สามวันผ่านไป
เรือนฉิงเซี่ย
ร่างของถานเย่ย่าในวัยยี่สิบปีนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอนในเรือนฉิงเซี่ย ซึ่งเคยเป็นเรือนส่วนตัวของฉางฮูหยินภรรยาคนแรกของเสนาบดีใหญ่ถานอี้เฉิน นางนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนี้ติดต่อกันเข้าสู่วันที่สามแล้ว
ในขณะที่ร่างกายหลังจากหมอหลวงมาตรวจดูอาการของนางแล้วพบว่ามีอาการขาดน้ำและอาหารมาเป็นเวลานาน โชคยังดีที่ได้ดื่มน้ำและได้กินอาหารลงไปบางส่วนจึงสามารถยื้อลมหายใจอยู่ต่อมาได้จนกระทั่งถูกคนเป็นพ่อไปช่วยนางออกมาจากท้ายจวน
บาดแผลตามร่างกายไม่มีแม้แต่แห่งเดียว มีเพียงแค่ร่างที่พ่ายผอมเพราะอดอาหารมานานร่วมเดือนเท่านั้นจึงทำให้นางไร้สิ้นเรี่ยวแรงและพละกำลัง ใบหน้าที่ซูบซีดมีสีเลือดฝาดปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว ริมฝีปากที่เคยแตกระแหงจนเลือดไหลซึมเกรอะกรังเหลือเพียงรอยแตกให้เห็นเพียงบางแห่งเท่านั้น
เปลือกตาที่ปิดสนิทมานานหลายวันเริ่มกลอกกลิ้งไปมาพร้อมขนตนงอนยาวกะพริบขึ้นลงติดต่อกันก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ และหยุดนิ่งมองเพดานเบื้องบนที่เป็นไม้และได้รับการแกะสลักลวดลายเป็นดอกไม้มากมายหลายชนิดเลื้อยไปทั่วทั้งเพดานที่ทำมาจากไม้ทั้งหมด
“ข้าอยู่ที่ไหน! ที่นี่เป็นบ้านของผู้ใดกัน”ถานเย่ย่าพึมพำเสียงเบาก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นบ่าวรับใช้สองนาง
บ่าวรับใช้เดินถือถาดเข้ามาภายในห้องดังกล่าว บนถาดมีถ้วยขนาดย่อมตั้งอยู่ส่งกลิ่นตัวยาคละคลุ้งได้กลิ่นของสมุนไพรอย่างชัดเจนและอีกคนถืออ่างน้ำที่ทำมาจากสัมฤทธิ์เดินตามหลังมาติดๆ
ทันทีที่สองสาวใช้เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ซึ่งอยู่ในเรือนฉิงเซี่ยเห็นถานเย่ย่าฟื้นคืนสติกลับมา
“อุ้ย! คุณหนูใหญ่ตื่นแล้ว!”บ่าวรับใช้ทั้งสองนางต่างกล่าวออกมาพร้อมกัน
บ่าวรับใช้ที่ถืออ่างน้ำเข้ามานั้นรีบวางของที่อยู่ในมือบนโต๊ะตัวยาวซึ่งตั้งไม่ไกลจากเตียงนอนเสียเท่าใดนัก
“เจ้าคอยดูแลคุณหนูให้ดี ข้าจะรีบไปรายงานให้นายท่านล่วงรู้ว่าคุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว”นางกล่าวพร้อมหันหลังกลับรีบเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ชักช้า
สาวใช้ที่ยังคงเหลืออยู่หนึ่งคนรีบสาวเท้าตรงไปหาถานเย่ย่าพลางวางถาดซึ่งมีถ้วยยาส่งกลิ่นตัวยาและไอควันขาวลงบนโต๊ะตัวยาวตรงมุมห้องพร้อมรีบก้าวเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูใหญ่ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาเสียที เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะรู้สึกเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่”สาวใช้นางนั้นเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มอย่างมีไมตรี
