ตอนที่ 13 : อยากมีแฟน
ฉันกลับมาอยู่คอนโดของพี่ไอร์หลังจากพูดคุยเรื่องงานกับเพื่อนเสร็จ และกลับมาด้วยแท็กซี่เหมือนเดิม ต่อให้จะแพงหูฉี่แต่ก็เป็นทางเดียวที่ฉันจะกลับคอนโดได้ เราทั้งสี่คนนั่งพูดคุยกันในคาเฟ่เล็กๆกันเป็นชั่วโมง ทั้งคุยเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่ฉันจะเป็นคนนั่งฟังมากกว่า คำพูดของทั้งสามคนเหมือนจะมีประสบการณ์ความรักกันมาหมดแล้ว และดูท่าจะลึกซึ้งกับแฟนตัวเองกันทุกคน
ระหว่างทางที่กลับจากคาเฟ่ฉันคิดมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดวนไปวนมา ตอนนี้ฉันนึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากพี่เทเลอร์ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวยเวลาอยู่กับเขา มีแต่ความรู้สึกไม่ชอบหน้ามากกว่า เพราะเขาเอาแต่บ่นฉันตลอดเวลา แถมยังเย็นชาหน้าบึ้งใส่ฉันตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นพี่เตวินท์ฉันคงไม่กล้าไปขอร้องให้เขามาเป็นแฟน และสอนเรื่องความรักกับฉัน ส่วนคนอื่นที่ไม่รู้จักคงไม่มีทางที่ฉันจะไปขอเขาเป็นแฟน เขาคงคิดว่าฉันบ้า
"โอ๊ย...ยัยน้อยหน่าเอ๊ย นี่ฉันกำลังทำอะไรเนี่ย แค่จะหางานทำไม่ใช่เหรอ หางานอื่นจะง่ายซะกว่า"
หลังจากพูดจบฉันก็กลับมาท่องโลกอินเทอร์เน็ตหางานพาร์ทไทม์ทำ ดูท่าคงไม่เหมาะกับงานที่เพื่อนเสนอให้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
"ฟู่ววว..." ริมฝีปากบางเป่าลมออกจากปาก ก่อนจะกดหัวลงกับสมุดโน้ตพร้อมกับเอาหัวตัวเองโขกไปด้วย มือบางทั้งสองข้างขยี้หัวราวกับไม่ได้อย่างที่ใจหวัง
"นี่ค่าแรงประเทศไทยเหรอเนี่ย ไม่เห็นจะมีที่ไหนได้เงินดีเหมือนของมิวเลย ถ้าไม่ทำก็ต้องแบมือขอแต่เงินอย่างที่เขาพูด คราวนี้แหละพี่เทเลอร์คงหัวเราะเยาะฉันดังกว่าเดิมแน่ แค่เมื่อวานเสียงหัวเราะของเขาก็รู้ว่าดูถูกคำพูดฉันแค่ไหน"
ฉันใช้เวลาหางานเป็นชั่วโมง มีงานมากมายให้ทำแต่เงินค่าตอบแทนไม่ได้ดีเท่ากับงานเด็กนั่งดริ้งค์เลย และฉันก็ยังอายุไม่ถึงยี่สิบจะทำงานกลางคืนร้านไหนก็ค่อนข้างยากนอกซะจากมีคนรู้จักชวนไปทำ แต่ประสบการณ์การเข้าใกล้ผู้ชายในระยะประชิดฉันยังเคยได้สัมผัส ยกเว้นแต่....
"วันที่เขาเอื้อมมาคาดเข็มขัดให้ฉัน"
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ดวงตากลมโตมองโทรศัพท์เครื่องเก่าอย่างชั่งใจ
"เอาวะน้อยหน่า ไม่ลองก็ไม่รู้ อย่างน้อยเขาก็น่าจะมีประสบการณ์มากกว่า"
มือเรียวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นคนดูแลเปรียบเสมือนผู้ปกครอง การที่เขาอายุโตกว่าและเป็นถึงผู้ปกครองของฉันเขาน่าจะสอนเรื่องแบบนี้ได้ และอีกอย่างฉันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว
ภายในห้องทำงานของรองประธานหนุ่ม
ร่างสูงกำลังใจจดใจจ่อกับงานตรงหน้า เทเลอร์จะคอยตรวจทานเอกสารก่อนที่จะเอาไปให้นายใหญ่ของเขาเซ็น ถึงแม้เขาจะมีอำนาจในการเซ็นเอกสารแต่ก็ไม่เคยคิดจะข้ามหน้าข้ามตาเจ้านายหนุ่มอย่างชาร์ล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขออนุญาตค่ะคุณเทเลอร์...เอกสารเกี่ยวกับการบริหารที่คุณเทเลอร์ต้องการดิฉันหามาให้แล้วค่ะ ส่วนอันนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่คิดว่าน่าจะต้องใช้ค่ะ"
"ขอบคุณครับคุณอิงฟ้า คุณทำงานรอบคอบเหมือนเดิม ไม่เสียแรงที่ผมกับท่านประธานคัดเลือกคุณเข้ามาทำงาน"
"ขอบคุณค่ะ" ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูนู้ดคลี่ยิ้มให้กับรองประธานหนุ่ม ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่หลงรักเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่มีท่าทีโอนอ่อนไปกับอาการของเธอ ยังคงเย็นชาและเรียบนิ่งไม่ต่างจากวันแรกที่เธอเข้ามาทำงาน
"เชิญครับ" เทเลอร์ส่งสายตาไปที่ประตูห้องเพราะเห็นว่าเธอยังคงยืนไม่ยอมออกไปเสียที
"เย็นนี้คุณเทเลอร์มีธุระที่ไหนไหมคะ พอดีว่า..."
"ขอโทษครับถ้าสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้อาจทำให้คุณอิงฟ้ารู้สึกไม่ดี...ผมค่อนข้างจริงจังกับงานที่ทำ และไม่เคยคิดเกินเลยกับพนักงานคนไหน ผมคิดว่าคุณอิงฟ้าหยุดความคิดพวกนั้นดีกว่า เวลาทำงานจะลำบากใจกันเปล่าๆ นี่คือสิ่งที่ผมจะพูด และคิดว่ามันคือคำพูดที่ซอฟต์ลงเยอะหวังว่าคุณอิงฟ้าจะเข้าใจ ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่พูดรักษาน้ำใจใคร คุณน่าจะรู้ดี" สายตาคมกริบมองคนตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังแสดงความรู้สึกบางอย่างให้เขา
"ค่ะ"
ติ๊ง...
เสียงแจ้งเตือนทำให้สายตาคมกริบละไปมองเพียงนิด และส่งสายตาไปที่หญิงสาวที่ยังยืนอยู่ ในที่สุดเธอก็ยอมเดินออกไป
LINE
น้อยหน่า : ตอนเย็นพี่เทเลอร์ว่างไหมคะ หนูมีเรื่องจะคุยด้วย มาเจอหนูที่คอนโดได้ไหมคะ
สายตาคมกริบอ่านข้อความที่เด็กสาวส่งมา
เทเลอร์ : หกโมงเย็น
“หวังว่าเรื่องที่เธอจะคุยคงมีสาระมากพอ”
เทเลอร์ตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์เครื่องหรูลง และกลับมาทำงานเหมือนเดิม
————————
18.00 น.
ดวงตากลมโตมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล พลางรอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ฉันนั่งทำใจมาตั้งแต่ส่งข้อความหาเขา และพยายามหาคำพูดที่พอจะให้คนอย่างพี่เทเลอร์เข้าใจ หวังว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการเหมือนกัน
ก๊อก ก๊อก…
“ตรงเวลาเป๊ะ!”
ฝีเท้าเรียวเล็กรีบเดินไปเปิดประตูให้โดยไม่ต้องมองกล้องว่าใครเป็นคนเคาะ เพราะคอนโดนี้ปลอดภัยมากไม่มีทางที่จะมีคนอื่นขึ้นมาได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด
แกร่ก…
สายตาคมกริบมองหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น คนที่ไม่อยากเจอเขาแต่กลับส่งยิ้มแหยๆมาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนอย่างเธอคงมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือ
“สวัสดีค่ะพี่เทเลอร์”
“พูดเรื่องของเธอมา” เพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องเธอ น้ำเสียงเข้มก็พูดทันที
“เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำให้นะคะ” ฉันเดินเลี่ยงไปเอาน้ำให้เขาในจังหวะที่เขาเข้ามานั่งที่โซฟาขนาดปานกลางภายในห้อง เพื่อกลบความตื่นเต้นของตัวเอง
กึก กึก กึก...
มือที่สั่นเทาถือน้ำมาวางตรงหน้าของชายหนุ่มร่างสูง สายตาคมยังจับจ้องมาที่ฉันไม่วางตา
เทเลอร์มองการกระทำของเด็กสาวตั้งก้าวเข้ามาในห้อง แม้แต่ตอนที่เธอเดินไปหยิบน้ำมาให้ยังไม่ละสายตาไปไหน ไม่ได้หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของเธอแต่มองสิ่งที่เธอกำลังซ่อนอยู่ข้างในให้ระบายมันออกมา
"คะ คือ...หนู"
"ฉันไม่ชอบพวกอ่ำๆอึ้งๆ มีอะไรก็พูดมาก่อนที่ฉันจะใช้ปืนง้างปากเธอ"
อึก
ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่กับคำขู่ของเขา สายตาดันเหลือบไปเห็นปืนสีดำเงาวับที่เหน็บอยู่ข้างเอว ทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ สีหน้าและแววตาของพี่เทเลอร์กำลังบอกว่าไม่ได้พูดเล่น
"มาเป็นแฟนกับหนูไหมคะ"
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ เทเลอร์ได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาทุกคำ ใบหน้าคมคายยังคงนิ่งเรียบไม่ได้ตกใจกับคำพูดของเธอ
"นี่คือเรื่องที่เธออยากคุยกับฉันใช่ไหม ไร้สาระสิ้นดี"
"เดี๋ยวสิคะ"
น้อยหน่ารีบห้ามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะตั้งท่าลุก
"จริงๆนะคะ หนูอยากมีแฟน แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน"
"ลองหาตามตลาดดูละกันเผื่อเจอ"
"แฟนนะคะไม่ใช่ผักจะได้หาตามตลาด…หนูแค่อยากรู้ว่าเวลาคนเป็นแฟนกันความรู้สึกเป็นยังไง แล้วก็เรื่อง...เอ่อ เรื่องแบบนั้นทำไมคนเป็นแฟนต้องทำกัน หนูอยากมีประสบการณ์และอย่างรับรู้ความรู้สึกพวกนั้น"
สิ่งที่ฉันเรียบเรียงมาก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา ทุกอย่างมันดูลนลานและตะกุกตะกักไปหมด มือบางกุมกันไว้แน่นเพื่อข่มอาการสั่นเทา ใบหน้าหวานได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเมื่อเห็นสายตาคมคู่นั้นจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขนาดฉันยืนอยู่ห่างจากเขาพอประมาณแต่ยังรู้สึกเสียวสันหลัง เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนฉันถึงอยากให้ฉันมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับเพศตรงข้าม และถ้าฉันไปเจอคนที่ไม่รู้จักคงทำตัวไม่ถูก
"มากรุงเทพไม่ถึงเดือนใจแตกอยากมีผัวจนตัวสั่นสินะ อยากลองขนาดต้องมาอ้อนวอนขอให้ฉันทำให้" คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นการตั้งคำถาม ตั้งแต่เขาใช้ชีวิตมาจนถึงป่านนี้ยังไม่เคยมีเด็กคนไหนกล้ามาพูดกับเขาตรงๆแบบนี้มาก่อน
"หนูแค่อยากมีประสบการณ์เฉยๆ เราลองเป็นแฟนกันสองอาทิตย์ได้ไหมคะ"
"หึ...เธอมีอะไรที่ฉันคาดไม่ถึงนะ"
"....." รอยยิ้มนั้นทำฉันรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่รอยยิ้มเหมือนพี่เตวินท์ แต่มันเป็นเหมือนรอยยิ้มของตัวร้ายที่ฉันมักเห็นในละคร
"ฉันจะได้อะไรตอบแทน…ถ้าตอบตกลง"
"หนะ หนูไม่รู้ค่ะ"
"ฉันเป็นพวกชอบผลตอบแทนที่คุ้มกับเวลาที่เสียไปซะด้วยสิ"
ฝีเท้าเรียวเล็กก้าวถอยหลังเมื่อเห็นว่าร่างสูงลุกขึ้นและเดินตรงมาหาฉันอย่างช้าๆ รอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรกำลังฉายอยู่บนใบหน้าคมคาย ต่อให้เขายกยิ้มมุมปากแต่สายตาคู่นั้นกลับไร้ความรู้สึก ฉันไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้เลย ในตอนแรกดูเหมือนจะไม่ยอมรับคำร้องขอของฉัน แต่อยู่ดีๆก็ดูเหมือนเขาเปลี่ยนใจ แต่การเปลี่ยนใจของเขาทำให้ฉันหวาดหวั่น
ตึก ตึก ตึก
ฝีเท้าแกร่งก้าวตามเด็กสาวที่ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ มือหนาดึงเนกไทให้หลวมในจังหวะที่เดินไปด้วย สายตาคมไม่มีแม้แต่จะละออกจากใบหน้าหวานที่กำลังหวาดผวา
ปึก
แผ่นหลังบางแนบชิดกับผนังห้อง ใบหน้าหวานหันซ้ายหันขวากำลังใช้ความคิดว่าตัวเองควรหลบไปทางไหนแต่ทุกอย่างก็ช้าเกินไปเมื่อชายหนุ่มร่างสูงมายืนประจันหน้า ความใกล้ทำให้ฉันได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาคละคลุ้งไปกับกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิม