สวัสดีคุณพระเอก

1957 Words
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนยืนพิงต้นไม้อยู่ไม่ไกล เฝ้ามองทุกการกระทำของกู่ถิงเซียงเงียบๆ เห็นรอยยิ้มและความจริงใจสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่สวย พลันทำใจบุรุษเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น ทว่าเมื่อเห็นกู่ถิงเซียงยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจึงนึกฉงนรีบเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กทันที “ถิงเซียง เป็นอะไรหรือไม่” กู่ถิงเซียงได้สติกลับมา ส่ายหน้าบอกว่าตนสบายดี ทว่าสายตากลับไม่ละจากบุรุษแปลกหน้า ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนฉุนขึ้นจมูก สีหน้าดำทะมึนลงทุกขณะ “ไปกันได้แล้ว” ร่างสูงดึงมือหญิงสาวให้เดินตาม แต่แล้วเสียงม้าพลันดังขึ้นจังหวะ เป็นสองหนุ่มสาวที่เพิ่มตามมาทัน “ฝ่า...” องครักษ์หนุ่มกำลังจะร้องเรียกผู้เป็นนาย แต่ว่ากลับถูกกู่ถิงเซียงกระโดดเข้ามาปิดปากไว้ “จะให้ใครรู้ว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ไม่ได้” “ทำไมละพ่ะย่ะค่ะ” “เถอะน่า เชื่อข้า อย่าถามให้มากความ” หากหม่าลู่เสียนรู้ว่าซีหยางเจี่ยนเป็นฮ่องเต้ที่พรากคนรักของเขาไป มีหวังคงได้ฟาดฟันกันตรงนี้เป็นแน่ “เจียวจูเป็นเช่นไรบ้าง เหนื่อยหรือไม่” กู่ถิงเซียงหันไปถามสตรีที่ยืนยิ้มอายๆ อยู่ด้านข้าง “ไม่เลย ได้ออกมาข้างนอกรู้สึกโล่งสบายนัก” ขณะทั้งสี่กำลังยืนคุยกันอยู่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนต่อ เด็กชายตัวน้อยก็วิ่งเข้ามากระตุกชายกระโปรงของกู่ถิงเซียง พลางยิ้มกว้างจนตาหยี “พี่สาวๆ” เด็กชายร้องเรียก กู่ถิงเซียงเลิกคิ้วสงสัย ย่อตัวลงพร้อมยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร “หื้ม หนุ่มน้อยมีอะไรกับพี่สาวงั้นหรือ” เด็กน้อยบิดตัวด้วยความเขินอาย จับมือของกู่ถิงเซียงขึ้นมาแบออก และวางก้อนหินก้อนหนึ่งลงบนมือนาง “ตอบแทนสำหรับของกิน” กู่ถิงเซียงเลิกคิ้วหัวเราะร่า ลูบศีรษะเด็กชายด้วยความเอ็นดู “ขอบใจนะ...” จู่ๆ พลันเกิดนึกอะไรขึ้นมาได้จึงอุ้มตัวเด็กชายขึ้น “ไหน ของมีค่าเช่นนี้ เจ้าไปเก็บมาจากตรงไหน พาพี่สาวไปดูได้หรือไม่” กู่ถิงเซียงหมายอยากจะล้วงข้อมูลของหม่าลู่เสียน อยากรู้ว่าเขาเข้ามารวมกับกลุ่มนักเดินทางได้อย่างไร เมื่อไร และเป้าหมายต่อไปของเขาคืออะไร “ท่านลุงคนนั้นหรือ ข้าไม่รู้หรอก คนเก่าไปคนใหม่มาเป็นประจำ แต่ได้ยินว่าจะไปเปิดร้ายขายใบชาในเมือง” ร้านขายชา... ใบชา นึกให้ออกสิกู่ถิงเซียง พระเอกไปเปิดร้านขายใบชาทำไม นึกๆๆๆ “ถิงเซียง เจ้าทำอะไรอยู่” หวงเจียวจูเห็นเพื่อนสาวก้มๆ เงยๆ หยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง จากนั้นก็โยนทิ้ง และหันไปหยิบหินก้อนใหม่แล้วโยนทิ้งอีก พฤติกรรมช่างแปลกพิลึก “ออ เปล่านี่” กู่ถิงเซียงยิ้มตอบ และหันไปบอกลาเด็กชาย “ขอบใจเจ้ามากนะ พี่สาวคงต้องกลับก่อน” เด็กน้อยทำหน้าเศร้าก่อนโผเข้ากอดกู่ถิงเซียง ยิ้มให้นางก่อนโบกมือลาและวิ่งกลับไปหาครอบครัว “น่ารักจังเลยนะ” หวงเจียวจูพยักหน้าเห็นด้วย “ดูเจ้าเข้ากับเด็กได้ดีจัง หากวันหน้ามีลูกเป็นของตัวเอง ก็คงไร้ปัญหากังวลใจ” กู่ถิงเซียงเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนชี้นิ้วมาทางตน “ใครจะมีลูก ข้าหรือ?” หวงเจียวจูยิ้มบาง “ไม่พ้นฤดูหนาวปีนี้เป็นแน่” กู่ถิงเซียงพยายามอย่างมากที่จะไม่ขำออกมา เจียวจูคิดว่าข้ากับซีหยางเจี่ยนจะมีลูกด้วยกันงั้นหรือ โอ๊ย กลั้นขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว อย่าว่าแต่มีสัมพันธ์กันเลย ช่วงล่างยังไม่กลับมาแข็งขันเช่นนั้นจะปล่อยน้ำเชื้อออกมาได้อย่างไรกัน อีกอย่าง... ข้าไม่ได้อยากมีลูกกับเขาเสียน้อย สองสาวเดินกลับไปหาบุรุษสองคนที่ยืนจับเชือกม้ารออยู่ กู่ถิงเซียงโบกไม้โบกมือ กล่าวขอโทษที่ทำให้พวกเขารอนาน “ท่านหญิง” เสียงเรียกทำกู่ถิงเซียงกับหวงเจียวจูสะดุ้งโหยง