“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือของตน โดยไม่ได้ดูเลยเบอร์ใครกำลังต่อสายมาหาด้วยความคิดถึง... แต่พอได้ยินเสียงหวานของนวลฉวีเท่านั้น ชายหนุ่มกลับพูดไม่ออก “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ? พอดีฉันยุ่ง ๆ และกำลังขับรถอยู่ค่ะ”
[คะ... คุณนวล] เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์โทนต่ำและแหบเล็กน้อย มันทำให้คนกำลังขับรถยนต์คันหรูยิ้มออกมา [ผะ... ผมเอง แดนไท]
“อ่า~ นายนี่เอง มีอะไรหรือเปล่า?” เธอถามตามปกติ แต่กลับทำให้คนคิดมากอย่างแดนไทรู้สึกห่างเหินเหลือเกิน
[คือผมจะโทร. มาขออนุญาตเข้าบ้านครับ] เสียงในลำคอของชายหนุ่ม มันกำลังบ่งบอกถึงความน้อยใจอย่างไม่รู้ตัว
“อะไรกัน ฉันคิดว่าแดนมาอยู่บ้านฉันแล้วเสียอีก เมื่อวานไม่ได้นอนที่บ้านเหรอ?” เธอถามพร้อมหักพวงมาลัยเลี้ยวอย่างใจเย็น ปกติแล้วเจ้าหล่อนคุยโทรศัพท์เวลาขับรถเสียที่ไหนกัน
[ผมกลัวคนอื่นว่านี่ครับ และไม่อยากให้คุณนวลถูกมองว่าไม่ดีด้วย เลยกลับไปนอนที่ห้องพักแทน] แดนไทยังคงยืนอยู่หน้าบ้านของนวลฉวี ไม่กล้าเข้าไปโดยพลการ แม้จะมีกุญแจสำรองอยู่ในมือ แต่อีกอย่างคือ... หาเรื่องโทรหาเจ้าหล่อนมากกว่า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องปากของคนในหมู่บ้านหรอก ฉันไม่เคยสนใจอยู่แล้ว แดนเข้าไปเถอะ ถือว่าช่วยดูแลบ้านตอนฉันไม่อยู่ พอถึงเวลาที่ฉันอยู่... ค่อยมาดูแลฉันแทนก็แล้วกัน”
[ครับ!!] ช่างตอบเสียงดังฟังชัด ทำให้หญิงสาวหลุดยิ้มออกมาจนได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันวางแล้วนะ” เรียวนิ้วสวยกำลังเลื่อนไปกดวางสายตรงพวงมาลัยรถยนต์ของตัวเอง แต่...
[ผมคิดถึงคุณนวลมากเลยครับ รีบกลับมานะครับ] เสียงของชายหนุ่มดังลั่นรถยนต์คันหรู และสร้างอาการร้อนผ่าวที่สองแก้มของนวลฉวีขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หญิงสาวถอนหายใจออกมา พร้อมอมยิ้ม “อืม... จะรีบกลับนะ”
ปลายสายถูกตัดไปแล้ว แต่ยังมีชายคนหนึ่งยืนยิ้มหน้าบ้านคนอื่นเหมือนคนบ้า จนคนซึ่งสังเกตมาพักหนึ่งต้องเดินมาทัก “เอ็งมายืนทำอะไรตรงนี้วะ?”
“ละ... ลุงมา” แดนไทสะดุ้งเมื่อเห็นยามรุ่นพี่เดินมาทัก ทั้ง ๆ ที่ควรจะกลับบ้านหลังออกกะพร้อมตนแล้วแท้ ๆ “ผะ... ผมแค่ยืนโทรศัพท์ครับลุง”
“แล้วมายืนหน้าบ้านคุณนวลทำไม?” ลุงมาขมวดคิ้วมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“คะ... คือคุณนวลให้ผมเข้าไปทำความสะอาดในบ้านครับ” แดนไทแก้ตัวเสียงตะกุกตะกัก ซึ่งมันหลอกสายตาชายอายุใกล้เกษียณไม่ได้หรอก!!
“เอ็งเนี่ยนะ ทำความสะอาด?”
“ครับ เห็นอย่างนี้ผมก็ทำงานบ้านเก่งนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณนวลไม่ใช้ผมหรอก” แดนไทเบี่ยงหน้าหนีสายตาจับผิดทันที “ละ... แล้วลุงมีอะไรครับ?”
“ลุงแค่จะเอาแกงส้มมาให้คุณนวล แต่คุณนวลไม่อยู่ เลย...”
“เดี๋ยวผมเอาไปไว้ในตู้เย็นให้ก็ได้ครับ” แดนไทหันกลับมา หมายจะคว้าถุงแกงส้มมาไว้เอง แต่กลับโดนลุงมาคว้าข้อมือตนเอาไว้ก่อน “อะ... ไรครับ?”
