Ginx's to meet you :: CHAPTER 8 น้องสาวของผม Part.2 [50%]

2590 Words
Ginx’ s to meet you. [8] น้องสาวของผม Part.2 คำพูดของเธอทำให้ผมยิ้มออกมาอีกครั้งแต่เป็นยิ้มที่ยังคงอยู่ตรงมุมปากไม่ได้อยู่ยิ้มกว้างแบบที่เธอกำลังทำอยู่ ไนล์ถอยออกจากตัวของผมและแหวกว่ายน้ำทะเลไปเรื่อยๆ จนผมว่ายตามเธอจากนั้นก็ดำน้ำลงไปด้านล่าง พอไปไกลเธอผมก็จับขาเธอเอาไว้และสอดคอเข้าไปใต้ระหว่างขาจากนั้นก็ผุดขึ้นมาเหนือน้ำ “ว้าย!” ไนล์ตกใจวางมือบนศีรษะของผมด้วยความตกใจแต่ก็หัวเราะออกมาด้วยที่เวลานี้เธอกำลังขี่คอผมอยู่ “ทำอะไรคะเนี่ย” “อยากได้ภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือเปล่า?” เธอก้มหน้ามองผมก่อนจะตะโกนเรียกคนของพ่อที่เดินออกมา ไนล์ก็บอกให้หยิบมือถือของตัวเองและถ่ายรูปเราสองคนตอนนี้เอาไว้สองสามรูป เราสองคนก็เล่นน้ำทะเลกันเกือบจะได้เล่นกันในน้ำจริงๆ แล้วล่ะ แช่ตัวอยู่ในน้ำนานเกือบสองชั่วโมงไนล์กับผมก็ขึ้นมาด้านบน เพราะเริ่มหิวแล้วเธอก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตก ได้ภาพของเราหลายรูปเลยล่ะ ผมออกจากห้องน้ำต่อจากไนล์เห็นร่างบางกำลังนั่งไถมือถือและดื่มไวน์ไปด้วย เธอสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียวเท่านั้นแต่ไม่ได้บางถึงขนาดเห็นข้างในหมดนะ เหมือนเดิมคือเธอไม่ได้สวมชั้นในหรอก ส่วนผมก็นุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวกำลังเอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดศีรษะที่เปียกน้ำ ทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอและมองหน้าจอที่เวลานี้ไนล์กำลังคุยกับใครสักคนพอผมมานั่งเธอก็กดออกมาดูรูปภาพแทน “อยากลงไอจีจัง” “ก็ลงสิ” “เห็นหน้าคุณจิณณ์นะคะ เดี๋ยวแฟนๆ ฉันถาม” “บอกว่าพี่ชายก็จบ” เธอหันมามองผมพลางยิ้มขำ “อะไร?” “พี่ชายอะไรคะให้ขี่กันขนาดนี้ คงจะเชื่อกันหรอก” ก็จริงนะ... รูปแต่ละรูปคือแทบจะไม่เหมือนพี่น้องกันด้วยซ้ำ เหมือนพี่น้องท้องติดกันซะมากกว่า “เก็บไว้แบบนี้ก็ดีนะคะ ไม่ต้องลงให้ใครเห็นหรอก ให้ฉันเห็นคนเดียวก็พอ” ไนล์พูดจบก็วางมือถือลงบนโต๊ะเอนศีรษะพิงกับแผงอกผมพลางจิบไวน์ไปด้วย ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตของเธอพลางบีบเค้นทรวงอกไปด้วยขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันแล้ว “คนของคุณจิจะไม่ปากมากใช่ไหมคะ?” “ไม่หรอก ฉันขู่ไปแล้ว” ยังไงก็ต้องถึงขั้นขู่กันหน่อยถ้าเกิดปากมากไปบอกพ่อว่าผมกับไนล์เราทำอะไรกันบนเรือบ้างน่ะ เพราะแบบนี้ถึงได้ให้เงินปิดปากและขู่ว่าจะต้องโดนอะไรบ้างมันก็ตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ ไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเขาอยู่ในที่ที่ควรอยู่มันก็ถูกต้องแล้ว ผมหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มบ้างพลางมองออกไปยังท้องทะเล ถึงจะอยู่ข้างในก็มองเห็นเพราะรอบๆ เป็นกระจกทั้งหมด “เมื่อกี้คุยกับใคร?” “เห็นเหรอคะ” ไม่เห็นหรอกถึงได้ถามไง ได้แต่คิดในใจ “เพื่อนค่ะ” “ผู้ชายด้วยสิคะ” “รู้ได้ไงคะ” “เดาเอา แสดงว่าจริง” แม้ว่าเราสองคนจะมีกฎด้วยกันคือนอนไม่มีความสัมพันธ์เชิงนั้นก็ตามที “นอนด้วยกันยัง” “นิสัยไม่ดีนะคะ ถามแบบนี้” ไนล์ฉุนเฉียวที่ผมถามในสิ่งที่อยากรู้ “ถ้านอนคุณจิณณ์มีปัญหาเหรอคะ?” “แค่ถาม” ยักไหล่ไหว “ปกป้องกันดีๆ ด้วย” “รู้ค่ะ ฉันไม่ใช่คนโง่นะ” “แสดงว่าอยากจะนอนกับหมอนั่น” “ไม่ได้อยากนอนกับเขาค่ะ” ใบหน้าสวยโน้มเข้ามาใกล้ผมจากนั้นก็ขึ้นคร่อมผมทันทีโอบกอดลำคอผมและพรมจูบลำคอจนผมแหงนหน้าขึ้นให้เธอทำได้ถนัด “อยากนอนกับพี่ชายมากกว่า” “พูดได้ดีนะ” ฝ่ามือของผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของไนล์ออกทีละเม็ดอย่างใจเย็นก่อนจะดันมันไปไว้ด้านหลังเผยให้เห็นเรือนร่างยที่เปลือยเปล่าของเธอ “เดี๋ยวจะเลียให้ครางลั่นทะเล” “เดี๋ยวฉันก็จะอมให้คุณพี่ชายครางลั่นทะเลเหมือนกันค่ะ” ไนล์ต่อปากต่อคำกับผมก่อนจะเป็นฝ่ายจู่โจมผมก่อนด้วยการบดขยี้จูบบนริมฝีปากแดงคล้ำ บรรจงจูบอย่างดูดดื่มจนผมครางออกมาในลำคอ สิ่งที่ทำได้คือการระบายด้วยการบีบเค้นทรวงอกของเธออย่างเมามัน บีบบี้ขยี้ยอดอกที่แข็งเป็นไตพร้อมให้ผมได้ดื่มกินอย่างเต็มที่ “69” “คะ?” เธอมึนงงไม่น้อยที่จู่ๆ ผมก็พูดถึงตัวเลขขึ้นมา ใบหน้าสวยทำหน้านึกคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เธอผลักผมให้เป็นฝ่ายนอนราบจากนั้นก็คร่อมร่างของผมด้วยการหันบั้นท้ายอวบอิ่มมาและเธอก็หันหน้าไปทางกึ่งกลางชายของผม พอจัดท่าทางได้เรียบร้อยมือเล็กก็กอบกุมความเป็นชายพลางชักรูดมันจนผมร้องครางในลำคอ วางมือประคองสะโพกผายจากนั้นก็โน้มใบหน้าแลบลิ้นเลียส่วนที่อ่อนไหวจนไนล์กระตุกเล็กน้อยทันทีที่ผมส่งลิ้นเข้าไปทักทายโพรงแคบๆ รสสัมผัสอันซ่านหวิวที่เราสองคนกำลังทำ บ่งบอกได้อย่างดีเยี่ยมว่าเราต้องการกันและกันมากแค่ไหน ผมใช้ลิ้นดุนดันตวัดตรงรอยแยกที่เริ่มมีแอ่งน้ำหวานให้ได้ดื่มกินอย่างมูมมาม ไม่ต่างจากเธอที่เวลานี้กำลังครอบครองแท่งร้อนของผมอยู่ในโพรงปากเล็กที่กำลังขยับอ้าอมอย่างรวดเร็ว “อื้ม” “นะ ไนล์” ผมเรียกชื่อเธอทั้งที่กำลังเลียไปด้วย เสียงครวญครางของเราสองคนผสานกันไปทั่วเรือโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนของพ่อจะได้ยินถึงได้ยินมันก็ไม่มีปากเอาไว้พูดแน่ถ้าพูดเรื่องนี้ “อย่าเลียแบบนั้นสิคะ” “เลียแบบไหน?” เอ่ยถามพลางตวัดเรียวลิ้นตรงรอยแยกและจุดเสียวจนไนล์บิดเกร็งครางออกมาเป็นระยะ ผมเคล้นคลึงสะโพกผายและทำหน้าที่ของตัวเองต่อโดยใช้เวลานานพอควรจนไนล์แตกไปหลายรอบ ส่วนผมก็ยังไม่มีท่าทีที่จะแตกเลยสักนิดจนไนล์เริ่มอมจนเมื่อยปากผมก็เลยให้เธอขยับตัวออกและจัดการรูดรั้งมันด้วยมือของเธอเพื่อทำให้ผมปลดปล่อยออกมาสักที นั่งมองร่างเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำให้ผมก็หลับตาลงพลางอ้าปากขึ้นเพื่อครางออกมา กระทั่งท่อนเอ็นเริ่มขยายใหญ่เต็มมือผมก็กระตุกเกร็งปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเลอะมือของไนล์เธอก็รูดมันอีกสองสามครั้งเพื่อรีดน้ำของผมให้ทะลักออกมาให้หมด เมื่อทำกันเสร็จเรียบร้อยก็ต้องเข้าไปอาบน้ำด้วยกันอีกรอบ เป็นครั้งแรกที่ได้อาบน้ำด้วยกันเห็นแล้วอยากจับกดในห้องน้ำชะมัด ถ้าไม่ติดว่ามีคนของพ่อมาด้วยป่านนี้ผมจับเธอกระแทกจนตะวันตกดินไปแล้ว “พระอาทิตย์ตอนกำลังตกดินสวยนะคะ” ผมหันไปมองใบหน้าสวยด้านข้างที่กำลังจดจ้องมองพระอาทิตย์ที่เคลื่อนลงเรื่อยๆ หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ไนล์สวมชุดเดรสกระโปรงเกาะอกลายดอกไม้ ส่วนผมก็สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเลสีดำยืนล้วงกระเป๋ากางเกงข้างๆ เธอที่กำลังมองแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมเรือนร่างของเราสองคนในเวลานี้ “รู้ไหมคะ ฉันเคยอธิษฐานขอพรตอนพระอาทิตย์ตกด้วย” “ไม่เห็นจะเข้าท่า” ไนล์ทำหน้าบูดใส่ผมที่เผลอพูดคำที่ไม่เคยเอ่ยออกไป “แต่มันเป็นจริงนะคะ” “ยังไง?” “ก็ตอนนั้นฉันเคยขอให้ตัวเองได้งานเดินแบบ ตอนมาเที่ยวกับเกรซเพื่อนสาวน่ะค่ะ” ผมก็เป็นผู้ฟังที่ดีของเธอตลอดนั่นแหละ แม้ว่าเรื่องแบบนี้มันจะดูไร้สาระไปหน่อยก็เถอะนะ “วันรุ่งขึ้นได้งานเลยนะคะ แถมเป็นงานใหญ่ทำให้ฉันเป็นที่รู้จักด้วย คุณจิณณ์ลองขอสิคะก่อนที่พระอาทิตย์จะลับตา” “ไม่เอา” มันโคตรจะปัญญาอ่อนเลยว่าไหม? ขอพรกับพระอาทิตย์พระจันทร์เนี่ย ผมว่ามันไม่เห็นจะเข้าท่าและเป็นจริงตรงไหนเลย บางทีอาจจะฟลุ๊คก็ได้หรือเธอมีความสามารถเธอก็เลยได้งานแบบนี้อะ “ลองดูไม่เห็นจะเสียหายเลยนะคะ” “ฉันไม่เชื่ออะไรแบบนี้หรอก” ตอบไนล์ที่เท้าเอวมองผมอย่างเอาเรื่อง ท่าทางของเธอทำให้ผมวางมือลงศีรษะและผลักเบาๆ จนเธอปัดมือผมออกแกมงอน “เฮ้อ ก็ได้ พอใจหรือยัง” “ดีมากค่ะ ขอเลยแต่ไม่ต้องบอกฉันนะคะ ไว้ถ้าคำขอเป็นจริงค่อยมาบอกฉันค่ะ” ไนล์ดีใจและจ้องหน้าผมที่เอานิ้วมือสอดประสานเข้าหากันหลับตาลง ในหัวก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี สิ่งที่ทำได้คือให้มันว่างเปล่าไปนั่นแหละดีแล้ว ทว่าจู่ๆ ความรู้สึกหนึ่งก็ดันแวบเข้ามาในหัวและทำให้ผมขอสิ่งนั้นไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่มีวันเป็นไปได้ “เสร็จละ” ลืมตาขึ้นมองไนล์ที่ชูมือถือแอบถ่ายรูปผมอีกสินะ จังหวะนั้นพระอาทิตย์ก็ค่อยๆ เลื่อนหายไปหลงเหลือไว้แค่เพียงแสงสีส้มที่กำลังจะถูกกลืนกินด้วยสีดำก็เท่านั้น “กลับกันได้แล้ว” “ค่ะ” เรือยอร์ชแล่นกลับมาถึงท่าเรือเกือบทุ่มพอดี เราสองคนมาถึงบ้านพักในเวลาต่อมาพ่อกับคุณนารีก็กำลังช่วยกันทำอาหารทะเลและบาร์บีคิว ไนล์บอกว่าเมื่อวานก็ทำกินกันหากแต่ว่าพอผมไม่ได้มาก็เลยทำกินกันต่อ ผมเดินมานั่งที่โซฟาพลางหยิบกระป๋องเบียร์เปิดขึ้นดื่ม มองพ่อ คุณนารีและไนล์กำลังช่วยกันทำอาหาร รอยยิ้มของพ่อทำให้ผมหงุดหงิดมากจริงๆ ทีตัวเองมีใครใหม่ก็ได้ ทำไมเป็นผมถึงต้องขัดขวางทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย พอเห็นแบบนี้กระป๋องเบียร์ที่ถืออยู่ก็ถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ สิ่งหนึ่งที่ผมไม่มีวันทำเลยก็คือการเอาคืนพ่อแบบผิดๆ เช่นทำให้คุณนารีกับไนล์อยู่ไม่ได้ ข้อนี้ผมไม่เคยคิดจะทำมันเลยสักนิด เพราะพวกเธอไม่ผิดถ้าหากผมต้องการแก้แค้นพ่อ มันมีอีกหลายวิธีที่ไม่ใช่วิธีนี้ ทุกวันนี้ผมยังคงเกลียดและโกรธพ่ออยู่ตลอดหลายปี ชีวิตของผมมืดมนมาตลอดนับตั้งแต่แม่จากไป แต่เพราะเธอคนนั้นอยู่เคียงข้างผม จับมือผมให้ลุกขึ้นยืนได้แถมยังอยู่ดูแลผมตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พ่อกลับมาพรากเธอไปจากผม... พรากเธอไปในแบบที่ไม่มีวันหวนกลับมา พอคิดมาถึงตรงนี้คำขอของผมที่ไนล์ให้ทำมันจะเป็นจริงได้ยังไงกันล่ะ? ผมไม่เคยเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว ขอไปมันก็เท่านั้นแค่ความคิดถึงที่ไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจของผม “กินสิ พ่อย่างมาให้” และก็พยายามทำตัวเป็นคนดีเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ทำกับผมเอาไว้ พ่อคิดว่าแค่นี้จะทำให้ผมหายโกรธหรือไง ผมมองพ่อที่ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกันจานอาหารทะเลที่มีกุ้งแกะเรียงอย่างสวยงาม