บทนำ
ภายในห้องร้างที่มีแต่เพียงเสื่อเก่าๆ ปูทับบนกองฟางและผ้าห่มผืนบางเบาที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเศษผ้าขี้ริ้วจึงจะถูก ร่างของหญิงสาวหน้าตามอมแมม ถูกขังเอาไว้ภายในห้องดังกล่าวที่อยู่ท้ายจวน ไม่ให้เห็นแสงตะวันและจันทรา
ร่างของนางผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกได้ดื่มแต่น้ำฝนเท่านั้นเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดต่อไป แต่คนที่นำมาขังนั้นตั้งใจฆ่านางให้ตายทางอ้อมอย่างเงียบสนิทที่สุด
สายลมเย็นยะเยือกพาดผ่านเข้ามาตามช่องลมจนภายในห้องเหน็บหนาวไปถึงกระดูก ริมฝีปากทั้งล่างและบนแตกระแหงจนเลือดไหลแห้งกรังเกาะติดอยู่บนริมฝีปากงามของหญิงสาวไปเอง ถานเย่ย่าบุตรีคนโตของเสนาบดีถานอี้เฉิน ที่เกิดจากฉางฮูหยินหรือฉางอู๋ถง ภรรยาเอกที่สิ้นชีพลงทันทีที่ให้กำเนิดถานเย่ย่า และเพราะการเสียชีวิตของฮูหยินอันเป็นที่รักทำให้ถานอี้เฉินเสียใจต่อการจากไปของนางอย่างยิ่งยวด
ทันทีที่นางเกิดมาก็ทำให้คนเป็นแม่ต้องตาย ถานอี้เฉินจึงส่งตัวบุตรสาวให้ไปอยู่ที่อื่นโดยฝากน้องสาวภรรยาที่สามีเสียชีวิตไปเพราะถูกเกณฑ์ไปทำสงครามต่างแคว้นและนางก็เป็นหมันจึงทำให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
ด้วยเหตุนี้ถานอี้เฉินจึงส่งบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาที่เขารักนางเป็นที่สุด ซึ่งยังไม่อาจทำใจมองหน้าบุตรสาวที่เกิดมาได้ จึงส่งทารกน้อยมาให้ฮว่านฮูหยินน้องสาวภรรยาที่ไร้บุตรให้นางเลี้ยงและดูแลแทน
โดยถานอี้เฉินส่งแต่เงินมาให้กับฮว่านฮูหยินเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงเงินเท่านั้น แต่กลับไม่เคยมาเยี่ยมลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียวและภายหลังถานอี้เฉินได้แต่งงานใหม่กับบุตรสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงจากแคว้นเจียงและมีบุตรชายหญิงด้วยกันถึงสามคน หากรวมถึงอนุภรรยาอีกสามคนซึ่งล้วนให้กำเนิดบุตรชายด้วยกันทั้งสิ้น ถานอี้เฉินมีบุตรชายถึงเก้าคนและมีบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ของเขาซึ่งฉู่อ๋องพระราชทานนางมาให้
การแย่งชิงเพื่อเป็นคนโปรดของบรรดาบุตรชายจึงเกิดการห้ำหั่นกันอย่างเข้มข้นระหว่างคุณชายที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ที่เป็นเมียพระราชทานจากฮ่องเต้และลูกอนุภรรยา
มีเพียงบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ซึ่งให้กำเนิดบุตรสาวคนที่สองหลังจากคนแรกเป็นบุตรชายและในปีถัดมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายซึ่งเป็นคนที่สามจากฮูหยินคนใหม่ผู้นี้ ด้วยนางขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสตรีที่เลื่องชื่อในความงามจากแคว้นเจียง จึงทำให้ถานอี้เฉินโปรดปรานฮูหยินผู้นี้มากกว่าภรรยาทุกคน
แต่บุตรสาวคนโตที่เกิดจากฮูหยินคนแรกของฉางอู๋ถงกลับถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของคนเป็นพ่อ นางถูกละเลยและไม่ใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของบุตรสาวคนนี้แม้แต่น้อยมีเพียงแค่ส่งเงินไปให้เดือนละหนึ่งร้อยตำลึงไปให้เท่านั้น เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสนอย่างน้อยก็ยังคิดเห็นว่าเป็นลูกที่เกิดจากอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับ จวบจนกระทั่งฉู่อ๋องได้มีพระบัญชาให้มีการคัดเลือกพระชายาให้แก่ชินอ๋องซึ่งเป็นพระอนุชา
โดยบุตรีคนโตของขุนนางในระดับเสนาบดีและจากตระกูลขุนนางเก่ารวมไปถึงคหบดีที่มีความสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉู่จะต้องถูกส่งตัวเข้าวังหลวงเพื่อทำการคัดเลือกพระชายา
ในขณะที่ตระกูลถานบันทึกของพลเมืองภายในแคว้นฉู่ทะเบียนเกิดกลับปรากฏชื่อของถานเย่ย่าซึ่งเกิดจากฉางฮูหยิน เป็นบุตรีคนโตของตระกูล ด้วยเหตุนี้รายชื่อของนางจึงถูกเรียกให้เข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาให้แก่ชินอ๋องในครั้งนี้
เป็นเหตุให้ถานหยี่เหยียนซึ่งเป็นบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด รวมไปถึงเหลียนฮูหยินซึ่งคนเป็นแม่เจ็บแค้นแทนลูกเสียยิ่งกว่า ที่ลูกสาวของอดีตฮูหยินผู้วายชนม์ไปนานแล้วกลับมีชื่อเข้ารับการคัดเลือกพระชายาชินอ๋องในครั้งนี้ แทนที่จะเป็นถานหยี่เหยียนซึ่งเป็นลูกสาวของนาง แต่เพราะทะเบียนพลเรือนไม่อาจแก้ไขได้และทั่วทั้งแคว้นฉู่ต่างล่วงรู้กันอย่างถ้วนหน้าว่าถานอี้เฉินมีบุตรสาวคนโตที่เกิดจากฉางฮูหยิน
แรงริษยาและความทะเยอทะยานของถานหยี่เหยียนรวมไปถึงเหลียนฮูหยินซึ่งต้องการให้ลูกสาวของนางได้เข้าไปเป็นหนึ่งในพระชายาหรือพระสนมของชินอ๋อง
เพื่ออยากให้ลูกสาวคนโปรดสมหวัง เหลียนฮูหยินจึงได้ลงมือวางแผนจ้างวานให้คนลักพาตัวถานเย่ย่าในขณะที่นางกำลังปลูกผักอยู่ในไร่นำมากักขังไว้อยู่บริเวณท้ายจวนตระกูลถานเพื่อไม่ให้ถานอี้เฉินไปรับนางกลับมาเข้ามาร่วมการคัดเลือกพระชายาชินอ๋อง
สองแม่ลูกมีคำสั่งให้นำบุตรสาวคนโตของตระกูลถานในวัย 20 ปี ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติและเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร นางถูกลักพาตัวล่องแม่น้ำมากับเรือจนมาถึงจวนตระกูลถานและถูกนำไปขังไว้ที่เรือนร้างท้ายจวนที่ไม่เคยมีผู้ใดย่างกายเข้ามาใกล้
ด้วยเพราะอยู่ห่างไกลจากเรือนใหญ่มากยิ่งนักประกอบกับพื้นที่ภายในจวนตระกูลถานก็กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีพื้นที่ได้รับพระราชทานจากการทำความดีความชอบจากฉู่อ๋อง จึงถูกละเลยไม่มีผู้ใดสนใจเรือนร้างที่มีอยู่หลายหลังบริเวณท้ายจวนแต่อย่างใด
และการหายตัวไปของถานเย่ย่าอย่างไร้ร่องรอยทำให้ทุกคนเข้าใจว่า นางหลบหนีบิดาเพื่อไม่ให้นำนางกลับเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมคัดเลือกพระชายาชินอ๋อง ทำให้ถานอี้เฉินหัวเสียเป็นอย่างมากที่ได้รับรายงานกลับมาเช่นนั้นแต่ในขณะเดียวกันอีกใจหนึ่งเป็นห่วงลูกสาวคนโตด้วยเช่นกัน
เพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าบุตรสาวคนโตของเขาพำนักอยู่ที่ไหน ยกเว้นเหลียนฮูหยินเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าเขาส่งเงินให้บุตรสาวคนโตไปที่เมืองตวนหงทุกเดือนไม่เคยขาดตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ถานอี้เฉินมีความคิดที่จะทำหนังสือแจ้งกลับไปยังวังหลวง เพื่อส่งถานหยี่เหยียนเข้าคัดเลือกแทนถานเย่ย่าที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยตั้งใจที่จะแจ้งกลับไปว่าบุตรสาวคนโตของเขาได้สูญหายไปขณะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไปทุกพื้นที่ของแคว้นฉู่
จนบัดนี้ก็ยังไม่พบตัวสมดั่งใจของสองแม่ลูกที่สามารถก้าวเข้ามาแทนที่ถานเย่ย่าได้เป็นผลสำเร็จ และภาวนาขอให้นางสิ้นใจตายคาเรือนร้างเพราะกว่าจะมีคนมาพบศพก็ไม่สามารถล่วงรู้ว่า ซากศพนั้นเป็นของผู้ใดซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้เลย
ในขณะเดียวกันถานอี้เฉิน ก็ยังมีคำสั่งให้ออกค้นหาบุตรสาวคนโตอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจก่อนจะทำหนังสือส่งไปที่วังหลวงว่าจะเปลี่ยนให้ถานหยี่เหยียนเข้าไปคัดเลือกพระชายาแทน
ด้วยเพราะคนเป็นพ่อรู้สึกสังหรณ์ใจว่า บุตรสาวคนโตกำลังได้รับอันตราย อีกทั้งการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นหากจะกล่าวกันว่านางตั้งใจหลบหนีบิดา เพื่อไม่ต้องการเข้าเมืองหลวงไปคัดเลือกพระชายาของชินอ๋องในครั้งนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีวันที่นางจะล่วงรู้ว่าคนเป็นพ่อส่งรถม้ามารับเข้าเมืองหลวงเพื่อกลับจวนสกุลถานด้วยสาเหตุอะไร
แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าเหลียนฮูหยินจะล่วงรู้ว่าถานเย่ย่าอยู่ที่ไหน เพราะนางดูแลบัญชีและทรัพย์สินทุกอย่างภายในจวนและล่วงรู้ว่าเขาส่งเงินให้บุตรสาวคนโตเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงเงินซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของถานอี้เฉิน ที่ได้แยกออกจากบัญชีเรือนของจวน
แต่นางก็ไม่เคยห้ามปรามหรือมาก้าวก่ายเรื่องนี้แต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังสนับสนุนให้สามีส่งเงินให้กับบุตรสาวผู้นี้มาโดยตลอดจึงทำให้ถานอี้เฉินไม่สงสัยในตัวเหลียนฮูหยินแม้แต่น้อย
หากแต่ในความเป็นจริงแล้วภายใต้ใบหน้างดงามและรอยยิ้มที่เป็นมิตรและมีไมตรีของเหลียนฮูหยินที่แสดงออกมานั้น เป็นเพียงหน้ากากที่ปิดบังนิสัยอันแท้จริงของนางที่มีความทะเยอทะยานและต้องการก้าวขึ้นมาเหนือกว่าสตรีทุกคน
นางได้ขึ้นมาเป็นนายหญิงของจวนสกุลถาน เป็นภรรยาเอกของขุนนางใหญ่ในราชสำนักฉู่ ซึ่งความใฝ่ฝันของนางไม่ได้ต้องการเป็นเพียงฮูหยิน ของชนชั้นขุนนางแต่ความจริงแล้วนางต้องการเข้าไปอยู่ในชนชั้นเชื้อพระวงศ์
แต่วาสนาของเหลียนฮูหยินนั้นไปไม่ถึงเมื่อนางไม่มีโอกาส แต่ลูกสาวของนางถานหยี่เหยียนยังมีโอกาส และนางต้องได้เข้าไปเป็นพระชายาของชินอ๋องให้ได้แม้จะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นชายาเอกก็ตามที แต่ถึงกระนั้นก็ขอให้เป็นหนึ่งในอนุชายา ถือได้ว่าไม่ออกแรงเสียเปล่า หลังจากนั้นนางจะผลักดันให้ลูกก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งให้ได้ในภายหลัง ดังนั้นการกำจัดถานเย่ย่าเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
และถานหยี่เหยียนก็มีนิสัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากแม่มาอย่างเต็มรูปแบบ แต่จะแตกต่างก็ตรงที่เด็กสาวซึ่งมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น เพิ่งจะผ่านพ้นพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นานกลับมีใจโหดเหี้ยมและอำมหิตกว่าคนเป็นแม่มากมายหลายเท่ายิ่งนัก
กลางดึกในยามวิกาลเสียงฝีเท้าบ่งบอกว่ามีจำนวนเกินกว่าสองคนขึ้นไปกำลังเดินตรงมายังบริเวณเรือนร้างท้ายจวน ท่ามกลางความมืดมิดที่เต็มไปด้วยอากาศอันหนาวเหน็บ แสงจากคบไฟถูกจุดขึ้นจนลุกโชนไปทั่วเพื่อส่องแสงนำทาง ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งกองสูงเต็มทางเดินและปกคลุมเรือนร้างหลังนั้นก่อนที่ร่างของชายฉกรรจ์จำนวนสองคนและร่างของถานอี้เฉินเจ้าของจวนมาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้ากระท่อมดังกล่าว
“พวกเจ้ารีบเข้าไปในกระท่อมว่ามีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสนาบดีใหญ่สั่งบ่าวไพร่
“ขอรับ”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเดินตรงไปยังเรือนร้างตรงหน้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายใน
เพียงครู่บ่าวรับใช้หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกมาจากกระท่อมอย่างรวดเร็วเพื่อกลับมารายงานถานอี้เฉิน
“มีแม่นางผู้หนึ่งอยู่ในกระท่อมขอรับใต้เท้า”สิ้นเสียงของบ่าวรายงาน ถานอี้เฉินรีบเดินตรงไปแทบจะวิ่งก็ว่าได้
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในกระท่อมดังกล่าว สายตาเห็นร่างของหญิงสาวในวัย 20 ปีนอนนิ่งไม่ไหวติงในท่าคว่ำหน้าอยู่ในขณะนั้นใบหน้าถูกเส้นผมสีดำตกลงปรกหน้า ร่างกายผ่ายผอมจนแทบจะเหลือแต่โครงกระดูกก็ว่าได้ บริเวณข้อเท้าถูกล่ามโซ่เอาไว้กับเสาไม้กลางเรือนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและหนีออกไปจากที่นี่ได้
ถานอี้เฉินรีบตรงเข้าไปที่ร่างดังกล่าวพร้อมดึงคบไฟจากมือของบ่าวมาไว้ในมือ พลางพลิกร่างของหญิงสาวนางนั้นให้มาอยู่ในท่านอนหงายเพื่อพิจารณาใบหน้าของนางให้ชัดเจนว่ามีลักษณะตรงตามภาพวาดที่ฮว่านฮูหยินได้บอกลักษณะเด่นของบุตรสาวคนโตถางเย่ย่าหรือไม่
พรึบ! ร่างผอมของสตรีนางนั้นถูกพลิกกลับมาอยู่ในท่านอนหงายอย่างรวดเร็ว พร้อมแสงจากคบไฟสาดส่องใบหน้าของนางเผยรูปโฉมให้ถานอี้เฉินได้เห็นบุตรสาวคนโตของเขาถานเย่ย่า ที่เติบโตเป็นสาวเต็มตัวในวัย 20 ปี แม้ว่าจะถูกขังอยู่ภายในเรือนร้างแห่งนี้มานานเกือบเดือน อดข้าวและน้ำแต่นางก็แข็งแกร่งและมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงเวลานี้ท่ามกลางลมหายใจอันรวยริน
“ถงเอ๋อ!”ถานอี้เฉินเรียกชื่อฮูหยินคนแรกของเขาที่มักเรียกหานางอยู่เป็นประจำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องมีภาพวาดบอกตัวตนให้พิสูจน์ว่าจะใช่ถางเย่ย่าบุตรสาวคนโตของเขาหรือไม่ แต่ใบหน้าของนางเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
ด้วยใบหน้าของถานเย่ย่าถอดแบบคนเป็นแม่ฉางอู๋ถง ฮูหยิน คนแรกเจ้าของหัวใจของถานอี้เฉินผู้เป็นรักแรกและรักแท้ของเขาเพียงหนึ่งเดียวมาโดยตลอดตราบจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยมีวันใดที่สามารถลืมนางไปจากความทรงจำได้แม้แต่น้อย
ตุบ! คบไฟในมือร่วงหล่นตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วพร้อมสองแขนรีบโผเข้าคว้าร่างงามของบุตรสาวนำมากอดเอาไว้แนบอก ด้วยหัวใจที่สำนึกผิดและสงสารบุตรสาวผู้นี้ของเขาอย่างยิ่งยวด
“พ่อขอโทษที่เพิ่งมาหาเจ้า! พ่อขอโทษจริงๆ ไม่ต้องกลัวนะพ่อมาช่วยเจ้าแล้ว”สิ้นเสียงคำกล่าวขอโทษถานอี้เฉินหันไปออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทันที
“รีบจัดการตัดโซ่ที่ล่ามลูกข้าเอาไว้เร็วเข้า!”เสนาบดีใหญ่สั่งเสียงกร้าว
“ขอรับ!”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมหนึ่งในนั้นเงื้อดาบที่มีใบมีดคมกริบและหนาซึ่งนำติดตัวมาด้วยฟันลงไปบนโซ่ดังกล่าวอย่างแรง
แกร๊ง!!! โซ่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักขาดออกจากกันตามแรงฟันอย่างรวดเร็ว ถานอี้เฉินกระชับร่างของลูกเอาไว้แนบอกพร้อมรีบอุ้มร่างลูกสาวคนโตออกมาจากกระท่อมแทบจะวิ่งเลยก็ว่าได้
“พอถึงจวนเจ้าคนใดคนหนึ่งรีบแยกไปตามหมอมาดูอาการลูกของข้าเดี๋ยวนี้! รีบไปอย่าได้ชักช้า”เสียงสั่งกำชับอย่างร้อนรน
ถานอี้เฉินรีบมุ่งหน้าเดินตรงกลับไปที่รถม้าซึ่งจอดรออยู่ตรงปากทางเข้าของเรือนร้างด้วยเส้นทางที่จะมุ่งหน้ามาท้ายจวนนั้นเต็มไปด้วยเนินดินและโขดหินมากมายกระจายไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแสงจากคบไฟลุกโชนอยู่สองดวงกำลังรีบเร่งเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ในขณะนั้น โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามีร่างของใครบางคนซ่อนเร้นอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในชุดคลุมสีดำทะมึนปกปิดร่างและศีรษะกำลังจับจ้องอยู่ที่ดวงไฟซึ่งกำลังลุกโชนพร้อมรอยยกยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า
“ในที่สุดก็ช่วยออกมาได้เป็นผลสำเร็จแล้ว คราวนี้ก็เหลือแต่รีบกลับไปรับหน้าที่จวนเท่านั้น”เสียงพึมพำของหญิงสาวปริศนาในชุดคลุมสีดำทะมึนกล่าวออกมาแผ่วเบา
ร่างในชุดคลุมสีดำค่อยๆ ก้าวเดินออกจากบริเวณเรือนร้างท้ายจวนเพื่อกลับไปที่เรือนใหญ่ของจวนสกุลถานอีกครั้ง เพราะอีกไม่นานจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่ถานอี้เฉินได้รับจดหมายลับส่งมาบอกว่าถานเย่ย่าไม่ได้หลบหนีหายไปไหน แต่ถูกลักพาตัวและนำมากักขังที่เรือนร้างท้ายจวน และนางกำลังใกล้จะตาย!