“อะไรนะ ถ้าห้าเซ็ท! และถ่ายทั้งวันเลยหรือ”
นักรบตะโกนถามเสียงดังหลังจากได้ยินคำพูดของพอลลี่ ทำเอาพันธิสาและทุกคนต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินเข้าสตูถ่ายภาพ
“ค่ะ...ใช่ค่ะ ใบเฟิร์นลิสต์รายการไว้แล้วว่าเราจะถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งหมดห้าเซ็ท และออกไปถ่ายนอกสถานที่ในช่วงบ่ายด้วยค่ะ”
พันธิสาเอ่ยตอบคู่หมั้นหนุ่ม และก็ต้องหน้าถอดสีกับคำพูดห้วนๆ จากนักรบ
“ถ่ายแค่สามเซ็ทก็พอ และไม่ออกไปถ่ายนอกสตูดิโอ ผมร้อน และตอนบ่ายผมมีนัดกับมิสเตอร์ลูคัส ผมต้องเทคแคร์เขาตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ภูเก็ต ถ้าหากผมทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะยกเลิกสัญญาธุรกิจที่ทำกับผม นั่นจะทำให้ผมเสียหายในหลักสิบล้าน คุณเข้าใจผมไหมใบเฟิร์น”
ใบหน้าที่ตกแต่งอย่างสวยหวาน ซีดเผือดหนักกว่าเดิมกับคำตะคอกถามเสียงห้วนของคู่หมั้นหนุ่ม และก็รีบพยักหน้ารับคำเพราะเกรงว่าคู่หมั้นจะโกรธไปมากกว่านี้
“ค่ะๆ ถ่ายแค่สามเซ็ทก็ได้ค่ะ ถ้ายังงั้นเรารีบถ่ายรูปกันเถอะค่ะ ใบเฟิร์นไม่อยากให้มิสเตอร์ลูคัสต้องรอนาน ไม่อยากให้คุณรบต้องเสียงานเพราะใบเฟิร์น”
“ดีครับ ถ่ายแค่สามเซ็ท สิบยี่สิบรูปก็พอแล้ว”
น้ำเสียงของนักรบอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากคู่หมั้นสาวยอมทำตามคำพูดของเขา จากนั้นก็เดินเข้าห้องถ่ายภาพโดยไม่คิดรอว่าที่เจ้าสาวเลย
พันธิสายิ้มเจื่อนๆ ให้กับพอลลี่ที่เข้ามาช่วยจับปลายกระโปรงชุดแต่งงานสีขาว ซึ่งหน้าที่นี้ควรเป็นหน้าที่ของคู่หมั้น แต่อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในห้องถ่ายภาพแล้ว
การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแค่เพียงสามเซ็ทด้วยชุดแต่งงานแบบสากล ชุดไทย และปิดท้ายด้วยชุดลำลองแบบสบายๆ เสร็จสิ้นภายในสามชั่วโมง
เพราะแต่ละเซ็ทว่าที่เจ้าบ่าวได้กำกับให้ช่างถ่ายภาพ ถ่ายภาพแค่ไม่กี่ภาพเท่านั้น อีกทั้งเร่งเร้าให้ช่างภาพและทีมงานสตูดิโอถ่ายภาพให้เสร็จเร็วที่สุด
พอถ่ายภาพเซ็ทสุดท้ายเสร็จแล้ว ก็รีบเดินออกจากห้องถ่ายภาพพร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมากดรับสายเมื่อมีเสียงเรียกเข้า และก่อนจะกรอกเสียงทักทายกับต้นทางที่โทร.มา ก็ไม่ลืมหันมามองพันธิสา ก่อนจะเดินเร็วๆ ออกจากห้องถ่ายภาพเพื่อคุยโทรศัพท์
พันธิสามองตามคู่หมั้นซึ่งมีท่าทีแปลกๆ รีบกดรับสายที่โทร.เข้า แต่กลับไม่พูดกับคนที่โทร.มาในทันทีทันใดราวกับกลัวว่าเธอจะได้ยินคำสนทนา แล้วเดินเลี่ยงไปคุยซะไกล ก่อนจะเดินกลับมาหาเธอด้วยสีหน้าซีดเผือดแล้วเอ่ยบอกรัวเร็วว่า
“ผมต้องกลับก่อนนะครับ มิสเตอร์ลูคัสกำลังเดือดเป็นไฟ เพราะพนักงานของโรงแรมดันทำกาแฟหกใส่เสื้อสูทราคาแพงลิบของเขา ถ้าผมไม่รีบไปเคลียร์ พนักงานคนนั้นคงต้องชดใช้ค่าเสื้อสูทจนหลังหักแน่”
“ค่ะ คุณรบ คุณกลับไปดูแลมิสเตอร์ลูคัสเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่พอลลี่อัดภาพถ่ายเสร็จแล้ว
ใบเฟิร์นจะเอาไปให้ดูค่ะ”
“ครับ”
นักรบรับคำโดยไม่ได้มองใบหน้าของคู่หมั้นสาว เพราะเขาหมุนตัวเดินออกจากสตูดิโอในทันทีที่บอกเสร็จแล้ว แทบจะไม่ได้ยินประโยคท้ายของพันธิสาด้วยซ้ำไป
พันธิสามองตามคู่หมั้นด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจที่อีกฝ่ายเห็นลูกค้าสำคัญกว่าเธอ ซึ่งเป็นคู่หมั้นและจะเป็นคู่ชีวิตของเขาในอีกไม่กี่วันหน้านี้แล้ว
และคนที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นคือพอลลี่ที่เข้ามาแตะต้นแขนว่าที่เจ้าสาวแล้วเอ่ยถามว่า
“น้องใบเฟิร์นจะกลับเลยไหมคะ หรือว่าอยากคุยรายละเอียดจัดงานกับพี่พอลลี่ก่อน”
“ใบเฟิร์นกลับก่อนดีกว่าค่ะ ต้องไปเตรียมต้อนรับท่านชีคอัลมัสจากประเทศคาลาห์ ท่านชีคเหมาผับของใบเฟิร์นในคืนนี้ ใบเฟิร์นต้องไปกำชับดูแลเด็กๆ เตรียมการต้อนรับท่านชีคไม่ให้มีขาดตกบกพร่องค่ะ”
“ได้ค่ะ ถ้ายังงั้นเราค่อยคุยรายละเอียดจัดงานวันหลังก็ได้ค่ะ ยังพอมีเวลา หรือน้องใบเฟิร์นจะส่งรายละเอียดมาทางไลน์ก็ได้ว่าอยากได้ทีมแบบไหน สีไหน รายการอาหารมีอะไรบ้าง ขอแค่เพียงน้องใบเฟิร์นเอ่ย...พี่พอลลี่จะเนรมิตให้เองค่ะ”
“ค่ะพี่พอลลี่ เดี๋ยวใบเฟิร์นส่งรายละเอียดคร่าวๆ มาให้ในไลน์นะคะ”
พันธิสาเอ่ยบอกพร้อมกับฝืนยิ้มให้กับพอลลี่ด้วย จากนั้นก็ยกมือไหว้ล่ำลาอีกฝ่าย
“ใบเฟิร์นกลับก่อนนะคะ ขอบคุณพี่พอลลี่ที่สละเวลาทั้งวันเพื่อใบเฟิร์น”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อน้องใบเฟิร์น พี่พอลลี่ทำได้ทุกอย่างค่ะ”
พอลลี่แย้มยิ้มให้กับพันธิสา แน่นอนว่าเธอเต็มใจทำทุกอย่าง นั่นก็เพราะว่าพันธิสาเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก เป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีในจังหวัดภูเก็ตที่มีเงินถุงเงินถังใช้ทั้งชาติก็ไม่มีหมด ซึ่งการที่พันธิสาเลือกใช้บริการสตูดิโอของเธอแทบทำให้เธอร้องกรี๊ดสามวันไม่มีหยุด เพราะพันธิสาเซ็นเช็คจ่ายเงินให้เธอโดยไม่มีอิดออดแม้แต่นิดเดียว
ทางด้านของพันธิสา เดินออกจากสตูดิโอด้วยอาการระโหยโรยแรง น้อยใจคู่หมั้นหนุ่มจนแทบร้องไห้ออกมาให้ได้ และก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้จริงๆ เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านๆ มาของคู่หมั้นหนุ่มที่ไม่ค่อยสนใจเธอเท่าที่ควร
เมื่อกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาเอ่อคลอเบ้าจึงยกมือเช็ดดวงตาพยายามไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมา และด้วยเช็ดขยี้ดวงตาแรงเกินไปทำให้คอนแทคเลนส์สายตาสั้นที่สวมอยู่หลุดติดปลายนิ้ว จึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังสตูดิโอเพื่อเข้าห้องน้ำส่องกระจกใส่คอนแทคเลนส์ใหม่
และจังหวะที่เดินไปถึงหน้าห้องน้ำ เท้าเล็กในรองเท้าส้นสูงก็ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ดังมาจากห้องน้ำ
“ฉันละสงสารคุณใบเฟิร์นจริงๆ ที่คิดว่าคู่หมั้นตัวเองเป็นชายทั้งแท่ง”
“ใช่ ฉันก็สงสาร ใครๆ ก็รู้ว่าคุณนักรบเป็นอีแอบ...ชอบแอ๊บแมน แต่จริงๆ แล้วเป็นเกย์”
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อนะว่าเขาเป็นเกย์ แต่ฉันไปเจอเขาแบบจะๆ ในบาร์เกย์ และเขาก็หิ้วผู้ชายต่อหน้าต่อตาฉัน นี่ถ้าไม่เห็นกับตาฉันจะไม่เชื่อเลย”