“เอ็งได้เสียกับคุณนวลแล้วใช่มั้ย?” ลุงมากระซิบถาม แต่กลับทำให้คนร้อนตัวเหงื่อออกขมับ ไม่กล้าขยับหรือตอบอะไรทั้งนั้น มันยิ่งยืนยันว่าสิ่งที่เดานั้นถูกต้อง “ว่าแล้วเชียว เอ็งมันหน้าตาดี ไม่รอดหรอก”
“เอ๊ะ? หมายถึง...?”
“เอาเถอะวะ ไม่เห็นต้องปิดเลย แถวนี้เขารู้กันหมดนั่นแหละว่าคุณนวลแกเป็นคนอย่างไร ต่อให้มีคนเอาไปพูดสนุกปากเธอก็ไม่สน ห่วงก็แต่เอ็งนั่นแหละ... อย่าริอ่านเผลอใจให้คุณนวลล่ะ น้ำตามันจะเช็ดหัวเข่า”
คำพูดของคนที่ได้ชื่อว่ารู้จักนวลฉวีดี ทำให้ใจของแดนไทสั่นไหวขึ้นมา บอกว่าอย่าเผลอใจอย่างนั้นหรือ... คงไม่ทันแล้ว ก็ไอ้แดนไทคนนี้ ดันไปตกหลุมรักเธอเข้าตั้งแต่แรกเห็นนี่สิ
“เผื่อใจเอาไว้ล่ะ คุณนวลเขาเข็ดกับสามีที่ตายไปของเธอ คงไม่อยากจริงจังกับใครอีกแล้ว”
“คะ... ครับลุง”
ความยินดีมันถูกพัดผ่านไปเร็วกว่าพายุเสียอีก เมื่อครู่ชายหนุ่มได้คุยกับหญิงสาว ใจของเขาเต้นรัวราวจะระเบิด แต่คำเตือนของยามรุ่นพี่... กลับทำให้ก้อนเนื้อก้อนนี้ ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลง
‘เผื่อใจ... อย่างนั้นเหรอ?’
รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าซอยกว้าง ตอนนี้ถนนยังเป็นดินลูกรัง แถมพื้นยังไม่ค่อยเสมอกันเท่าไหร่ เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้างโครงการหมู่บ้านใหม่ ซึ่งยอดสั่งจองเข้ามาเกินครึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดจองด้วยซ้ำ
แต่ข่าวเรื่องปัญหาในการก่อสร้างที่กำลังลืออยู่ตอนนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นในบริษัทของนวลฉวีเริ่มสั่นคลอน เจ้าหล่อนเลยมาแก้ปัญหาที่มีด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนว่า...
“สงสัยเมื่อคืนจะไม่ได้นอนสินะ หายหัวไปเลย”
เลขาส่วนตัวของเธอยังติดต่อไม่ได้ คงสลบอยู่ในห้องพักของตัวเองนั่นแหละ นวลฉวีรู้ดีว่าคณิณ์เป็นพวกโลภมากแค่ไหน บางทีตอนนี้... อาจจะยังไม่ลงจากเตียงทั้งคู่ก็ได้
ที่จอดรถเฉพาะกิจ มีรถยนต์หลายคันจอดเรียงกันอย่างไม่มีระเบียบ เจ้าของรถคันหรูค่อย ๆ ถอยรถของตัวเองเข้าที่แคบซึ่งดูแล้วน่าจะพอดีกับรถยนต์ของตน แต่ว่า
กึก!!
“เอ๊ะ!?!” หัวใจเธอกระตุกวูบ เมื่อรู้สึกว่าชนกับอะไรเข้า “ให้ตายเถอะ! กล้องหลังไม่น่ามาเสียเอาตอนนี้เลย!”
ร่างงามหยัดตัวออกจากรถยนต์ราคาแพง ก่อนจะเดินไปดูด้านหลัง และมันเป็นอย่างที่เจ้าหล่อนคิดจริง ๆ เธอถอยมากไปหน่อย จนท้ายรถของตัวเองชนเข้ากับรถยนต์คันใหญ่เข้าให้
“เอายังไงดีล่ะ?” นวลฉวีจ้องมองรถยนต์ปริศนา มันราคาแพงเอาเรื่อง คงไม่ใช่ของคนงานทั่วไปแน่นอน
“คุณนวล~” เสียงเรียกทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเหมือนตัวเองทำอะไรผิดใหญ่โต ก่อนจะหันหลังไปมองคนกำลังวิ่งมาทางตน
“คุณสินนี่เอง”
“ครับ พอดีเห็นคุณนวลก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เลยเดินมาดู” สินธุเดินมาดูท้ายรถยนต์ของทั้งสองคัน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ เพราะเจ้าของรถที่นวลฉวีชนเข้า ‘ปากจัด’ ได้โล่! “ชนรถใครไม่ชน ดันไปชนรถหัวหน้าไซต์งานเสียได้”
“คะ?”
“เอาเถอะครับ ยังไงก็ต้องไปหาเขาอยู่แล้ว บอกเรื่องนี้ไปด้วยเลย จะได้โดนกัดแค่ทีเดียว” สินธุยังรู้สึกขยาดกับคำเสียดแทงของหัวหน้าไซต์งานไม่หาย ก่อนจะเดินนำเจ้านายของตนไปยังที่ที่เขากำลังยืนเครียดอยู่
สินธุเป็นลูกน้องเก่าของสามี เป็นคนดีและทำงานเก่ง เร็ว ๆ นี้เพิ่งได้ลูกสาวน่ารักมาหนึ่งคน นวลฉวีเลยให้เงินขวัญถุงเป็นโบนัสครึ่งปี ทุกครั้งเวลาที่นึกถึงท่าสไลด์ขอบคุณของเขา มันยังทำให้เจ้าหล่อนหลุดขำออกมาทุกที
นวลฉวีเดินตามลูกน้องของตัวเองไป แม้จะยังพะวงกับร่องรอยความประมาทของตัวเองอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เรื่องงานคือเรื่องที่สำคัญที่สุด... หรือเปล่า?
“ผมบอกแล้วไงว่าเริ่มไม่ได้ ปูนที่ผสมไว้เอาไปเททิ้งที่อื่นเลยครับ ยังไงวันนี้ผมต้องหาขอสรุปที่แน่นอนให้ได้ก่อน เหล็กมันเล็กเกินไปที่จะทำบ้านสองชั้น ถึงจะทำได้แต่สุดท้ายจะมีผลระยะยาวแน่!” เสียงชายหนุ่มดังคำรามจนทั่วพื้นที่กว้าง ตอนนี้ไม่มีคนงานคนไหนกล้าขยับตัวเลยสักนิด เพราะหัวหน้าไซต์งานกำลังระเบิดอารมณ์ให้งานแสนชุ่ยที่คนเก่าทำเอาไว้
“ตะ... แต่ว่า ถ้าไม่เริ่มทำ เราอาจจะเสร็จไม่ทันกำหนดนะครับ และมีค่า...”
“แล้วคนที่ได้บ้านไม่มีคุณภาพไปล่ะ เขาอาจจะใช้เงินทั้งชีวิตมาซื้อบ้านพวกนี้นะครับ ไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ!?!”
เสียงตวาดทำเอาคนเพิ่งมาถึงหยุดฝีเท้าทันที เธอกำลังจ้องมองชายหนุ่มร่างสูง แถมหุ่นยังกำยำสมชายชาตรี ตอนนี้ใบหน้าหล่อเข้มจ้องมองลูกน้องตน พร้อมคำพูดทรงอำนาจ
‘หล่อแฮะ แถมยังดูน่าค้นหาอีกต่างหาก’
“เออ...” สินธุไม่กล้าจะเข้าไปใกล้หมาบ้าสักเท่าไหร่ แต่กลับไม่สามารถหลบสาตาคมของเขาได้
“คุณ!” หัวหน้าไซต์งานมาตรงหน้าชายหนุ่มหญิงสาว เขาตวัดสายตาไปหาร่างงามเพียงครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเข้มแน่นจ้องมองชายอีกคนอีกครั้ง “ไหนล่ะคนคุณ?”
“คือ...”
“แล้วต้องแก้ยังไงคะ คุณบอกว่ามันไม่ตรงสเปกใช่หรือเปล่า แค่เหล็ก หรือว่ามีอะไรอีก?” นวลฉวีกอดอกและเชิดหน้ามองชายตรงหน้า เจ้าหล่อนไม่มีความหวั่นเกรงเขาเลยสักนิด ที่มีติดอยู่ในใจก็คือความสนใจในฝีปากของเขาต่างหาก
“ทำไม คุณตัดสินใจแทนเจ้านายคุณได้อย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มตอบกลับทันควัน ทำเอาสินธุหน้าซีด เพราะเรื่องกัดเจ็บ เจ้านายตัวเองอย่างนวลฉวีนั้น... ไม่แพ้กันนักหรอก
“ก็ลองพูดมาสิคะ” เจ้าหล่อนกรีดยิ้มอย่างถนัด เพียงครู่รอยยิ้มนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะดูเหมือนเสน่ห์อันแสนภูมิใจของเธอ... มันไม่ได้ผลกับคนอารมณ์ร้อนสักเท่าไหร่
“เหล็กควรใช้ที่ใหญ่กว่านี้ครับ เพื่อที่ว่าเมื่อนานไปจะได้ไม่มีปัญหา อีกทั้งยังเรื่องอิฐเบาที่ดูไม่ค่อยได้คุณภาพเท่าไหร่ แต่ยังพอใช้ได้อยู่บ้าง แต่สำหรับผมไม่ค่อยเหมาะกับการนำมาสร้างบ้านตามแบบ ถ้าเป็นห้องเล็ก ๆ หรือว่าบ้านที่มีขนาดเล็กว่านี้ คิดว่าจะเหมาะสมกว่า”
ชายหนุ่มอธิบายยาวยืด พร้อมทั้งเจ้าของโครงการกำลังไล่ดูเอกสารในแท็บเล็ตซึ่งสินธุส่งมาให้ เมื่อดูคร่าว ๆ จึงพอเข้าใจถึงความต้องการของชายหนุ่ม เขาแค่อยากทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุดเท่านั้น เสียอย่างเดียวคือคนเก่า... ทำงานแย่เกินไปหน่อย
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นสั่งใหม่ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นยากเลย” นวลฉวีหาทางแก้ได้ทันที แถมยังเป็นวิธีที่แพงแสนแพง ซึ่งหัวหน้าไซต์งานอย่าง ‘คิมหันต์’ หรือ ‘คริส’ เลี่ยงมาตลอด
“นี่คุณ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ผมจะหัวหมุนแบบนี้มั้ย เหล็กตอนนี้มันราคาเท่าไหร่ แล้วต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด คิดว่าเป็นเงินเท่าไหร่ครับ ไหนจะของเก่าอีก”
“นั่นสินะ” หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ คิดตามที่ชายหนุ่มพูด
“ไปเรียกคนที่พอจะตัดสินใจได้มาเถอะครับ เรื่องนี้พวกผมต้องรับผิดชอบนะ ถ้าส่งงานไม่ทันเวลา บริษัทผมต้องเสียค่าปรับอีก” คิมหันต์ขมวดคิ้วแน่น เอามือเท้าเอวมองหญิงสาวรูปร่างดีเหมือนหน้าตาอย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้าอย่างนั้นก็... สั่งใหม่เถอะค่ะ”
“นี่คุณ!”
“คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือคะ ว่าบ้านมันอาจจะเป็นเงินทั้งชีวิตของใครก็ได้ ฉันยอมได้กำไรน้อยลงหน่อย แต่เพื่อความสบายใจ ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องเถอะค่ะ” นวลฉวีกรีดยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง ทำให้คิ้วเข้มขมวดแน่นของชายหนุ่มค่อย ๆ คลายออก
“คุณ...”
“นวลฉวีค่ะ เป็นประธานบริษัท ‘สิณารา’ เจ้าของโครงการนี้” เจ้าหล่อนยืนมือออกไป อยากทักทายกับคนตรงหน้าอย่างเป็นทางการ แต่เขากลับ...
คิมหันต์ยกมือขึ้นไหว้หญิงตรงหน้าแทน เป็นการทักทายแบบไทย และอีกเหตุผลก็คือ... เขาไม่ค่อยชอบสัมผัสกับร่างกายของผู้หญิงสักเท่าไหร่ ทำให้คนวาดเรียวมือเพื่อเช็กแฮนด์ชักมือกลับมารับไหว้แทบไม่ทัน
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น...”
“ส่วนเรื่องของที่ผิดสเปก คุณพอหาทางออกให้ฉันได้หรือเปล่าคะ? คุณบอกว่าถ้าเป็นบ้านสเกลเล็กกว่านี้น่าจะพอหาให้ได้ ถ้าอย่างนั้น...”
“ไม่มีปัญหาครับ ปัญหาคือส่วนต่างที่ถูกโกงไปต่างหาก ราคามันเลยขึ้น” อีกเรื่องที่คิมหันต์หงุดหงิดที่สุดคือเรื่องของที่ไม่ได้คุณภาพพวกนี้ ซึ่งราคาไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด หากเป็นคนของที่อื่น เขายังพอเอาไปอ้างได้บ้าง แต่นี่มันคนของบริษัทตัวเองทั้งนั้น เรียกได้ว่าผิดเต็มประตู
“ถ้าเรื่องส่วนต่างค่อยคิดอีกทีก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหาที่ปล่อยของให้ฉันได้ ฉันจะยอมยืดสัญญาออกไปอีกสักหน่อย เท่าที่คุณต้องการค่ะ”
คิมหันต์จ้องลึกมองใบหน้าสวยของหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาเธอเองจ้องมองเขาเช่นกัน ความลังเลไม่มีเลยสักนิด ความคิดที่ว่าประธานคนใหม่เป็นพวกไม่ได้เรื่องค่อย ๆ เลือนหายไป... กลายเป็นความรู้สึกวูบวาบไปทั้งกายเข้ามาแทน