เนื้อปูและปลาหมึกหั่นพอดีคำพร้อมถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด “นารีจัดการให้แกเลยนะ” “...” ผมไม่ตอบอะไรกลับดื่มเบียร์จนหมดกระป๋องและเปิดดื่มอีก “แกเจอเธอมาใช่ไหม ที่หายไป” คำถามของพ่อทำให้ผมหยุดชะงักมือที่กำลังจะหยิบกุ้งมากิน “ได้คุยกับเธอหรือเปล่า?” “ถ้าคุย ผมจะหนีทำไม” ตอบแค่นั้นก็กัดเนื้อกุ้งที่ย่างจนฉ่ำหวานกินเปล่าๆ โดยไม่จิ้ม “เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” “จิณณ์” พ่อมองผมพลางถอนหายใจออกมา ใครกันแน่ที่ควรหงุดหงิดใครน่ะ “พ่อไม่อยากให้แกเป็นแบบนี้” “ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะใคร?” กระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมเพช “เธอคือทุกอย่างในชีวิตผม!” “...” เสียงตะโกนใส่หน้าพ่อทำให้ทั้งคุณนารีและไนล์ที่กำลังย่างบาร์บีคิวตกใจทันที “แต่พ่อก็มาพรากเธอไปจากผม จะมารู้สึกผิดทำบ้าอะไร ทำไมตอนทำถึงไม่คิดถึงใจผมบ้าง!” ชี้นิ้วเข้าหากตัวเอง หอบหายใจหนักพลางลุกขึ้นยืน กัดผนังในปากจนเจ็บหนึบแต่มันก็เจ็บไม่เท่ากับใจที่บอบช้ำของผมตอนนี้หรอก “Damn It! (แม่งเอ้ย!) ” “แกจะให้พ่อทำยังไง แกถึงจะเลิกเกลียดพ่อสักทีจิณณ์” “กลับไปแก้ไขทุกอย่าง ทำได้ไหมล่ะ?” สายตาของผมจับจ้องมองพ่อราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่พ่อของผม แต่หากเป็นคนอื่นผมคงตรงไปบีบคอเขาให้ตายคามือ นั่นทำให้คุณนารีวิ่งมาประคองร่างสูงใหญ่ที่ยืนตัวสั่น “ถ้าไม่ได้ ก็เลิกพูด เลิกทำตัวเป็นพ่อที่ดีสักที” “ไอ้จิณณ์!” “คุณจิใจเย็นๆ นะคะ” “หลังจากที่ผมเสียแม่ไป เธอก็อยู่เคียงข้างผมมาตลอด พ่อก็รู้ดีนี่?” ผมแสยะยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา “ถ้าผมกับเธอยังอยู่ด้วยกัน ป่านนี้ผมคงขอเธอแต่งงานไปแล้ว! มันก็เพราะพ่อทำมันพังไปหมดทุกอย่างไง” “...” “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกพูดเรื่องนี้ พ่อเป็นคนเริ่มมันขึ้นมา งั้นก็ทนฟังผมให้จบก็แล้วกัน!” พูดจบผมก็เดินเข้าไปด้านในก่อนจะเก็บกระเป๋ายัดเสื้อผ้าลงหิ้วมันออกจากตัวบ้าน ปลดล็อกรถเพื่อขับรถกลับ ผมรู้ว่าพ่ออยากทำอะไรเพื่อผม แต่ผมก็ยกโทษให้เขาไม่ได้จริงๆ หมับ “คุณจิณณ์คะ” ต้นแขนของผมถูกฝ่ามือเล็กคว้าไว้ก่อนจะได้เข้าไปนั่งในรถ “อย่าไปเลยนะคะ ขับรถตอนที่กำลังโมโหมันอันตราย” “ปล่อย” ผมถอนหายใจและสั่งให้ไนล์ปล่อยแขนผม “เธอไม่รู้ว่าเวลาฉันโกรธ มันเป็นยังไง” [50%] *--------------------------------------------*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD