“นี่แกยังหวังความรักจากคุณป้าอีกเหรอ? ...ยาหยี”
“คนเป็นลูกก็หวังที่จะได้ความรักความพ่อแม่ทั้งนั้นแหละเพชร”
“ถึงแกทำดีแค่ไหน คุณป้าก็ไม่เห็นความดีของแกหรอกยาหยี ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณป้ารักพี่ชายแกอย่างกับอะไรดี รักมากซะจนลืมไปว่ายังมีลูกสาวอย่างแกอีกคน”
“พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องทำไม่ใช่หรือเพชร ลูกที่ดี ไม่ควรทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันพูดถูกไหม”
“เออ แกพูดถูก แต่แกก็ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจไม่ใช่เหรอ?”
เธอล่ะอยากจะบ้าตายกับความคิดของมารดารังสิยา ลูกที่ดีไม่ยอมรัก แต่ดันไปรักไอ้ลูกไม่ดี โชคดีหน่อยที่บิดาของรังสิยารักและให้ความสำคัญกับลูกๆ เท่ากัน ไม่ได้ลำเอียงเหมือนคนเป็นภรรยา ไม่อย่างนั้นเพื่อนสนิทของเธอคงโชคร้ายสุดๆ ที่เกิดมาในตระกูลนี้
“เลิกพูดเรื่องของฉันเถอะ ตกลงแกช่วยติวหนังสือสอบให้พี่ชายฉัน ตกลงนะ”
“โอเค ฉันต้องลงช่วยแกก็ได้ แต่ฉันให้วันละสองชั่วโมงเท่านั้นนะ แล้วพี่ชายของแกเรียนคณะไหน แล้วมีวิชาอะไรบ้างที่ฉันต้องไปติวให้”
“คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ”
“สาขานี่ก็ไม่ได้เรียนยากเท่าไรนะยาหยี ตัวเลขก็มีไม่เยอะ บัญชีก็มีไม่กี่ตัว แล้วทำไมพี่ชายแกถึงเรียนถึงหกปีได้วะเนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ตกลงพี่ชายแกไปเรียนหนังสือ หรือไปผลาญเงินพ่อแม่กันแน่”
“แกก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว”
“…”
คำตอบของรังสิยา ทำให้เพชรน้ำค้างถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด นอกจากนั้นเธอยังรู้สึกสงสารเพื่อนสนิทไม่น้อย ทุกครอบครัวต่างก็มีปัญหาทั้งนั้น
โชคดีที่เธอไม่ต้องมามีปัญหาครอบครัวเหมือนกับคนอื่นเขา เอาเถอะตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเครียดเสียหน่อย เธอควรทำใจให้สงบ แล้วค่อยหาหนังสือที่พี่ชายของเพื่อนสนิทเรียนมาอ่านทวนสักหน่อย ก่อนที่เธอจะไปติวหนังสือสอบให้กับเขา
********
“นั่นมันหลานสาวของนายไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากษมา ทำให้ชายหนุ่มอีกคนชะงักเท้าฉับพลัน แล้วหันไปมองยังร้านอาหารฝั่งตรงข้ามทันที คิ้วทั้งสองขมวดขึ้น ดวงตาคู่คมกล้าเบิกกว้างขึ้น จ้องมองหลานสาวกับผู้ชายที่เขาไม่รู้จักด้วยสีหน้าเรียบตึงทันพลัน
“ไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่นเป็นใคร ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นมาก่อนวะไอ้ธี”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ธี หรือ ชลธี ศิวาลักษณ์ ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด สายตายังจับจ้องอยู่ที่ร้านที่หลานสาวนั่งกับผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก ถ้าจำไม่ผิดเมื่อเช้า รังสิยาขอนุญาติมารดาออกไปหาเพื่อน แล้วมานั่งทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ ยังไอ้ผู้ชายหน้าอ่อนนั่นอีก กล้าดียังไงถึงเข้ามายุ่งวุ่นวายกับหลานสาวของเขา
“แล้วนั่นแกจะไปไหนน่ะไอ้ธี”
“ฉันจะเข้าไปจัดการไอ้หน้าอ่อนนั่นไงไอ้ษมา”
“หยุดเลยนะไอ้ธี ถ้าแกเข้าไปหาเรื่องผู้ชายคนนั้น ฉันรับรองได้เลยว่าหนูยาหยีต้องโกรธแกแน่”
“แล้วแกจะให้ฉันปล่อยมันไปหรือไงไอ้ษมา”
“สองคนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ แกก็อย่าคิดมากไอ้ธี”
ษมาเตือนสติเพื่อนสนิท จับแขนเอาไว้ข้างหนึ่ง แต่สายตายังจับจ้องอยู่ในร้านที่รังสิยากับผู้ชายที่เขารู้จักกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ด้วยความประหลาดใจ อาจเพราะเขาสนิทกับครอบครัวศิวาลักษณ์มานับสิบปี เขาจึงรู้ว่าครอบครัวนี้รักและเข้มงวดกับลูกหลานมากแค่ไหน
“ฉันว่าพวกแกเลิกยุ่งกับชีวิตของหนูยาหยีเถอะวะ หนูยาหยีโตแล้วนะเว้ย จะมีแฟนก็ไม่แปลก”
“แกก็ยังเข้าข้างหลานสาวฉันไม่เคยเปลี่ยนเลยนะไอ้มนัส”
ชลธีหันมาโวยใส่เพื่อนสนิททันที ไอ้นี่ก็อีกคน เวลาเขาคิดจะสั่งสอนหรือตำหนิรังสิยา ไอ้เพื่อนบ้านี่ก็มักยื่นมือเข้ามาขัดขวางตลอด แถมยังกล้าด่าเขากลับมาอีก ว่าเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของรังสิยามากเกินไป ตกลงเขาหรือมันกันแน่ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของรังสิยา
มนัสได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับนิสัยเผด็จการและเห็นแก่ตัวของชลธี เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะรักและหวงหลานสาวไปทำไมนักหนา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าหลานสาวคนนี้ของมันเป็นเด็กดีขนาดไหน แล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว
“คนที่แกน่าจะห่วง ควรเป็นนายวัชระมากกว่านะไอ้ธี เรียนมาหกปีแล้วยังไม่จบ ไม่ใช่เหรอ?”
คนที่ชลธีควรเป็นห่วงควรจะเป็นไอ้หลานชายไม่เอาถ่านมากกว่า เขาไม่เห็นว่ารังสิยาจะน่าจะเป็นห่วงตรงไหน เรียนก็ใกล้จะจบแล้ว แล้วเรื่องที่หญิงสาวจะมีแฟน เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน ผู้หญิงบางคนมีแฟนตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยมด้วยซ้ำ
“นั่นสิไอ้ธี”
ษมาเห็นด้วยกับความคิดของมนัสอย่างแรง ระหว่างหลานชายกับหลานสาว เขาคิดว่าชลธีควรเป็นห่วงและให้ความสนใจหลานชายมากกว่า เขาก็ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าเรียนมาหกปีแล้วยังไม่จบเลย หากเทอมนี้สอบไม่ผ่านอีก อาจจะพ้นสภาพนักศึกษา
“ฉันก็เป็นห่วงทั้งสองคนนั่นแหละ”
ชลธีตอบไม่เต็มเสียงนัก เมื่อเจอคำทักท้วงจากบรรดาเพื่อนสนิท ในความคิดเขาถึงวัชระจะน่าเป็นห่วงในเรื่องการเรียน แต่ยังไงวัชระก็เป็นผู้ชาย
เขาเลยเป็นห่วงรังสิยามากกว่า อาจเพราะรังสิยาเป็นผู้หญิง แล้วเขาก็กังวลเรื่องผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของรังสิยาด้วย ถ้าเป็นคนดีก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นคนชั่วขึ้นมาล่ะ เขาจะทำยังไง
“แกน่ะเลิกห่วงหนูยาหยีได้แล้ว เอาเวลาไปสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่าไหม”
คนที่เดินเข้ามาสมทบทีหลังเอ่ยขึ้น เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเพื่อนสนิททั้งสามถึงได้ยืนกันอยู่หน้าร้าน ที่แท้ก็คุยกันเรื่องของรังสิยานี่เอง ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ถึงได้พูดเรื่องของรังสิยาขึ้นมา
********
...โปรดติดตามตอนต่อไป...