ในขณะที่ถานเย่ย่านอนมองหน้าสาวใช้คนดังกล่าวอยู่ชั่วขณะ พลางมองสำรวจไปทั่วห้องดังกล่าวพร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้าอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ แล้วเหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่”นางถามกลับไปด้วยความอยากรู้
หากแต่ไม่ทันที่สาวใช้ตรงหน้าจะเอ่ยตอบกลับไปพลันมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาทันที
“นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าคือลูกสาวคนโตของพ่อ!”เสียงของถานอี้เฉินดังมาก่อนตัว
ร่างใหญ่ของถานอี้เฉินก้าวเข้ามาภายในห้องนอนดังกล่าว ท่ามกลางสายตาของบุตรสาวที่กำลังนอนมอง ตรงมาที่ร่างของชายวัยกลางคน อายุประมาณสี่สิบปลายๆ บอกนางกลับมาเช่นนั้น
ร่างของถานอี้เฉินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงของบุตรสาวพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะสำรวจใบหน้างามที่ถอดแบบฉางฮูหยินภรรยาคนแรกที่ตายจากไป ราวกับว่าเป็นคนเดียวกันก็ไม่ปาน
“เจ้าเหมือนท่านแม่มากโดยเฉพาะดวงตา เหมือนกันราวกับว่าเป็นคนเดียวกันก็ว่าได้ แล้วนี่เจ้าจะนอนมองพ่ออยู่เช่นนั้นโดยไม่ต้องการที่จะถามอะไรออกมาบ้างเลยอย่างนั้นเหรอ”เสนาบดีใหญ่ถามบุตรสาวคนโตกลับไป
คำกล่าวของคนเป็นพ่อทำให้ถานเย่ย่ารู้สึกตัวขึ้นมาทันที น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อล้นคลอเบ้าเมื่อล่วงรู้ว่าผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าในขณะนี้คือบิดาผู้ให้กำเนิดนางที่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถานเย่ย่าเฝ้าครุ่นคิดว่าเมื่อไรหนอบิดาจะมาเยี่ยมนางบ้างแม้เพียงสักครั้งก็พอใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องรับเข้ามาอยู่ในจวนก็ได้ เพราะนางไม่ได้เรียกร้องหรือต้องการอะไรไปมากกว่านี้แม้แต่น้อย ขอแค่ได้พบกับคนที่ทำให้นางเกิดมาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“ท่านพ่อ!”ถานเย่ย่าเรียกบิดาเสียงเบาก่อนจะพยายามที่จะยันกายของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
สาวใช้ที่คอยดูแลถานเย่ย่ามาตลอดสามวันที่ผ่านมายังไม่ได้มีคำสั่งให้ออกไปจากห้องดังกล่าว รีบตรงเข้าไปประคองร่างอรชรของคุณหนูใหญ่นำนางลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรของถานเย่ย่าส่งกลับไปให้นางก่อนจะหันกลับไปมองหน้าบิดาที่กำลังยืนมองอยู่ในขณะนี้
“ข้าไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหมเจ้าค่ะและก็ไม่ได้หูฝาดไปด้วย ท่านบอกว่าคือพ่อของข้า!”นางถามย้ำกลับไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเฝ้ารอคำตอบกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ
ถานอี้เฉินพยักหน้าขึ้นลงแทนการยอมรับพร้อมเอ่ยขึ้น
“เจ้าคือลูกสาวคนโตของพ่อย่าเอ๋อ”เสนาบดีใหญ่ตอบบุตรสาวกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
แปะ! น้ำตาแห่งความดีใจร่วงรินออกมาครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ท่านพ่อ!”ถานเย่ย่าร้องเรียกออกมาทันทีพร้อมโผเข้าสวมกอดร่างใหญ่ของคนเป็นพ่อด้วยความดีใจอย่างที่สุด
ถานอี้เฉินอ้าแขนสวมกอดลูกสาวคนโตเอาไว้ก่อนจะยกมือตบลงบนบ่าของนางติดต่อกันเพื่อปลอบโยน
ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่กำลังยืนมองอยู่ในขณะนั้นก่อนจะพากันเดินล่าถอยออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ เพราะแน่นอนว่าผู้เป็นใหญ่ของจวนจะต้องเอ่ยปากสอบถามบุตรสาวถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ครั้นอยู่เพียงลำพังสองคนพ่อลูกภายในห้องดังกล่าว คนเป็นพ่ออยากเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบและความเป็นอยู่ที่แล้วมาของนาง รวมไปถึงความอยากรู้ถึงที่มาที่ไปว่าเพราะใดนางจึงถูกกักขังอยู่บริเวณเรือนร้างท้ายจวนของตัวเอง ในขณะที่เขามีคำสั่งกระจายผู้คนออกตามหาไปทั่วเมืองตวนหง ร่างใหญ่ทรุดกายลงนั่งบนตรงปลายเตียงนอนของบุตรสาวพร้อมเอ่ยขึ้น
“อยู่กับฮว่านฮูหยินเพียงลำพังสองคนที่เมืองตวนหงเป็นอย่างไรบ้าง ไม่สายเกินไปใช่ไหมหากจะบอกว่าพ่อละอายใจต่อเจ้ายิ่งนักที่ละเลยไม่ดูแลและไม่เคยไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง เพราะคิดว่าถ้าเห็นหน้าเจ้าแล้วก็จะยิ่งคิดถึงแม่ของเจ้าจนไม่เป็นผู้เป็นคนเหมือนดั่งที่แล้วมา ตรงกันข้ามพอล่วงรู้ว่าเจ้าหายตัวไปพ่อกลับรู้สึกผิดมากยิ่งไปกว่าเดิมที่ไม่ได้อยู่ดูแลปกป้องจนกระทั่งเจ้าเกือบจะจากพ่อไปจริงๆ”ถานอี้เฉินบอกลูกสาวด้วยรู้สึกสำนึกผิด
ในขณะที่ถานเย่ย่านั่งยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจเมื่อได้ยินบิดากล่าวขอโทษต่อนาง และสำนึกผิดทุกอย่างต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดนางส่ายหน้าไปมาติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้าเข้าใจท่านพ่อเจ้าค่ะ! ไม่เคยคิดโกรธเคืองแม้แต่น้อย ท่านแม่บุญธรรมชอบเล่าให้ข้าฟังอยู่เสมอว่าท่านพ่อรักท่านแม่มาก และเสียใจต่อการจากไปของนางเพราะว่าให้กำเนิดข้า ท่านพ่อทำใจไม่ได้และยังไม่พร้อมที่จะเห็นข้าเรื่องนี้ข้าเข้าใจดี แม้ว่าจะรู้สึกน้อยใจบ้างเป็นบางครั้งก็ตาม”นางบอกความรู้สึกตามตรงกลับไป
และนั่นทำให้คนเป็นพ่อยิ่งเกิดความละอายใจมากขึ้นไปอีกนับเท่าทวีคูณ
“พ่อขอโทษย่าเอ๋อ ขอโทษเจ้าจริงๆ”ถานอี้เฉินพร่ำขอโทษบุตรสาวไม่ขาดปาก
ในขณะที่คนเป็นลูกรีบส่ายหน้าไปมาติดๆ กันเมื่อได้ยินน้ำเสียงของบิดาเช่นนั้น
“ท่านพ่ออย่าได้โทษตัวเองเจ้าค่ะ! คงเป็นโชคชะตาของข้าที่จะต้องพานพบเหตุการณ์เช่นนั้นถึงแม้ว่าท่านพ่อจะไม่เคยมาเยี่ยมข้าเลยก็ตามแต่ก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือนไม่เคยขาดแม้แต่เดือนเดียว ทำให้ข้ากับท่านแม่บุญธรรมมีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสนและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าผู้คนในละแวกนั้นมากมายยิ่งนัก”ถานเย่ย่าตอบพ่อของนางกลับไปพร้อมส่งยิ้มหวานกลับไปให้
ซึ่งคำตอบดังกล่าวสร้างความโล่งใจและรอยยิ้มปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของถานอี้เฉิน เมื่อลูกสาวคนโตไม่คิดโกรธเคืองแม้แต่น้อย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวจนเลยปลายคางพยักหน้าขึ้นลงติดๆกันด้วยความพอใจ
“แล้วเจ้าบอกพ่อได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดจึงถูกนำมากักขังที่เรือนร้างท้ายจวนตระกูลของเราเอง ในขณะที่พ่อส่งคนออกค้นหาเจ้าไปทั่วทั้งเมืองตวนหงและเมืองใกล้เคียงแต่กลับไม่พบเบาะแสของเจ้าแม้แต่น้อย”ถานอี้เฉินถามกลับไปด้วยความอยากรู้
ใบหน้างามที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ที่ผ่านมาเลือนหายไปโดยพลันเมื่อบิดาเอ่ยถามนางกลับมาเช่นนั้น ใบหน้าแสนสวยของน้องสาวต่างแม่ถานหยี่เหยียนและถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความท้าทายหากแต่แฝงเร้นจิตใจอำมหิตเอาไว้บังเกิดขึ้นในความทรงจำ
“ที่แท้ข้าก็ถูกนำมาขังอยู่ที่เรือนร้างท้ายจวนของตระกูลถานเองหรือนี่! นางช่างวางแผนฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นและแนบเนียนเสียจริงๆ ขังข้าให้ตายไปเอง แสดงว่าที่เห็นในวันนั้นคงจะมาดูว่าข้าตายหรือยัง! ในเมื่อข้ารอดพ้นจากความตายมาได้เช่นนี้เพราะสวรรค์เมตตา ถึงเวลาของเจ้าแล้วถานหยี่เหยียนที่ข้าจะต้องคิดบัญชีแค้นกับเจ้า!”ถานเย่ย่าครุ่นคิดอยู่ในใจก่อนจะมองหน้าบิดาของนางอยู่เช่นนั้นเพื่อรอเวลาให้ถานอี้เฉินถามกลับมาเอง
และก็เป็นไปตามคาดเมื่อคนเป็นพ่อเห็นสายตาของลูกสาวคนโตกำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน
“เจ้ามองหน้าพ่อเช่นนี้คงไม่ได้คิดว่าเป็นฝีมือของพ่อหรอกนะย่าเอ๋อ!”ถานอี้เฉินถามสวนกลับไป
ใบหน้างามส่ายหน้าไปมาเป็นสัญญาณปฏิเสธพร้อมเอ่ยขึ้น
“เหตุที่มองท่านพ่อเพราะกำลังคิดว่า ที่ข้าถูกนำมาขังไว้ในเรือนร้างท้ายจวนตัวเองจะต้องมีสาเหตุจูงใจจึงได้ลงมือกระทำการอุกอาจเช่นนี้ เป้าหมายที่ต้องการนั้นก็คือเพื่อขัดขวางไม่ให้ข้าเข้าคัดเลือกพระชายาชินอ๋องที่กำลังจะมีขึ้น คนพวกนั้นจงใจขังข้าให้อดข้าวและน้ำจนกว่าจะตายไปเองเป็นการวางแผนฆ่าที่แนบเนียนยิ่งนักเจ้าค่ะ”
นางบอกบิดากลับไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่บอกออกไปจนหมด ด้วยอยากล่วงรู้ท่าทีของพ่อนางด้วยเช่นกันว่ามีความคิดเห็นและรู้สึกผิดสังเกตอะไรบ้างหรือไม่
ในขณะที่เสนาบดีใหญ่ถึงกับนั่งนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อได้ยินลูกสาวคนโตบอกเบาะแสกลับมาเช่นนั้น
“สาเหตุที่เจ้าถูกนำมากักขังที่เรือนร้างท้ายจวนเพราะต้องการไม่ให้เข้าคัดเลือกพระชายาชินอ๋องอย่างนั้นหรอกเหรอ เพียงแค่เพราะสาเหตุนี้จนถึงกับต้องทำกับลูกข้าถึงเพียงนี้หรือนี่!”ถางอี้เฉินกล่าวพร้อมลุกขึ้นยืนปลายเตียงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าคนพวกนั้นเป็นผู้ใดบ้าง พ่อจะลากคอพวกมันทั้งหมดเข้าไปยังกรมอาญาให้รับการลงโทษอย่างสถานหนักบังอาจวางแผนสังหารผู้เข้าร่วมคัดเลือกพระชายาชินอ๋อง มีโทษประหารสถานเดียวเท่านั้น!”
รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถานเย่ย่าขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่พลีพลามรีบด่วนลงมือจัดการเอาคืนน้องสาวต่างแม่ของนาง ด้วยเพราะหากจะว่ากันไปแล้วบุตรีของถานอี้เฉินทั้งสองนางล้วนเป็นสตรีที่มีความฉลาดและเต็มไปด้วยความคิดอันแยบยล เจ้าแผนการด้วยกันทั้งคู่
ดังนั้นเมื่อถานเย่ย่ามีชีวิตรอดแผนการแยบยลเพื่อเอาคืนน้องสาวต่างแม่ผุดขึ้นอยู่ในความคิดของนางขึ้นมาทันที ด้วยนางถือได้ว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถานซึ่งเกิดจากฉางฮูหยิน
มารดาของนางมาก่อนฮูหยินคนปัจจุบัน สิทธิอันชอบธรรมต่างๆ ที่ไม่เคยได้ นางจะต้องทวงคืนกลับมาให้กับตัวเอง และจะต้องทำให้ทุกคนในจวนทั้งหมดเกิดแรงเกลียดชังต่อน้องสาวต่างแม่ผู้นี้รวมไปถึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายชีวิตของนางให้พังพินาศไม่มีชิ้นดีก่อนจะแสร้งพูดชี้นำบิดา
“ข้าเติบโตอยู่ที่เมืองตวนหงมาโดยตลอด ไม่เคยเหยียบย่างมาที่จวนนี้แต่อย่างใดไม่เคยคิดร้ายผู้ใดเลย เหตุใดจึงทำกับข้าเช่นนี้ หากไม่ได้ผู้มีพระคุณคนหนึ่งให้น้ำและหมั่นโถวแก่ข้าเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด ดูท่าข้าจะต้องสิ้นลมลงไปก่อนที่ท่านพ่อจะเข้ามาช่วยข้าออกไปเสียอีก คนที่คิดจะฆ่าข้าจะต้องได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่เจ้าค่ะกับการคัดเลือกพระชายาของชินอ๋องในครั้งนี้”นางแสร้งตีหน้าสลดน้ำตาคลอเบ้าทำท่าจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าบิดา
และท่าทีดังกล่าวของบุตรสาวทำให้ถานอี้เฉินต้องยกมือขึ้นตบลงบนบ่าบอบบางเพื่อปลอบโยนนางไม่ให้ร่ำไห้ในชะตากรรมที่เพิ่งผ่านพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด
“คนที่ลงมือทำกับเจ้าเช่นนี้นอกจากมุ่งหวังให้เจ้าตายแล้ว ยังต้องการที่จะขัดขวางไม่ให้ได้เข้าคัดเลือกพระชายาของชินอ๋องเพราะแน่นอนว่า บุตรีขุนนางตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นสามจะต้องได้รับเลือกเข้าไปทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็นพระชายาเอกหรือพระชายารองก็ตาม แต่พวกนางที่มีบิดาตามขั้นดังกล่าวถึงอย่างไรจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอนุชายาด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นหากเจ้าตายหรือหายไปนางก็จะได้เข้ามาแทนที่ละ...”ถานอี้เฉินกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็หยุดลงทันใด
ร่างใหญ่เดินผละออกจากเตียงพลางครุ่นคิดถึงประเด็นดังกล่าวอย่างเคร่งเครียด ท่ามกลางสายตาของถานเย่ย่ามองตามหลังพ่อของนางพร้อมยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก นางจะค่อยๆ วางแผนทำลายน้องสาวต่างแม่ผู้นี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างความสะใจให้แก่ตัวเองยามเมื่อได้เห็นคนที่นางเคียดแค้นพบกับความตกต่ำและได้รับหายนะอย่างไม่รู้จบ
เสนาบดีใหญ่ยืนเอามือไพล่ไว้ทางด้านหลังพลางก้าวเดินอย่างช้าๆ ด้วยกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“หากย่าเอ๋อตายและสูญหายอย่างไร้ร่องรอยไปตลอดกาล คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือเหยียนเอ๋อเพราะข้ากำลังคิดจะให้นางเข้าคัดเลือกพระชายาชินอ๋องแทน เป็นไปได้อย่างนั้นเหรอที่นางจะล่วงรู้เรื่องราวของพี่สาวว่าพำนักอยู่แห่งหนตำบลและเมืองใด เด็กสาวอายุเพียงสิบห้าปีเช่นนั้นจะมีความคิดอันแยบยลและฆ่าคนแบบนี้ไปได้อย่างไง! ไม่มีทางเป็นไปได้! อย่างไรก็ไม่ใช่ ตรงกันข้ามถ้าเป็นฝีมือของฮูหยินก็ว่าไปอย่าง”
ทันทีที่คิดได้เช่นนั้นร่างใหญ่หยุดยืนนิ่งไปทันใด ดวงตาของถานอี้เฉินแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่อเค้าว่าจะเป็นการกระทำของเหลียนฮูหยินเพื่อผลักดันให้บุตรสาวของนางก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งเหนือกว่าสตรีอื่นทั่วไป
ด้วยเขาล่วงรู้ดีกว่าเหลียนฮูหยินนั้นมีความทะเยอทะยานสูง นางต้องการที่จะร่วมสายเลือดในระดับเชื้อพระวงศ์แต่ความใฝ่ฝันไปไม่ถึงเป้าหมาย
เมื่อนางแทนที่จะถูกนำเข้าวังเพื่อไปถวายตัวเป็นพระสนมของฉู่อ๋องและมีตำแหน่งที่รุดหน้าตามความใฝ่ฝัน แต่พระองค์กลับดับฝันนั้นโดยพระราชทานนางให้แก่ถานอี้เฉินเพื่อปลอบขวัญที่ต้องสูญเสียฉางฮูหยินอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้เหลียนหย่าจือแทนที่จะได้ร่วมสายเลือดกับฉู่อ๋องแผ่สายเลือดของนางให้กำเนิดพระโอรสและพระราชธิดาซึ่งอยู่ในชนชั้นเชื้อพระวงศ์
กาลกลับกลายเป็นว่านางได้ตำแหน่งฮูหยินเอกของขุนนางระดับสูงในราชสำนักฉู่เท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นปมที่อยู่ในใจของนางมาโดยตลอด เหตุการณ์ในครั้งนี้เหลียนฮูหยินจะต้องมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน
เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนั้นถานอี้เฉินหันหลังกลับไปมองลูกสาวคนโตที่ยังคงนั่งมองเขาอยู่บนเตียงพร้อมเอ่ยขึ้น
“พ่อจะไปจัดการเค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้แก่เจ้า เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาอย่าเพิ่งลุกไปไหนนอนพักผ่อนต่อเถอะ พ่อจะเรียกบ่าวมาคอยดูแลรับใช้ เรือนหลังนี้เป็นของท่านแม่เจ้าที่พ่อเก็บเอาไว้และดูแลรักษาเป็นอย่างดี เจ้าในฐานะลูกคนโตของพ่อมีสิทธิโดยชอบธรรมทุกอย่างในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลถาน และจะต้องก้าวเข้าไปอยู่ในชนชั้นเชื้อพระวงศ์ต่อไป”ถานอี้เฉินกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้บุตรสาวพลางหันหลังกลับเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าคอยดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี! พรุ่งนี้ข้าจะให้พ่อบ้านเสิ่นคัดบ่าวไพร่ให้มาอยู่รับใช้และคอยดูแลเรือนฉิงเซี่ย”เสียงสั่งการของเสนาบดีใหญ่ดังก้องไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางสายตาของถานเย่ย่ายังคงนั่งมองทางด้านหลังของบิดาพร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดฉาบขึ้นอยู่บนใบหน้างาม
“เจ้าผิดเองที่เลือกให้ข้าได้รับการทรมานก่อนตาย โดยไม่ยอมสังหารข้าให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป! คำท้าทายของเจ้าที่ลั่นวาจาเอาไว้จะสนองคืนกลับไปทีละน้อย ทีละน้อย ฝีมือของเจ้ายังอ่อนด้อยยิ่งนักถานหยี่เหยียน”
เสียงเย็นยะเยียบกล่าวถึงน้องสาวต่างแม่พร้อมหัวเราะหวีดหวิวอยู่ในลำคอออกมาเบาๆ ดวงตาเฝ้าจับจ้องบิดาทางด้านหลังจนกระทั่งลับสายตาไปจากบริเวณดังกล่าว