“อืมม์… งานหนักเนอะรายได้ก็ไม่เยอะเท่าไร พี่จะหาทางช่วยมีนาก็แล้วกันนะ” คาร์โลวเอ่ยขึ้นอย่างหวังดี มองสบนัยน์ตาของมนต์มีนาอย่างจริงใจ แววตากระจ่างใสไร้จริตมารยา มีเพียงดวงตาสุกใสมองโลกในแง่ดีของมนต์มีนาที่มองกลับ หัวใจหนุ่มเต้นรัวรู้สึกแปลกๆ เมื่อดวงตาสาวน้อยเบื้องหน้าดูเหมือนจะดึงดูดตัวเขาเองให้หลงมัวเมา เขาสะบัดใบหน้ารีบเสหลบจากการสบสายตากับมนต์มีนา เมื่อรู้สึกแปลกๆ อยากรวบเรือนกายบอบบบางเข้ามาสู่อ้อมแขน และมันไม่เหมาะสมเพราะมนต์มีนายังอยู่ในวัยเด็กน้อย ไม่ประสีประสาเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ชายหนุ่มเสแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเกือบพบค่ำ ก่อนจะเอนกายลงนอนมองกลุ่มก้อนเมฆที่ลอยร่องเรียงรายบนฟ้ากว้าง เมื่อเข้าไปในโถงถ้ำไม่แคบเท่าไร สามารถเข้าไปนั่งขดตัวได้สบายๆ โดยไม่ต้องเบียดกัน ปากถ้ำหันหน้าออกทะเล มีวิวเป็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา กับสายลมเย็นๆ พัดโชยเข้ามาจนรู้สึกเย็นสบาย เหนือถ้ำมีช่องว่างพอให้มองเห็นท้องฟ้าสีสดสวยไกลหูไกลตา พร้อมทั้งเอ่ยชักชวนสาวน้อยใกล้ตัวให้หันไปสนใจฟ้ากว้างเหนือศีรษะจะได้ไม่ตื่นเต้นแปลกๆ ยามร่างกายแนบชิดติดกัน
“มีนาดูก้อนเมฆซิสวยมากเลย เชื่อไหมพี่ไม่เคยนอนมองดูฟ้าสวยๆ แบบนี้มาก่อนเลยนะ” คาร์โลวเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี มุมปากยกยิ้มอย่างชอบใจ เมื่อกลุ่มก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์เรียงตัวเต็มท้องฟ้ากว้าง จนผืนฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆกระจายเต็มท้องฟ้าอย่างอิสระเสรี
“อืมม์…มีนาเห็นบ่อยแล้วค่ะ พี่ชาร์ลอยู่แต่ในบ้านไม่เงยหน้ามอง ก็ไม่มีทางเห็นท้องฟ้าสวยๆ หรอกคะ”
“นั่นซิ สิ่งสวยงามล้ำค่าพี่พบเจอที่กระบี่นี่หลายสิ่งด้วยกัน รวมทั้งมีนาเองด้วย”
“คะ…” มนต์มีนาเอียงคอมองวงหน้าคมคายของชายหนุ่มด้านข้าง หัวใจดวงน้อยไหวหวั่นเต้นระรัวเมื่อคาร์โลวหมุนกายมาสบนัยน์ตาด้วย ดวงตาคมกล้าเป็นประกายลึกลับอ่านไม่ออก เปล่งแสงพริบพราวจนอกใจสาวน้อยเต้นระรัวเร็ว ผิวแก้มร้อนฉ่าอย่างเอียงอาย
รอยยิ้มแต้มอยู่บนมุมปากหนาหยัก กลิ่นหอมอ่อนๆ รวยรินอยู่รอบตัวโอบล้อมหัวใจรอบหัวใจไว้รู้สึกถึงความฉ่ำหวานที่เอื้อมมือจับต้องได้ กลิ่นความรักที่ไม่เคยพบเจอแม้แต่ในครอบครัวตัวเอง ในเวลานี้คาร์โลวชุ่มชื่นใจสบายอกสบายใจเพียงแค่ได้อยู่ใกล้กับมนต์มีนา
เด็กสาวเสหลบสายตาคมกล้าของพี่ชาย ดวงตากลมโตเหม่อมองท้องฟ้ากว้างมองดูกลุ่มเมฆที่เรียงตัวอย่างสวยงามบนฟ้ากว้างด้วยดวงใจอิ่มเอิบ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงโลดรับรู้ความรู้สึกหวานล้ำที่แผ่กระจายอยู่รอบตัว ผ่ามือหนาเอื้อมมากุมมือเรียวบางไว้แน่น ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่กระจายอยู่รอบตัว ทั้งสองคนซึมซับความรู้สึกของกันและกันโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูด รับรู้กันโดยอัตโนมัติเก็บไว้ในหัวใจตัวเอง
หลังจากวันที่ไปนอนในสถานที่แห่งความทรงจำร่วมกัน ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนไป จากแค่คนเคยพูดคุยสนิทสนมกันพอดู เปลี่ยนแปลงเป็นห่วงหาคิดถึงจนชายหนุ่มต้องพาตัวเองไปหา สาวน้อยเป็นประจำ แม้ไม่ได้พูดคุยกันเยอะมากมายเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกสุขใจสบายใจทุกครั้งยามพบเจอ
การ์ดส่วนตัวของคาร์โลวเริ่มเป็นกังวล นายน้อยคาร์โลว เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณพิไลพรรณ (สัตญาณุเศรษ) คัสล์ซันนางพญาหวงลูกชายยิ่งกว่าแม่งูจงอางหวงไข่ จึงรู้สึกเป็นห่วงสาวน้อยวัยใสที่กำลังตกอยู่ในวังวนอันน่าหวาดกลัว ถึงแม้ทั้งคู่จะแค่รู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ความเป็นไปได้แทบก็จะไม่มี เมื่อชนชั้นห่างไกลกันเหมือนฟ้าสูง...กับก้นเหวลึก!! ถึงในตอนนี้จะยังไม่รู้อนาคตข้างหน้า ก็ไม่มีทางเป็นได้ว่าจะได้เดินไปข้างหน้าร่วมกันอย่างราบรื่นและปลอดภัย
“เฮ้อ...” เสียงถอนลมหายใจของโปร ดานเซน์เพื่อนสนิทที่ทำงานเป็นการ์ดร่วมกันมานานหลายปี ทำให้เบทเทอร์ หันมามองด้วยความสนใจ
“เป็นอะไรไปเพื่อน เห็นมองนายน้อยแล้วถอนหายใจอยู่เรื่อยๆ อย่าบอกนะว่ากำลังหนักใจเรื่องนายน้อยกำลังจะมีแฟนใหม่อีกครั้งหนึ่ง”เบทเทอร์เอ่ยถามจนโปรสะดุ้งเพราะกำลังเป็นห่วงคาร์โลวนายน้อยอยู่จริงๆ
“ประมาณนั้นล่ะ ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งนะโว้ย!! ไม่รู้รึไงว่ามันไม่ใช้ความสัมพันธ์ทางกาย ฉาบฉวยเหมือนเคยๆ มันหนักกว่านั้นจนฉันกลัวแทน”
“เอ่อว่ะ!! ก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน คุณผู้หญิงรู้เรื่องเมื่อไรคงพังไม่เหลือชิ้นดี” เบทเทอร์เอ่ยถึงคุณพิไลพรรณอย่างรู้ดี เมื่อนายหญิงคัสล์ซันกรุ๊ปแบบคุณพิไลพรรณ คงไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้หญิงพื้นๆ แบบคุณมนต์มีนาได้เข้าใกล้ลูกชายสุดรักของตัวเอง
“นายน้อยคงกำลังปลูกต้นรักกับคุณมนต์มีนา เธอน่ารักแสนดีอ่อนโยนแบบที่นายน้อยไม่เคยเจอ”
“มันเป็นไปไม่ได้...แกก็น่าจะรู้ ฐานะของทั้งคู่แตกต่างกันเกินไป ถ้าเรื่องแดงขึ้นเมื่อไร? เกรงว่าคุณมนต์มีนาจะเผ่นเอาเสียก่อนนะซิ เธอไม่ได้เข้าหานายน้อยเพราะทรัพย์สินเหมือนผู้หญิงคนอื่นนี่หว่า ยิ่งรู้ว่านายน้อยปิดบังความจริง...เกรงว่าต้นรักที่กำลังเติบโตจะเหี่ยวเฉาลงเสียก่อนสิโว้ย!!”
“เรื่องนั้นไม่น่ากลัวเท่าเรื่องนายหญิงหรอกน่า นายน้อยคงสามารถเคลียร์ตัวเองได้ ถ้าทั้งสองคนรักกันจริง เรื่องที่น่ากลัวนั่นนะ คือนายหญิงเองหรอก นายใหญ่ไม่เท่าไรที่น่ากลัวคือคุณพิไลพรรณ”
“เป็นคนรวยนี่ไม่ใช่ว่าสบายนะ ดูนายน้อยซิ...อิสระซักนิดยังไม่มี เกิดเป็นลูกคนรวย แถมลูกชายคนเดียวเสียอีก ทำอะไรแต่ล่ะทีต้องรอความเห็นจากผู้ใหญ่ก่อน หัวใจตัวเองยังไม่มีสิทธิ์ เลือกน่าสงสารจริงๆ ว่ะ”
“เออ...” การ์ดหนุ่มสองคนพูดคุยกัน เมื่อเกิดความเห็นใจเจ้านาย พวกเขาเพราะคอยเฝ้าดูแลมาตั้งแต่คาร์โลวเริ่มเป็นหนุ่มละอ่อน คุณพิไลพรรณจึงหาคนมาคอยดูแล รั้งคาร์โลวไว้ยามเกิดปัญหาและเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะความคึกคะนองของบุตรชาย
คาร์โลวก้มมองแหวนที่สวมติดกายไว้มาตั้งแต่เด็ก แหวนนามสกุล ‘สัตญาณุเศรษ’ แหวนที่คุณยายมอบให้ไว้ก่อนสิ้นใจ ซึ่งชายหนุ่มสวมติดตัวไว้ตลอดเวลา เก็บไว้คอยเตือนใจว่าสายเลือดครึ่งหนึ่งของตัวเองเป็นคนไทย ความที่เติบโตในต่างแดนเสียเป็นส่วนใหญ่ทำให้หลงลืมวัฒนธรรมของไทยไปจนเกือบหมด แต่สิ่งเดียวที่คาร์โลวยังไม่ลืมคือภาษาถิ่นกำเนิด หมั่นฝึกปรือจนพูดได้ชัดเจน ทำให้การสื่อสารของคาร์โลวและมนต์มีนาไม่ติดขัด
‘คุณยายผมเจอคนที่คุณยายบอกไว้แล้วล่ะครับ คนที่ทำให้รู้สึกสุขใจแม้แค่นั่งใกล้ๆ กัน คนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงยามสบตา คนที่ทำให้เป็นกังวลห่วงหาเมื่อมองหาไม่เจอ คนที่รู้สึกอยากจะปกป้องดูแลให้ความอบอุ่นในหัวใจ’ ชายหนุ่มคิดในใจ เขารำพันถ้อยคำ ฝากสายลมถึงบุคคลสำคัญที่ลาจากโลกนี้ไปแล้ว
เขาตัดสินใจถอดแหวนทองคำ!! สีสุกปลั่งสลักนามสกุล ‘สัตญาณุเศรษ’ ไว้ด้านใน ตัวย่อ ที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว ‘สศ’ ยกขึ้นส่องมองดูอย่างพิจารณาลึกซึ้ง แหวนแทนใจที่คุณตามอบให้คุณยายสมัยหนุ่มสาว ตอนเริ่มต้นชีวิตคู่และยังไม่ได้ร่ำรวยมากมายอะไร จึงมีแค่แหวนทองเกลี้ยงๆ วงเดียวที่คุณตาสามารถหามอบให้หญิงคนรักได้ เมื่อแรกเริ่มแต่งงานกัน คุณยายใส่ติดตัวไว้ตลอด แม้ทรัพย์สินจะมีเพิ่มขึ้นก็ไม่เคยถอดแหวนแทนใจวงนี้ออกจากนิ้ว เมื่อมั่งมีมากขึ้น มันสิ่งล้ำค่าที่เป็นสัญลักษณ์แทนใจ
“มีนา...อยากรู้จังว่ามีนาคิดเหมือนพี่ไหม” คาร์โลวทอดอาลัยเมื่อนึกถึงแววตากระจ่างใสของสาวน้อยมนต์มีนา ดวงตากลมโตไร้จริตมายา จนไม่สามารถคาดเดาความคิดของหล่อนได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เคยพบเจอ
“เสียชื่อเพลย์บอยชะมัด ไม่กล้าแม้กระทั่งบอกรักสาว รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” ชายหนุ่มบ่นเสียงแผ่วๆ ซุกใบหน้ากับหมอนใบใหญ่รำพึงออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ เมื่อช่วงเวลาในวัยหนุ่มแน่น เขามองผู้หญิงเหมือนของเล่นมาตลอด พอมาเจอคนที่มีความรู้สึกพิเศษด้วย...กลับไม่กล้าแม้แต่เอ่ยคำบอก ‘รัก’
“โอ้ย...ทำไงดีวะนี่...ไม่รู้ล่ะ ก็คงต้องลองดูซักตั้ง ถ้าต้องอับอายเพราะจะบอกรักมีนา ก็ต้องลองดู มันคงไม่ถึงตายหรอกนะ”