และแล้วก็มาถึง...
งานมงคลอภิเษกสมรสของธิดาตระกูลซ่งและทายาทลำดับที่แปดของกษัตริย์แคว้นต้าฉิง
เสวี่ยอี้ในอาภรณ์แต่งงานสีแดงสดประดับด้วยลวดลายสีทองที่ถูกออกแบบและตัดเย็บอย่างปราณีต ดูเจิดจรัสราวกับมีแสงส่องสว่างทั่วกาย งดงามมากเสียจนมิอาจละสายตาได้
"เจ้าว่าข้างามหรือไม่...ถานเอ้อร์" เสวี่ยอี้เอ่ยถามสาวใช้ด้วยน้ำเสียงกังวล ในขณะที่นางกำลังจ้องมองใบหน้าของตนผ่านกระจกเงาอยู่
"คุณหนูอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูของถานเอ้อร์งดงามที่สุด" ถานเอ้อร์ สาวใช้คนสนิทตอบพลางฉีกยิ้มออกมาอย่างจริงใจแสดงการให้กำลังใจนายหญิงของตน
เสวี่ยอี้จ้องมองสำรวจตนเองอีกครั้ง พลางใช้มือลูบไล้ไปที่ใบหน้าอย่างช้าๆ "ถานเอ้อร์...เจ้าว่า ชีวิตข้าต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรหรือ"
"คุณหนูจะต้องมีชีวิตที่มีความสุขต่อแต่นี้แน่นอนเจ้าค่ะ"
"ข้าก็อยากจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี" เสวี่ยอี้ทอดถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"พ่อกับแม่ของถานเอ้อร์ ท่านก็แต่งงานกันโดยคลุมถุงชนเจ้าค่ะ แต่ในที่สุดท่านก็รักกันและก็มีถานเอ้อร์" ถานเอ้อร์พรรณนาเรื่องราวชีวิตของตนด้วยความปลื้มปิติ
"จริงหรือ..." เสวี่ยอี้เอ่ยถามพลางหันหน้ามองถานเอ้อร์ด้วยใบหน้าสงสัย "หากความรักสามารถเป็นไปตามรูปแบบเช่นนั้นได้จริง การแต่งงานแบบนี้คงไม่เลวร้ายอะไร"
"จริงเจ้าค่ะคุณหนู...อีกอย่าง การแต่งงานครั้งนี้ ถานเอ้อร์ก็ตามไปรับใช้คุณหนูที่จวนด้วย หากมีผู้ใดมาทำร้ายคุณหนู ถานเอ้อร์จะจัดการเองเจ้าค่ะ" ถานเอ้อร์เอ่ยพลางแสดงท่าทีและแววตาที่มุ่งมั่นเสียจนเสวี่ยอี้อดหัวเราะออกมาไม่ได้ "ฮ่าๆ เจ้าก็พูดเกินไป ข้าแต่งงานมิได้ไปออกรบเสียหน่อย"
"คุณหนูอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ...ถานเอ้อร์เคยได้ยินจากชาวบ้านพูดกันว่าอ๋องแปดรูปงามมากนะเจ้าคะ"
"จริงหรือ...ใช่อ๋องแปดแน่หรือ มิใช่ว่าเจ้าฟังผิดมานะ"
"จริงสิเจ้าคะ...ในบรรดาองค์ชายทั้งสิบสองพระองค์ ล้วนรูปงามและมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แต่ที่แน่ ๆ อ๋องแปดรูปงามไม่แพ้องค์ชายใดในแคว้นต้าฉิงเลยเจ้าค่ะ"
"แล้วเจ้าว่า... ท่านอ๋องจะชอบข้าหรือไม่"
"คุณหนูของถานเอ้อร์งดงามถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องจะต้องพึงพอใจท่านเป็นแน่เจ้าค่ะ"
เสวี่ยอี้ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความพึงพอใจกับคำตอบ
ชีวิตข้าจะเป็นอย่างไรนั้น คงคาดเดามิได้ แต่การที่ข้าได้แต่งงานกับท่านอ๋อง ตระกูลซ่งของข้าก็จะได้รับการสนับสนุนเช่นเดียวกัน ถ้าชั่งน้ำหนักดูแล้วนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่ไม่น้อย
เมื่อเวลาเข้าพิธีมาถึง...
เหล่าขุนนางและองค์รักษ์ทั้งหลาย ต่างพากันมาร่วมงานแต่งงานกันอย่างล้นหลาม จึงทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ใหญ่โตโอ่อ่าสมกับยศฐาบรรดาศักดิ์ของอ๋องแปดยิ่งนัก
ทั้งคู่ดำเนินพิธีสมรสไปได้ด้วยดีโดยไม่มีสิ่งใดติดขัด โดยที่อ๋องแปดก็ได้เผยใบหน้าอันเรียบเฉยและเงียบนิ่ง โดยไม่พูดคุยสิ่งใดกับเสวี่ยอี้เลยแม้แต่น้อยตลอดพิธีการ
เสวี่ยอี้พยายามจ้องมองหน้าของอ๋องแปดอยู่หลายครั้ง ภายใต้ผ้าคลุมผืนบางที่ปิดคลุมใบหน้าเอาไว้ แต่ก็มิอาจเห็นได้ชัดเจนนัก นางจึงถอดใจและรอตอนเข้าห้องหอเสียทีเดียวเลย
.
เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาเข้าห้องหอ
เสวี่ยอี้ถูกนำตัวเข้ามานั่งรออ๋องแปดในเรือนหอที่ถูกตระเตรียมไว้ โดยที่ใบหน้าของนางก็ยังมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปิดคลุมเอาไว้อยู่
.
.
หนึ่งชั่วยามผ่านไป…
.
.
สองชั่วยามผ่านไป…
.
.
ตามขนบธรรมเนียมแล้ว พิธีแต่งงานนี้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เข้าห้องหอกันเรียบร้อยแล้ว
แต่เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วยาม ก็ยังไม่พบวี่แววว่าอ๋องแปดจะเข้ามาในห้องหอเลยแม้แต่น้อย
'นอกจากข้าจะต้องทุกข์ใจที่ต้องมาแต่งงานกับชายแปลกหน้าแล้ว ยังต้องมาเฝ้ารอชายผู้นี้อีกงั้นหรือ ช่างไม่ยุติธรรมกับข้าเสียจริง' เสวี่ยอี้บ่นพึมพำพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
เพียงไม่นาน เสียงเปิดประตูดังขึ้น
เอี๊ยดด ด!
เสียงนั้นทำให้เสวี่ยอี้รับรู้ได้ว่า จะต้องมีผู้ใดเปิดประตูเข้ามาเป็นแน่ แต่เวลาแบบนี้ควรจะเป็นผู้ใดได้ล่ะ นอกจากจะเป็นอ๋องแปด เจ้าบ่าวของนางเท่านั้น
เสวี่ยอี้ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางหันมองไปที่ประตูอย่างมีความหวัง
ตึ่ก...ตึ่ก... ตึ่ก
เสียงย่ำเท้าเข้าใกล้เสวี่ยอี้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้นางรู้สึกใจเต้นและลุ้นกับการเห็นหน้าครั้งแรกของชายผู้ที่จะมาเป็นสามีของนาง
หากเจอหน้าท่าน ข้าควรจะต่อว่าท่านดีหรือไม่นะ ที่ปล่อยให้ข้ารอนานถึงเพียงนี้ แต่เอาเถิด ข้าจะไม่ต่อว่าท่านในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้หรอก
หลังคิดจบ เสวี่ยอี้ก็เอ่ยทักขึ้นว่า "ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ"
"............"
บรรยากาศเงียบเชียบไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ ได้ยินชัดเจนก็แต่เสียงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาจากหน้าประตูเท่านั้น
ทำให้เสวี่ยอี้รู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถามอีกครั้ง "สรุปว่าใช่ท่านอ๋องหรือไม่เพคะ หากท่านอ๋องมาแล้วก็จงเปิดผ้าคลุมออกเสียเถิดเพคะ...พิธีจะได้จบสิ้นเสียที"
"............"
"หากไม่ยอมเปิดผ้าคลุม หม่อมฉันก็จะเปิดเองแล้วนะเพคะ"
"เอ่อ...คือ"
"เหตุใดท่านอ๋องถึงยืนอ้ำอึ้งอยู่ได้ล่ะเพคะ"
"เอ่อ..."
เสวี่ยอี้รู้สึกโกรธเคืองที่อ๋องแปดไม่ให้ความร่วมมือ และแสดงอาการเช่นนั้น นางจึงใช้มือเปิดผ้าคลุมออกจากใบหน้าเองอย่างหัวเสีย
เมื่อเปิดผ้าคลุมถูกเปิดออก เสวี่ยอี้ก็พลันมองไปที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของนางด้วยแววตาโกรธเคือง
แต่เดี๋ยว…
ชายผู้นี้สวมชุดสีน้ำตาลเข้มเก่า นี่มิใช่ชุดแต่งงาน และนี่ก็คงมิใช่อ๋องแปดด้วย ชายผู้นี้คือใครกัน...
"นี่เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมาอยู่ในห้องหอของข้า" เสวี่ยอี้ขมวดคิ้วผูกเป็นปมพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
"เอ่อ..คือ ข้าน้อยนามว่า ไป่ซู เป็นคนรับใช้ในจวนอ๋องแปดขอรับ" ไป่ซูเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พลางก้มหน้าก้มตาไม่มองเสวี่ยอี้เลยแม้แต่น้อย
"คนรับใช้งั้นหรือ... แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ นี่คือห้องหอของข้า"
"ระ...รู้ ขอรับ แต่ว่าข้าน้อยรับคำสั่งจากท่านอ๋องให้มาแจ้งนายหญิงว่า วันนี้ท่านอ๋องจะพักอยู่ที่เรือนขอรับ"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ! " เสวี่ยอี้เอ่ยด้วยเสียงสูงพลางเบิกตากว้างโตด้วยความตกใจ
ท่านอ๋องช่างใจร้าย ใจดำยิ่งนัก กล้าทำกับข้าอย่างนี้เชียวหรือ เพียงแค่ดำเนินพิธีให้จบไป ยากเย็นตรงไหนกัน
"เป็นอย่างที่ข้าน้อยบอกทุกอย่างขอรับ" ไป่ซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษ
ถึงแม้ว่าเสวี่ยอี้จะรู้สึกขุ่นเคืองที่อ๋องแปดทำกับนางเช่นนี้ แต่นางก็พยายามควบคุมสติ และเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นลงว่า " เอาเถิด...เจ้ากลับไปเถิด ถือว่าข้ารับรู้แล้ว"
"ขะ...ขอรับนายหญิง" ไป่ซูตอบรับพลางรีบเดินออกไปจากห้องหออย่างทุลักทุเล
เสวี่ยอี้ถอนหายใจออกมาเฮือกยาว
คืนแรกของวันเข้าหอก็เป็นเช่นนี้เสียแล้ว ฟ้าดินกลั่นแกล้งกันชัดๆ
คิดว่าข้าอยากจะแต่งงานกับท่านนักหรือ...อ๋องแปด