Ep3(1) : เจ็บปวด By...kanokrot

3375 Words
อิศราใช้เท้าถีบประตูให้เปิดกว้างออก ชั้นสองมีห้องอยู่สองห้อง เขาต้องใช้วิธีสุ่มเดาเอาและคิดว่าคงเป็นห้องนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากตรงประตูมีรูปภาพของคนบนบ่าเขาแขวนเอาไว้ รูปมนต์รสากับแม่นมบัวของเขา ตอนนี้ร่างบนบ่าเขานิ่งสงบ ได้ยินเพียงเสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะเท่านั้น และเพียงแค่อิศราได้เห็นเตียงนอนตรงกลางห้องสีเขียวมะกอก เขาจึงไม่รอช้า จับร่างบนบ่าเหวี่ยงลงไปโดยไม่ออมแรงนัก เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนบนบ่านั้นจะเจ็บมากน้อยแค่ไหน แน่นอนแรงเหวี่ยงไม่ออมแรงของชายหนุ่ม ส่งผลให้ร่างบอบบางซึ่งหล่นกระแทกลงบนเตียง ได้แต่ส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความจุกไปถึงลิ้นปี่ก็ว่าได้... “โอ๊ย!” มนต์รสาร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาจับโยนลงมาบนเตียงนอน แรงของมันเล่นเอาเธอกระเด้งกระดอนขึ้นลงกระแทกกับเตียงนั้นหลายที จนเธอรู้สึกเจ็บสะโพกไปหมด มันเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่นอนขดตัวงอเป็นกุ้งไปโดยปริยาย “สะดีดสะดิ้ง...” เสียงกร้าวสบถคำหยาบคาย เตือนสติให้คนนอนหมดสภาพบนเตียงต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ไม่รู้ชาติที่แล้วเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับเขา ชาตินี้ถึงได้ตกเป็นจำเลยของอิศรา ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยสักนิดกับเรื่องของอรอิน ใครจะแต่งงาน ใครจะเลิกล้างกัน แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย วันๆเธอก็ทำแต่งาน หลังเลิกงานก็กลับบ้านพักผ่อน อาจมีบ้างบางครั้งเธอจะนัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทไปดูหนังฟังเพลงกันตามประสาสาวโสดสักที ชีวิตเธอดำเนินไปในทำนองเรียบง่าย ไม่หวือหวาฟุ้งเฟ้อ กินอยู่เท่าที่มี ไม่เคยต้องไปเดือดร้อนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเจ้านายบนตึกใหญ่ ในใจสักนิดเธอไม่เคยคิดทำร้ายใครให้เจ็บซ้ำ เธอระลึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนทุกเม็ดที่ใช้ราดบนหัวเธอมาตั้งแต่เกิดเสมอ อะไรพอจะเข้าไปช่วยเหลืองานคุณหญิงอรอุมาได้เธอไม่เคยรีรอ แล้วเหตุอันใดเล่าถึงทำให้อิศราเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้คชาบอกยกเลิกงานแต่งงานกับอรอิน... มนต์รสาสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามทบทวนหาสาเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด สิ่งใดคือตัวจูงใจทำให้อิศราคิดไปว่าเธอคือตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่ยิ่งคิดเธอกลับยิ่งไม่เข้าใจ เธอได้เผลอไปทำอะไรมากับคชาหรือเปล่าก่อนหน้านี้ ถึงได้ทำให้อิศราเข้าใจเธอผิดไปใหญ่โต คำตอบก็คือไม่ เธอกับคชาไม่เคยติดต่อพูดคุยกันมาก่อน ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังใครๆก็ตาม ถ้าไม่ใช่เรื่องที่อิศราเข้าใจเธอผิดไปเองนั้นจะเป็นเพราะอะไรล่ะ? ... เพราะนับตั้งแต่วันที่เธอต้องสูญเสียคุณย่าไป ทุกวันนี้เธอยังคงใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังตัวคนเดียวเสมอมา ถามว่าเหงาไหม...ก็ไม่นะ เพราะสำหรับตัวเธอแล้ว ชีวิตอันสุขสงบโดยไม่ต้องสวมหน้ากากเข้าหาใคร เพื่อใช้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทางสังคม นั่นก็นับว่าชีวิตของเธอเกิดมาบนความโชคดีว่าคนรวยเพียบพร้อมบางคนเสียอีก เพราะมีหลายครั้งเหมือนกัน ยามเธอได้เข้าไปช่วยเหลืองานของคุณหญิงอรอุมาในสมาคมต่างๆ บ่อยครั้งเธอมักสัมผัสได้ถึงแววตาของคนหลายคู่ฉายประกายบางอย่างออกมายังเจ้านายของเธอด้วยความไม่จริงใจ แววตาหลายคู่นั้นแอบซ้อนความริษยาเอาไว้จนเธอยังนึกกลัว ต่อหน้าปากพายิ้มแย้มเยินยอชื่นชมกัน แต่ภายในจิตใจนั้นกลับหาความจริงใจเอาไม่ได้เสียเลย... แล้วผู้ชายสังคมจัดอย่างคชาน่ะเหรอ จะยอมยกเลิกงานแต่งงาน เพียงเพราะผู้หญิงบ้านๆที่มีแต่ตัวแบบเธอ อิศราคิดแบบนั้นได้อย่างไรกันนะ ทำไมเขาถึงไม่ลองคิดกลับกันบ้างล่ะว่า บางทีอาจจะหญิงสาวคนอื่น คนที่คชาแอบซุกซ้อนเอาไว้โดยที่ไม่มีใครทราบมาก่อนก็ได้ แล้วไอ้ที่เขาบอกว่าเห็นเธอยืนกอดกับคชาตรงบริเวณหน้าบ้านนั้น เธอเองก็พร้อมจะอธิบายให้เขาเข้าใจ หากเขาจะยอมรับฟังเธอสักคำ แต่นี่อะไร...คำก็ด่าสองคำก็ว่า มิหนําซ้ำเขายังคิดจะทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอให้ย่อยยับอีกด้วย ยิ่งคิดน้ำตามันพาลจะไหลไม่ยอมหยุด มันไหลจนเปรอะไปทั้งวงหน้านวลลออ หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบรัดจนไม่อยากมีลมหายใจอีกต่อไป เขามันคนใจร้าย ผู้ชายหัวใจมืดบอด คอยแต่ยกตัวเองอยู่เหนือคนอื่นเขาเสมอ ไม่คิดยอมฟังคำพูดของใคร แล้วเธอผิดตรงไหนมิทราบ หรือเพียงแค่เธอเกิดมาไม่ได้ร่ำรวยเงินทองมีชื่อเสียงในสังคมจอมปลอมเช่นเขา เขาถึงไม่ยอมรับฟังกันบ้าง แต่นั่นก็ใช่ว่าความเป็นมนุษย์ของเธอจะน้อยด้อยค่าไปกว่าเขาเสียเมื่อไหร่ คำพูดของคนจนมันไม่มีน้ำหนักมากพอให้คนอย่างเขายอมรับฟังบ้างเลยหรือไง... เธอไม่ผิด มนต์รสากัดริมฝีปากแน่นจนได้กลิ่นคาวของเลือด อารมณ์เศร้าเสียใจจนรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งกายใจ ได้แต่แอบภาวนา ขอให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปเร็วๆด้วยเถิด... จำได้วันนั้นเธอเดินกลับบ้านเกือบจะถึงประตูรั้วอยู่แล้วเชียว แต่ดันมีรถยนต์แล่นมาจากก็ไม่รู้ เฉี่ยวชนจนเธอล้มก้นกระแทกกับพื้นปูน มิหนำซ้ำชนเธอแล้วดันขับหนีเธอเสียด้วย เธอพยายามพยุงร่างเพื่อลุกขึ้นยืน หากทว่าไอ้ขาเจ้ากรรมมันดันมาพลิกจนล้มลงไปนั่งกองบนพื้นอีกครา ดีที่คชากำลังจะขับรถผ่านแล้วเห็นเธอเข้า เขาคงเห็นตอนเธอล้มลงไปนั่งบนพื้น จึงมีน้ำใจจอดรถเปิดกระจกเพื่อถามไถ่เธอ พอรู้ว่าเธอเจ็บข้อเท้าจนลุกไม่ขึ้น เขาเลยเปิดประตูรถลงมาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนก็แค่นั้นเอง ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือหลังจากนั้นจริงๆ พอเธอค่อยยังชั่วพอจะยืนด้วยตัวเองได้ไหว คชาก็ขับรถเข้าไปในบ้านไวยเวศ เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้นั่นแหละคือเรื่องราวในวันนั้น... อิศรามองร่างขดเป็นกุ้งบนเตียงด้วยความรู้สึกสองอย่างภายในใจ แน่นอนหนึ่งนั่นคือความโกรธซึ่งมันยังคงไม่จางหายไปไหนง่ายๆ แต่ไอ้ความรู้สึกทับซ้อนเข้ามาแทรกตรงกลางหัวใจของเขาตอนนี้นี่สิ มันหมายความว่าอะไรกันแน่... อิศราหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุด ก่อนจะระบายมันออกมายาวเหยียดติดกันสองหน... ภาพหญิงสาวใบหน้าเรียวรูปไข่ดวงตากลมโตผสมแววขี้เล่นนิดๆคู่นั้น ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นทุกครั้งยามพบเห็นเจ้าหล่อน ดูเหมือนมันกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้าหล่อนไปเสียแล้ว ต่อให้เขาหลับตาวาดรูปภาพของเธอ เขาก็จำโครงร่างใบหน้านี้ได้อย่างแม่นยำ มันชัดเจนมาเนิ่นนาน นานพอจะทำให้เขารู้สึกกลัวหัวใจตัวเองมาโดยตลอด เขารู้ตัวการเกิดเป็นลูกชายคนโตของตระกูลไวยเวศ มีอะไรอีกหลายอย่างในชีวิตที่เขาไม่อาจทำตามหัวใจต้องการได้ ยิ่งในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัวแล้ว บนบ่าของเขาย่อมต้องแบกอะไรไว้หนักหนาพอสมควร ดังนั้นหญิงสาวคนที่จะมายืนเคียงข้างกับเขาตรงจุดนี้ จึงต้องเพียบพร้อมเท่าเทียมกับเขาทุกประการ เขาจึง ไม่อาจยอมรับกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้านี้ได้ เพราะนี่มันคือชีวิตจริงมิใช่ละครในทีวี เขายังมีหน้าที่ ครอบครัว และสังคมที่ต้องคอยรักษาเอาไว้ไม่ให้เสื่อมเสียไปในทางไม่ดี ให้สมกับคำมั่นสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับบิดาก่อนท่านสิ้นใจ เขาจะดูแลรักษาชื่อสกุลไวยเวศไว้ไม่ให้เสื่อมเสียจนลมหายใจสุดท้ายนั่นเอง... อิศราหรี่ตามองร่างตรงหน้าเพื่อช่างใจอีกหน เขาจะหยุดทุกอย่างเอาไว้เพียงแค่นี้หรือจะเดินหน้าทำลายผู้หญิงคนนี้ต่อไปดี ตอนนี้พลังงานบางอย่างสะกิดสามัญสำนึกให้เขารู้สึกสงสารร่างขดบนเตียงนี้เหลือเกิน เขามองเห็นความเจ็บปวดของผู้หญิงตรงหน้าเป็นความซะใจจริงหรือ แต่มันจะอะไรก็ช่างหัวเถอะ ตอนนี้เขาต้องยับยั้งหญิงร้ายชายเลวสองคนนี้เอาไว้ให้ได้เสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยเอาไว้แก้ไขในอนาคตก็แล้วกัน พอสลัดความว้าวุ่นใจออกไปให้พ้น ผู้บุกรุกจึงลงมือค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกทีละเม็ดจุดสุดแถว ก่อนจะกำจัดกางเกงผ้าเนื้อดีราคาแพง สะบัดทีเดียวจนมันหลุดไปกองรวมกันอยู่ข้างเตียง ชายหนุ่มไม่คิดให้ความสนใจกับอาภรณ์ของตัวเองสักเท่าไหร่ มันจะตกไปอยู่ตรงส่วนไหนก็เรื่องของมัน ในเมื่อตอนนี้ดวงตาแสนมืดบอดไม่ต่างจากอสูรกายของเขา กำลังจับจ้องร่างอรชรบนเตียงใหญ่อย่างหื่นกระหาย เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้มากรักหลายใจ คิดเอาไว้ตลอด หญิงสาวที่เขาคิดมีอะไรด้วยจะต้องเป็นคนรักและเป็นแม่ของลูกเท่านั้น แต่ทว่าในกรณีนี้ เขาจะถือเป็นข้อยกเว้นเอาไว้ ทุกการกระทำต่อจากนี้ เขาถือว่ามันคือการแก้แค้นไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นผสมเข้ามา เขาจะปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่อง แก้แค้นเท่านั้นพอ... “คุณจะทำอะไร?...” พออาการจุกเริ่มจางหาย มนต์รสารีบตั้งสติใหม่อีกครา แต่ภาพผู้ชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าเล่นเอาหญิงสาวสติหลุดผึง ส่งเสียงกรี๊ดลั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว “กรี๊ด!!!” ร่างน้อยรีบกระเถิบตัวหนีแม้จะทำได้ยากรำบากก็ตามที ตอนนี้ความคิดเดียวที่มีอยู่ในหัว นั่นคือเธออยากกระโดดหนีแล้วหายตัวไปจากตรงนี้จับใจ ภาพชายหนุ่มรูปร่างกำยำเปลือยเปล่าตรงหน้าเล่นเอาประสาททุกซีกของเธอสั่นผวาไปหมดแล้ว หญิงสาวเอาแต่หลับหูหลับตา ตะเกียกตะกายร่างลงจากเตียงนอนด้วยความกลัวสุดขีด อิศราแสยะยิ้มร้าย เขายกลำขาแข็งแรงขึ้นไปทาบไว้บนเตียง สายตาร้อนแรงดุจไฟยังคงจับจ้องร่างน้อยที่สั่นเป็นเจ้าเข้าเขม็ง มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้หญิงร้ายชายเลวสองคนนี้หนีไปมีความสุขสมหวังบนความทุกข์ของน้องสาวของเขาเด็ดขาด เขาจะทำให้คนทั้งคู่ได้รับความเจ็บปวดยิ่งกว่าอรอินได้รับ น้องสาวเขาต้องพบกับความทุกข์ระทมใจมากเท่าไหร่สองคนนี้ต้องได้รับความทุกข์มากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า... “จะหนีไปไหนแม่ตัวดี กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ คิดหรือว่าจะหนีฉันพ้นมือ...” “คุณมันไอ้คนเลว...” คนกลัวหันไปตวาดใส่ “เออ...ฉันมันเลว และจะเลวให้สุดขั้วด้วยคอยดู” อิศราตวาดกลับเสียงกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน พร้อมกับรีบโถมร่างใหญ่ลงบนเตียงนอน ตะครุบข้อเท้าเล็กของหญิงสาวเอาไว้ได้ทันก่อนเธอจะหนีพ้น เขาจัดการลากร่างน้อยมาไว้ใต้ร่างของตัวเอง อิศราใช้ร่างเปล่าเปลือยทรงพลัง ทาบทับบนร่างนุ่มนิ่มเอาไว้ด้วยความแน่นหนา ต่อให้มนต์รสาสะบัดดิ้นรนขัดขืนเท่าไหร่มันก็ไม่อาจทำให้เธอหลุดพ้นไปจากบ่วงกรรมนี้ไปได้ ยิ่งหญิงสาวดิ้นรน เนื้อเปล่าเปลือยก็ยิ่งเสียดสีกันไปมา ยิ่งเพิ่มความต้องการส่วนก้นบึ้งหัวใจหนักหนาขึ้นไปอีก ความยับยั้งของอิศราขาดผึง หากเขาไม่ได้รับการปลดปล่อยเดี๋ยวนี้ เขาต้องเป็นบ้าตายแน่นอน... “ กรี๊ด!!! อย่านะ...” ใบหน้าหวานซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ มือไม้คอยปัดป่ายปกป้องตัวเองสุดกำลัง ถึงแม้เธอจะรู้ดีแก่ใจ ต่อให้สู้อย่างไรเธอย่อมไม่มีวันสู้พละกำลังของชายหนุ่มไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะเธอก็จะขอสู้จนสุดใจ “ฉันบอกว่าอย่าไง ไอ้คนเลวถอยออกไปเลยนะ...” มือน้อยคอยผลักใบหน้าขาวสะอาดออกห่างจากร่างของตนเอง แต่คนหน้ามือตามัวไม่คิดสนใจ ชายหนุ่มรวบข้อมือน้อยไว้เหนือศีรษะกดทับจนเจ้าของข้อมือรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา “อย่าอะไร อย่าช้าใช่ไหม ของชอบเธออยู่แล้วนี่เรื่องแบบนี้ ไม่งั้นไอ้คชามันคงไม่ตาบอดจนยกเลิกงานแต่งงานได้หรอก...” เจ้าของร่างใหญ่ยักษ์กัดฟันพูด “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดสักหน่อย...” เจ้าของบ้านสาวสวยส่ายหน้าจนผมกระจายเต็มพื้นเตียง ริมฝีปากคอยแต่พร่ำรำพันอ้อนวอน เพียงต้องการเรียกสติให้เขาหยุดทุกอย่างเอาไว้แค่เพียงเท่านี้ “ฉันอยากอธิบาย...มันไม่...” “หุบปากของเธอเอาไว้จะดีกว่า ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอ ถ้าเธอจะหุบปากเน่าๆของเธอลงซะทีตอนนี้...” “ไม่...โธ่...ได้โปรดคุณหนึ่ง...ฟังฉัน...” เสียงหวานร้องห้ามอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา เมื่อชุดทำงานถูกน้ำมือคนใจร้ายกระชากออกอย่างไร้ความปราณี ผิวเนื้อขาวผุดผ่องขึ้นเป็นปื้นสีแดงตามรอยกระชากของเนื้อผ้า จนเกิดเป็นจุดเล็กๆคล้ายเลือดซึมออกมา ทำให้หญิงสาวทั้งเจ็บทั้งแสบผิวไปหมด อิศราทำการลอกคราบจนแม่เนื้อนวลตาเหลือเพียงแต่ผิวเปลือยเปล่าไม่ต่างจากตนเอง ฝ่ามือหยาบค่อยๆลูบไล้ไปตามสัดส่วนเข้ารูปอย่างเผลอไผล สัมผัสไปตรงจุดไหนก็ทำให้เขานั้นร้อนซู่ไปทั้งกายหนุ่ม ความฝันอันเลือนรางยามค่ำคืน กลับเด่นชัดจนเขาแทบคลั่ง นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมมันไม่ใช่ความฝันสุดแสนทรมานของเขาอีกต่อไป เนื้อกายของเจ้าหล่อนช่างหอมหวานไม่ต่างจากที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้สักนิด รูปร่างอวบอิ่มของมนต์รสาทำให้ดวงตามืดบอดกลับยิ่งมืดสนิทจนลมหายใจร้อนนั้นลุกเป็นไฟ... “รสา!” เสียงแหบพล่าดังอยู่เหนือริมฝีปากอิ่ม มนต์รสาเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อต้องการจะหลบริมฝีปากเข้ารูป ไม่ให้ถูกเขาจาบจ้วงได้ง่ายๆ ดวงตาหวานพยายามฝืนใจกล้ามองสบตาเขานิ่ง ส่งประสานสายตาตัดพ้อน้อยใจไปให้ชายหนุ่ม อิศราเลือกที่จะมองข้ามมันไป ในเมื่อตอนนี้ความต้องการมันจุกจนล้นอกเขาจนเกินห้ามใจอยู่แล้ว “ฉันต้องการเธอ...” มันไม่ใช่คำขอ แต่มันเป็นคำพิพากษาหัวใจดวงน้อยของเธอให้แหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีเสียมากกว่า ทุกอย่างมืดสนิทลง เมื่อริมฝีปากหนาเข้ารูปกดแนบลงมาบนริมฝีปากเต็มอิ่ม มนต์รสาหลับตาลงอย่างคนสิ้นหวัง ยอมรับบทลงโทษจากคนทะนงตนด้วยความปวดร้าว ตอนนี้เธอแทบมองไม่เห็นแม้แต่ปลายทางแห่งแสงสว่างของชีวิต สุดท้ายเธอจึงยอมทน ปล่อยให้คนเหนือร่างได้ร่ายลีลารักไปตามแต่เขาต้องการ แม้มันจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนก็ตาม... อิศราหลงระเริงไปกับรสรักอันหอมหวานจนหลงลืมสรรพสิ่งรอบกาย เสียงครวญครางดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อทั้งสองร่างไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาซึ่งกันและกันได้ สัมผัสจากปลายลิ้นชื้นให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันทั้งอ่อนหวาน ซาบซ่านหัวใจ จนยากเกินกว่าจะค้นคว้าหาคำใดมาใช้เปรียบเปรยดี รสรักที่เขาได้รับจากคนใต้ร่าง มันพาให้เขาได้พานพบกับความสุขใจจนล้นปี่ ความรู้สึกในตอนนี้มันแล่นเร็วจนเขาหายใจตามไม่ทัน สัมผัสเนื้อแท้จริงๆกับในความฝัน มันช่างต่างกันจนเทียบไม่ได้เลย ร่างอรชรใต้ร่างบิดเร้าไปตามแรงปรารถนาที่เขาป้อนให้อย่างไม่รู้เบื่อ ถึงเขาจะรู้ดีแก่ใจ มนต์รสาไม่ได้เต็มใจดำดิ่งลงสู่ห้วงสวรรค์ชั้นเจ็ดนี้กับเขาเลยก็ตาม แต่เขาเชื่อ หญิงสาวเองก็มีความสุขไม่ต่างจากเขาเช่นกันนักหรอก ดูได้จากแรงต้านทานของเจ้าหล่อน มันเลือนหายไปนับตั้งแต่เขาลงลิ้นชิมเธอไปทั้งร่างงามก็ว่าได้ อิศราอดชื่นชมสัดส่วนเต็มไม้เต็มมืออีกทั้งยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างลงตัวพอเหมาะพอเจาะของคนใต้ร่างไม่ได้ เขาคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยๆ ทุกอย่างของมนต์รสา มันถูกสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่ว่าเขาจะลากปลายลิ้นวนไปตรงจุดไหน มันช่างให้ความรู้สึกอิ่มเอมใจจนแทบจะสำลักออกมา ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือลูบไล้สำรวจไปทุกตารางเมตรบนร่างอรชรหอมหวาน ตรงจุดไหนที่เขาชื่นชอบมากเป็นพิเศษเขาจะเฝ้าวนเวียนอยู่ตรงนั้นนานหน่อย โดยเฉพาะยอดจะงอยสีชมพูหวานลิ้นใต้ฐานความอวบอิ่มพอดีคำ เขาใช้เวลาหยุดให้ความสนใจตรงนั้นนานพอสมควร เมื่อขีดความต้องการมาถึงจนสุดปลายทาง อิศราจึงไม่คิดรั้งรออะไรอีกต่อไป เขารีบโหนกายขึ้นเหนือร่างขาวลออ ก่อนจะฝากฝังตัวตนใหญ่โตของตัวเองลงยังจุดเชื่อมระหว่างกันจนสุดปลายทาง มนต์รสาต้องเกร็งตัวสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดน้ำตาแห่งความสูญเสียไหลริน ร่างกายเธอเหมือนถูกฉีกออกจากันเป็นชิ้นๆ อิศราจำเป็นต้องหยุดตัวเองเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าจูบซับน้ำตาเพื่อปลอบใจ “ทนหน่อยนะ...รสา มันจะไม่เจ็บอีกแล้ว ฉันจะค่อยๆทำก็แล้วกัน...” เสียงแหบพร่าเอ่ยปลอบโยน หัวใจหนุ่มพองโต นี่เขาเป็นคนแรกของมนต์รสาหรือนี่ ส่วนคนถูกปลอบใจได้แต่กัดฟันแน่น เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง น้ำเสียงอ่อนหวานของเขาฟังดูแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำเสียงของซานตาน หากทว่าลำแขนเล็กกับกระชับอ้อมกอด รัดร่างใหญ่เอาไว้จนแน่น ปลายเล็บสีเนื้อจิกลงบนแผ่นหลังเพื่อระบายความเจ็บปวดไปในตัว อิศราหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ให้ช้าลง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก เขาต้องข่มความปวดร้าวไว้ไม่ต่างจากหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆผ่อนจังหวะแรงรัก แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เขาต้องควบคุมความต้องการของตัวเองให้มันช้าลงสักหน่อย มนต์รสายังใหม่มากกับเรื่องแบบนี้ เขาไม่อาจทำตามใจตัวเองได้เหมือนเมื่อสักครู่ เมื่อรู้ว่าคนใต้ร่างไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ความสุขในใจมันเลยยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ชายหนุ่มรอจนรู้สึกว่าหญิงสาวปรับตัวเองได้ เขาจึงเริ่มต้นบรรเลงขับกล่อมบทเพลงรักใหม่ ให้มันเป็นไปตามท่วงทำนองบทเพลงหวานจนสุดทาง ก่อนทุกอย่างจะแตกกระจายออกเป็นสายธารแห่งรัก... **************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD