าง ซึ่งข้าเองก็ฟังไม่ทันเพราะสำเนียงของคนฝั่งตะวันออก จับใจความได้เพียงแค่อยากให้ข้าดีใจ ข้าจึงตอบกลับไปเช่นนั้น “ข้าดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับของขวัญต้อนรับเช่นนี้” อาหลีแกะมือของอาจินออกจากปาก แล้วโพล่งออกมา “เช่นนั้นนายหญิงลองเปิดดูก่อนดีไหมเจ้าคะ” “ข้าหรือ” ข้าชี้ตัวเอง “เจ้าค่ะ” ข้าก้มมองหีบสมบัติตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะทั้งชีวิตนี้ไม่เคยได้รับของขวัญเลยสักครั้งเดียว ข้าเปิดฝาหีบขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือชุดเจ้าสาวสีแดงปักลายโบตั๋นงดงาม ทว่าสิ่งที่สะดุดตาข้ามากกว่าคือกล่องไม้ที่วางอยู่บนชุด เมื่อข้าหยิบขึ้นมาแล้วเปิดออก สิ่งที่เห็นกลับทำให้หัวใจของข้าพองโตด้วยความตื้นตัน ปิ่นกิ่งทับทิม เป็นการบอกว่าข้าได้รับการต้อนรับจากบ้านของเจ้าบ่าว และนอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงถุงหอมที่ปักลายดอกไม้มาอย่างประณีต ข้าหยิบปิ่นกิ่งทับทิมขึ้นมามองพลางคิดว่าปิ่นนี้หากแม่เล็กของข้ายังอยู่ นางจะต้องปักให้ข้าพร้อมคำอวยพรเป็นแน่ หากทว่าเวลานี้ข้าตัวคนเดียว ใครเล่าจะเป็นคนปักมัน หากไม่ใช่ตัวข้าเอง “ข้าชอบมัน” “นายหญิงชอบปิ่นกิ่งทับทิมนี้หรือเจ้าคะ” อาหลีถามพร้อมมองเครื่องประดับในมือข้าด้วยความสนใจ จากนั้นหันไปเอ่ยกับอาจินที่ยืนอยู่ข้างๆ “ต้องบอกนายท่านแล้วว่านายหญิงชอบเครื่องประดับ” อาจินพยักหน้าราวกับเห็นด้วย ก่อนหันมามองข้าแล้วส่งยิ้มให้ “นายหญิง วันนี้ท่านควรพักผ่อนให้มากก่อนวันเดินทางนะเจ้าคะ เพราะกว่าจะเดินทางไปถึงเขตแดนบูรพานั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่าเจ็ดวัน เกรงว่าท่านอาจจะล้มป่วยกลางทางได้ หากเป็นเช่นนั้นท่านประมุขจะต้องลงโทษพวกข้าเป็นแน่” ข้าเผลอเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ได้ยินมาว่าตงฟางอวิ๋นเซียวรักคนในปกครองมาก เหตุใดจะต้องถึงขั้นลงโทษกันเพียงเพราะข้าป่วยกลางทางด้วยเล่า แต่ในบทบรรยายก็ได้กล่าวถึงการลงโทษของพรรคมารบูรพาอยู่หลายครั้ง ว่าด้วยเรื่องของศิษย์ที่ทำผิดกฎอย่างร้ายแรง บ้างถูกขังในคุกใต้ดิน บ้างถูกทรมานจนพิการ หรือไม่ก็ถูกสังหารจนตาย แต่คนที่ตายส่วนใหญ่ก็มักเป็นพวกกบฏทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ข้าเองก็ไม่ควรปฏิเสธความหวังดีจากนาง “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล” ข้ากล่าว จากนั้นค่อยๆ เดินกลับเข้าไปในเรือน เรือนหลังใหม่ที่ท่านพ่อมอบให้ข้า แม้จะได้ใช้เวลาเพียงแค่สองวันกว่าๆ ก็ตาม ทั้งสองเดินตามข้าเข้ามาในเรือน พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสงสัย พวกนางคงคิดว่าเหตุใดเรือนหลังใหญ่ที่ดูสะอาดตาเช่นนี้ กลับไร้ข้าวของเครื่องใช้อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งข้าคิดว่าพวกนางคงรู้อยู่แล้วว่าข้าอยู่ในฐานะใดของจวนคหบดีสกุลเซียวแห่งนี้ แต่พวกนางก็ไม่ได้เอ่ยถามให้ข้าลำบากใจ และทำเพียงแค่เข้ามาส่งข้าเข้านอนเท่านั้น “พักผ่อนนะเจ้าคะนายหญิง” “พวกข้าจะเฝ้าระวังเองเจ้าค่ะ” เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกถึงความจริงใจ ความอบอุ่นที่ข้าโหยหามาทั้งชีวิต แท้จริงกลับได้รับจากคนนอก ช่างสิ้นหวังเสียจริง “พวกเจ้าเดินทางมาไกล อย่าลืมพักผ่อนด้วยเช่นกัน” ข้าตอบกลับ ทั้งอาจินและอาหลีต่างส่งยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ข้า “เจ้าค่ะนายหญิง” ข้าค่อยๆ หลับตาลงอย่างสบายใจ ทั้งที่ข้าถูกส่งไปในฐานะตัวแทน แต่พวกเขากลับห่วงใยข้ายิ่งกว่าครอบครัวที่ผลักไสข้าเสียอีก ทว่าความห่วงใยเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวข้าที่ได้รับมัน ยังมีเจ้าสาวก่อนหน้านี้อีกหลายคนที่ได้รับ แต่ต้องพบกับจุดจบอันน่าเวทนา ทว่าตัวข้าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอย่างเด็ดขาด เพราะข้าได้สัญญากับเขาเอาไว้แล้วว่าจะช่วยให้หลุดพ้นจากคำสาปพันปีนั้นเอง แม้จะเป็นเพียงแค่บุคคลในห้วงฝันของข้าก็ตามที หากพรรคมารบูรพาไม่ได้เผื่อเวลาให้สกุลเซียวได้เตรียมใจเท่าใดนัก โดยพวกเขาให้เวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้นในการจัดเตรียมขบวนเกี้ยวเจ้าสาว เนื่องจากเป็นงานที่เกี่ยวพวงถึงหน้าตาของสกุลเซียว จึงไม่สามารถจัดการอย่างขอไปทีได้ แม้แต่แม่ใหญ่ยังต้องคอยกำกับดูแลด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เสียเกียรติสกุลเซียว ส่วนท่านพ่อก็ได้จัดเตรียมสินเดิมเจ้าสาวให้ข้าอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน หากแต่เป็นนัยว่าหนี้บุญคุณครั้งนี้จบลงตั้งแต่วันที่ข้าถูกส่งออกจากจวนสกุลเซียว เมื่อถึงวันนัดหมาย ข้าถูกอาหลีและอาจินจับแต่งกายสวมอาภรณ์เจ้าสาวตั้งแต่ฟ้าสาง ก่อนทำพิธีคำนับบิดามารดาท่ามกลางความเงียบแสนน่าอึดอัด แต่กระนั้นก่อนจะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว พี่รองกับน้องสิบเอ็ดก็รีบเดินเข้ามาส่งข้าด้วยสีหน้าอาวรณ์ พี่รองจับมือของข้าขึ้นมากุมเอาไว้ ข้าสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มีขนาดเล็กคล้ายมีดพก จึงเผลอมองด้วยความตกใจ “น้องเจ็ด เจ้าต้องจากบ้านไปอยู่ต่างถิ่นอาจไม่คุ้นชิน นี่คือของขวัญของข้า ให้เจ้าได้ปกป้องตัวเอง หากไม่ต้องการแล้ว ให้นำกลับมาในวันเยี่ยมบ้านภรรยา เจ้าต้องมอบมันให้ข้าด้วยมือของเจ้าเอง” ความหมายของพี่รองก็คือ ขอให้ข้ามีชีวิตรอดกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าพยักหน้าเก็บมันไว้ในแขนเสื้อ “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะกลับมาอีกครั้ง ข้าสัญญา” “พี่เจ็ด ข้ามีของขวัญให้มอบให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ ระหว่างทางหากท่านรู้สึกหิว ให้เปิดกล่องนี้นะเจ้าคะ!” ข้ามองเจ้าเด็กน้อยที่ตาแดงปูดด้วยความเอ็นดู จากนั้นรับกล่องขนมมาถือไว้ แค่สัมผัสกลิ่นก็รู้แล้วว่าเป็นขนมถั่วกวน ข้ายกมือลูบศีรษะน้อยเบาๆ “ขอบใจเจ้ามาก” ข้าเงยหน้ามองอนุเหลียนมารดาของน้องสิบเอ็ด แล้วโค้งคำนับให้อย่างขอบคุณ แม้ว่าจะเป็นอนุที่ไม่ข้องแวะกับผู้ใด แต่นางก็ไม่เคยสอนให้น้องสิบเอ็ดรังแกข้า ความดีนี้ข้าจะจดจำเอาไว้ไม่มีวันลืม “นายหญิง ถึงเวลาขึ้นเกี้ยวแล้วเจ้าค่ะ” อาหลีเข้ามาเตือนข้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ข้าพยักหน้า จากนั้นก้มคำนับทุกคนที่ยืนรอส่งข้าเป็นครั้งสุดท้าย “เสวี่ยไป๋ขอลา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD