เรือนใหญ่
ภายในห้องหนังสือ
ถานอี้เฉินเดินเอามือไพล่ไว้ทางด้านหลังกำลังเดินตรงไปยังห้องหนังสือเพื่อส่งสาสน์กลับไปที่วังหลวง ว่าตระกูลถานจำเป็นต้องเปลี่ยนบุตรีคนโตถานเย่ย่ามาเป็นถานหยี่เหยียนเข้ารับการคัดเลือกพระชายาแทน ด้วยเพราะนางหายสาปสูญจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของแคว้นฉู่เมื่อหลายปีก่อนจนบัดนี้ก็ยังค้นหาไม่พบ ซึ่งครั้งนั้นเมืองตวนหงถูกน้ำท่วมจนหลายหมู่บ้านจมอยู่ใต้บาดาล
ครั้นก้าวเข้ามาภายในห้องหนังสือดังกล่าว ร่างใหญ่ทรุดลงนั่งบนตั่งพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางหลับตาลงด้วยความอ่อนล้าอย่างเห้นได้ชัด หลังจากได้รับรายงานจากกลุ่มคนที่ว่าจ้างให้ไปสืบค้นหาบุตรสาวคนโตยังคงไร้วี่แววเช่นเดิม แม้ว่าตาจะปิดแต่ความคิดยังคงเฝ้าครุ่นคิดถึงถานเย่ย่าบุตรสาว
ด้วยเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาถานอี้เฉินไม่เคยไปเยี่ยมลูกคนนี้แม้แต่ครั้งเดียว ส่งเพียงเงินและข้าวของไปให้ที่เมืองตวนหงให้แก่นางเท่านั้น และไม่คิดที่จะย่างกายไปหาแม้แต่น้อยด้วยยังเฝ้าคิดถึงฉางฮูหยินภรรยาคนแรกไม่เสื่อมคลาย
และกลัวว่าเมื่อได้เห็นหน้านางจะยิ่งทำให้คิดถึงภรรยาที่เขารักมากที่สุดในชีวิต แต่ครั้นถานเย่ย่าหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีเบาะแสให้ได้สืบค้นหา
ทำให้ถานอี้เฉินกลับทุกข์ใจมากยิ่งไปกว่าเดิมเฝ้าโทษตัวเองที่ละเลยบุตรสาวผู้นี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและเฝ้ารอคอยรายงานข่าวที่จะทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อไร้สิ้นความกังวล
แต่แล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิดนางยังคงหายตัวไปและยังไร้ร่องรอยอยู่เช่นเดิมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น
“ย่าเอ๋อหายไปไหน! เจ้าหายไปไหนลูกพ่อ!”ถานอี้เฉินครวญหาบุตรสาวคนโตพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
ทันใดนั้นเอง
ฟิ้วววว!!!! มีบางอย่างลอยละลิ่วผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของห้องหนังสือ เป้าหมายคือโต๊ะหรือร่างของถานอี้เฉินก่อนที่เจ้าสิ่งนั้นจะตกลงบนโต๊ะยาวตรงหน้าเสนาบดีใหญ่เข้าให้พอดี
ปัง! เสียงของแข็งกระทบลงบนโต๊ะเกิดเสียงดังสนั่นจนทำให้ถานอี้เฉินลืมตาขึ้นมาทันทีและพบว่ามีเศษผ้าถูกห่อด้วยก้อนหินนอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าและคล้ายมีน้ำหมึกซึมออกมาจากผ้าที่ถูกห่ออยู่ในขณะนั้น สร้างความแปลกใจให้แก่เสนาบดีใหญ่อย่างยิ่งยวดก่อนจะเอื้อมมือหยิบเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ
“ผ้าถูกห่อด้วยก้อนหินมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนาถูกโยนมาทางหน้าต่างแบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่แต่เกิดจากความตั้งใจเสียมากกว่า..เป็นผู้ใดของผู้ใดกันนะ”
ถานอี้เฉินกล่าวพร้อมเงยหน้าขึ้นใช้สายตาสำรวจไปทั่วห้องดังกล่าวพร้อมแกะเชือกออกอย่างรวดเร็วก่อนจะวางก้อนหินลงบนโต๊ะคลี่ผ้าผืนน้อยอ่านข้อความที่เขียนบนผ้าผืนดังกล่าว
บุตรสาวของท่านที่กำลังตามหา นางถูกกักขังอยู่เรือนร้างท้ายจวนและกำลังจะตาย!
ทันทีที่อ่านข้อความที่เขียนอยู่ในผ้าผืนดังกล่าว ร่างใหญ่ของถานอี้เฉินลุกพรวดพราดขึ้นจากตั่งด้วยความตกใจเมื่อได้อ่านข้อความดังกล่าวแม้ว่าจะเชื่อได้ยาก
แต่หากคิดในทางกลับกันจะต้องมีใครบางคนภายในจวนล่วงรู้เรื่องการหายตัวไปของถานเย่ย่าเป็นอย่างดีและแน่นอนว่าอาจจะรู้ลึกไปมากกว่านี้เป็นแน่ ผ้าแพรดังกล่าวถูกยัดใส่ไว้เข้าไปในอกเสื้ออย่างรวดเร็วพร้อมก้าวออกจากห้องหนังสืออย่างไม่รอช้า เสียงสั่งการดังกระหึ่มตามติดมา
“ไปเตรียมรถม้าและเรียกบ่าวผู้ชายที่แข็งแรงติดอาวุธไปด้วยสองสามคน ติดตามข้าไปที่ท้ายจวน!”
ยามห้าย
เรือนร้างท้ายจวน
ท่ามกลางความมืดมิดและความเงียบสนิทที่แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณท้ายจวน แสงจากคบไฟกำลังพวยพุ่งออกมาก่อนจะนำไปจุดคบไฟที่ปักอยู่ตรงบริเวณประตูทางเข้าเรือนร้างดังกล่าวที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในบริเวณนั้นจนเกิดความสว่างสาดแสงกระจายไปทั่วจนสามารถเห็นตัวเรือนได้อย่างชัดเจน
“พวกเจ้ารีบเข้าไปในกระท่อมว่ามีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสนาบดีใหญ่สั่งบ่าวไพร่
“ขอรับ”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเดินตรงไปยังเรือนร้างตรงหน้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายใน
เพียงครู่บ่าวรับใช้หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกมาจากกระท่อมอย่างรวดเร็วเพื่อกลับมารายงานถานอี้เฉิน
“มีแม่นางผู้หนึ่งอยู่ในกระท่อมขอรับใต้เท้า”สิ้นเสียงรายงานถานอี้เฉินรีบเดินตรงไปแทบจะวิ่งก็ว่าได้
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในกระท่อมดังกล่าว สายตาเห็นร่างของหญิงสาวในวัย 20 ปีนอนนิ่งไม่ไหวติงในท่าคว่ำหน้าอยู่ในขณะนั้นใบหน้าถูกเส้นผมสีดำตกลงปรกหน้า ร่างกายผ่ายผอมจนแทบจะเหลือแต่โครงกระดูกก็ว่าได้
บริเวณข้อเท้าถูกล่ามโซ่เอาไว้กับเสาไม้กลางเรือนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและหนีออกไปจากที่นี่ได้ ใกล้ร่างของนางมีกระบอกไม้ไผ่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นมีรอยเปียกของน้ำหกเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด และเศษหมั่นโถวกระจายอยู่ตามพื้นประปราย
ถานอี้เฉินรีบตรงเข้าไปที่ร่างดังกล่าวพร้อมดึงคบไฟจากมือของบ่าวมาไว้ในมือ พลางพลิกร่างของหญิงสาวนางนั้นให้มาอยู่ในท่านอนหงายเพื่อพิจารณาใบหน้าของนางให้ชัดเจนว่ามีลักษณะตรงตามภาพวาดที่ฮว่านฮูหยินได้บอกลักษณะเด่นของบุตรสาวคนโตถานเย่ย่าหรือไม่
พรึบ! ร่างผอมของสตรีนางนั้นถูกพลิกกลับมาอยู่ในท่านอนหงายอย่างรวดเร็ว พร้อมแสงจากคบไฟสาดส่องใบหน้าของนางเผยรูปโฉมให้ถานอี้เฉินได้เห็นบุตรสาวคนโตของเขาถานเย่ย่า ที่เติบโตเป็นสาวเต็มตัวในวัย 20 ปี แม้ว่าจะถูกขังอยู่ภายในเรือนร้างแห่งนี้มานานเกือบเดือน อดข้าวและน้ำแต่นางก็แข็งแกร่งและมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงเวลานี้ท่ามกลางลมหายใจอันรวยริน
“ถงเอ๋อ!”ถานอี้เฉินเรียกชื่อฮูหยินคนแรกของเขาที่มักเรียกหานางอยู่เป็นประจำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
ไม่จำเป็นต้องมีภาพวาดบอกตัวตนให้พิสูจน์ว่าจะใช่ถานเย่ย่าบุตรสาวคนโตของเขาหรือไม่ แต่ใบหน้าของนางเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
ด้วยใบหน้าของถานเย่ย่าถอดแบบคนเป็นแม่ฉางอู๋ถง ฮูหยิน คนแรกเจ้าของหัวใจของถานงอี้เฉินผู้เป็นรักแรกและรักแท้ของเขาเพียงหนึ่งเดียวมาโดยตลอดตราบจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยมีวันใดที่สามารถลืมนางไปจากความทรงจำได้แม้แต่น้อย
ตุบ! คบไฟในมือร่วงหล่นตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วพร้อมสองแขนรีบโผเข้าคว้าร่างงามของบุตรสาวนำมากอดเอาไว้แนบอกทันใด ด้วยหัวใจที่สำนึกผิดและสงสารบุตรสาวผู้นี้ของเขาอย่างยิ่งยวด
“พ่อขอโทษที่เพิ่งมาหาเจ้า! พ่อขอโทษจริงๆ ไม่ต้องกลัวนะพ่อมาช่วยเจ้าแล้ว”สิ้นเสียงคำกล่าวขอโทษถานอี้เฉินหันไปออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทันที
“รีบจัดการตัดโซ่ที่ล่ามลูกข้าเอาไว้เร็วเข้า!”เสนาบดีใหญ่ออกคำสั่งเสียงกร้าว
“ขอรับ!”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมหนึ่งในนั้นเงื้อดาบที่มีใบมีดคมกริบและหนาซึ่งนำติดตัวมาด้วยฟันลงไปบนโซ่ดังกล่าวอย่างแรง
แกร๊งงงง!!!! โซ่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักขาดออกจากกันตามแรงฟันอย่างรวดเร็ว ถานอี้เฉินกระชับร่างของลูกเอาไว้แนบอกพร้อมรีบอุ้มร่างลูกสาวคนโตออกมาจากกระท่อมแทบจะวิ่งก็ว่าได้
“พอถึงจวนเจ้าคนใดคนหนึ่งรีบแยกไปตามหมอมาดูอาการลูกของข้าเดี๋ยวนี้! รีบไปอย่าได้ชักช้า”เสียงสั่งกำชับอย่างร้อนรน
ร่างสูงใหญ่รีบมุ่งหน้าเดินตรงกลับไปที่รถม้าซึ่งจอดรออยู่ตรงปากทางเข้าของเรือนร้างด้วยเส้นทางที่จะมุ่งหน้ามาท้ายจวนนั้นเต็มไปด้วยเนินดินและโขดหินมากมายกระจายไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแสงจากคบไฟลุกโชนอยู่สองดวงกำลังรีบเร่งเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ในขณะนั้น โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามีร่างของใครบางคนซ่อนเร้นอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในชุดคลุมสีดำทะมึนปกปิดร่างและศีรษะกำลังจับจ้องอยู่ที่ดวงไฟซึ่งกำลังลุกโชนพร้อมรอยยกยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า
“ในที่สุดก็ช่วยออกมาได้เป็นผลสำเร็จ คราวนี้ก็เหลือแต่เพียงกลับไปรับหน้าที่จวนเท่านั้น”เสียงพึมพำของหญิงสาวปริศนาในชุดคลุมสีดำทะมึนกล่าวออกมาแผ่วเบาซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นถานหยี่เหยียนนั้นเอง
ร่างระหงสวมชุดคลุมสีดำเพื่อให้กลืนไปกับความมืดซ่อนเร้นตัวตนของนางได้เป็นอย่างดี หญิงสาวก้าวเดินออกจากบริเวณท้ายจวนเพื่อกลับไปที่เรือนใหญ่ของจวนสกุลถางอีกครั้ง เพราะอีกไม่นานจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่ถานอี้เฉินได้รับจดหมายลับส่งมาบอกว่าถานเย่ย่าไม่ได้หลบหนีไปไหนแต่นางถูกกักขังที่เรือนร้างท้ายจวนตระกูลถาน ซึ่งเป็นฝีมือของถานหยี่เหยียนที่ส่งจดหมายลับดังกล่าวให้ถานอี้เฉินรีบมาช่วยบุตรสาวคนโตกลับไป
และเพราะน้ำกับหมั่นโถวสามลูกที่ถานหยี่เหยียนแอบย่องนำไปวางไว้ให้พี่สาวต่างมารดาได้กินประทังชีวิตเพื่อให้นางมีแรงและต่อลมหายใจรอคอยการช่วยเหลือจากคนเป็นพ่อ
ซึ่งนางคาดการณ์ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ ว่าคนที่สามารถช่วยถานเย่ย่าออกจากเรือนร้างหลังนั้นไม่มีใครเหมาะสมและได้ดีไปกว่าถานอี้เฉินอีกแล้ว นางสามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุในการประหารเก้าชั่วโคตรที่เคยเกิดขึ้นได้เป็นผลสำเร็จ
ถานหยี่เหยียนไม่ล่วงรู้เลยว่าเพราะผลจากการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อทำให้ถานเย่ย่ามีชีวิตรอดอยู่ต่อไปนั้นจะส่งผลเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างไรบ้าง
คนที่ควรจะต้องตายกลับไม่ตายแต่กลับทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไป พร้อมชีวิตของถานหยี่เหยียนพลิกกลับตาลปัตรไปจากที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างสิ้นเชิงและนางไม่ได้เป็นอนุชายาของชินอ๋องอีกต่อไป