เหลียวหลังกลับมามองก็พบบุรุษผู้หนึ่งยืนนิ่งตัวตรง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “เจ้าเด็กนั้นบอกว่าท่านหญิงถามถึงข้า” ห่ะ? กู่ถิงเซียงเบิกตากว้างด้วยความลนลาน โดนเด็กเล่นงานเข้าแล้วไง เจ้าตัวแสบ! เจ้าเด็กปากไม่มีหูรูด!!! “ข้าคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน แล้วเหตุใดท่านหญิงถึง...” “ข้าเห็นว่าเจ้าหล่อดีเลยอยากทำความรู้จักอย่างไรเล่า” กู่ถิงเซียงหัวเราะกลบเกลื่อน “ดูมีสง่า คมเข้มนัก ไม่ทราบว่าชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า” “ข้าชื่อหม่าลู่เสียน” อ้าว บอกชื่อจริงเลยหรือ พระเอกนี่ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย “ข้าชื่อกู่ถิงเซียง เรียกข้าถิงเซียง ข้าเรียกเจ้าลู่เสียน” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตีสนิทมันเลยละกัน “ขออภัยท่านหญิง ข้ามีสตรีในใจอยู่แล้ว” เพล้ง! เหมือนถูกตีแสกหน้า กู่ถิงเซียงอยากจะกรีดร้องและตะโกนใส่หน้าบุรุษเสียเหลือเกิน รู้แล้วว่าเจ้าเป็นของนางเอก!! ข้าไม่คิดจะไปแย่งเจ้าจากนางหรอก มีแต่จะคอยเชียร์ให้สมหวังเสียด้วยซ้ำ!! สมหวังงั้นหรือ? กู่ถิงเซียงเหล่ตามองหม่าลู่เสียนพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเขาเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าอกตามสัญชาตญาณ กู่ถิงเซียงคำรามเสียงต่ำ นางดูอยากกินเขาถึงเพียงนั้นเลยหรือไง “ถิงเซียง!!” ฉับพลันร่างบางถูกดึงออกห่างจากหม่าลู่เสียน พร้อมกับเข้ามายืนกันกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง สายตาคมกริบจ้องมองหม่าลู่เสียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “จะให้ข้ายืนคอยอีกนานไหม” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเค้นเสียงให้ดูดุดัน มือหนึ่งโอบเอวสตรีไว้แน่น แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างชัดเจน “ขออภัย หม่อมฉัน เอ๊ย! ข้าเผลอคุยนานไปหน่อย” รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาทั่วร่าง สายตาเยือกเย็นมองชายตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะออกแรงดึงกู่ถิงเซียงให้เดินตามตนออกมา แต่คนตัวเล็กยังไม่วายหันกลับมาโบกมือและยิ้มกว้างให้หม่าลู่เสียน “ไม่ต้องห่วงนะ ข้าอยู่ข้างเจ้าแน่นอน เจ้าจะต้องสมหวัง” ไม่มีใครรู้ว่ากู่ถิงเซียงต้องการจะสื่อถึงอะไร หญิงสาวพูดจาพิลึกอะไรอีกแล้วเนี่ย ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนพ่นลมหายใจหนักๆ ช้อนร่างกู่ถิงเซียงขึ้นพาดบ่า พร้อมเดิมดุ่มๆ ไปที่ม้าทันที “เกาหยาง เจ้าพาสนมหวงกลับไปก่อน” “แล้วพระองค์จะไปไหน-” “ข้ามีเรื่องต้องสะสางกับภรรยาข้า” กล่าวจบก็รีบควบม้าออกไปทันที องครักษ์และพระสนมในนามมองตามด้วยงุนงง ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากัน “ทรงทำอะไรเนี่ย! จะพาหม่อมฉันไปไหน” กู่ถิงเซียงร้องโวยวายตลอดทาง พยายามบอกให้ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนหยุดควบม้าด้วยความเร่งรีบเสียที นางใกล้จะอ้วกอยู่แล้ว เจ้าม้า ไป๋ฮาว ถูกบังคับให้หยุดที่หน้าน้ำตกแห่งหนึ่ง ร่างเล็กถูกอุ้มจนตัวลอยและวางลงยังโขดหินใกล้ๆ “ฝ่าบาทจะทำอะไร พาหม่อมฉันมา...” กู่ถิงเซียงกะพริบตามองทิวทัศน์โดยรอบด้วยความตื่นตะลึงระคนตื่นเต้นไม่น้อย น้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงสุดลูกหูลูกตา กระทบลงมายังลำธารใสเบื้องล่างที่นางนั่งเอาเท้าจุ่มไว้อยู่ โดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นและให้ความรู้สึกสงบร่มเย็น “สง่า คมเข้มงั้นหรือ กล้าพูดเช่นนั้นกับบุรุษแปลกหน้า ช่างน่าไม่อายนัก!” ใบหน้าหวานเงยหน้ามอง ดวงตากลมสะท้อนแสงแดดเป็นประกายสดใส มุมปากสีแดงเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่สวยจัง” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนนิ่งงันไปชั่วครู่ราวถูกมนตร์สะกด โน้มหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนปลายจมูกสัมผัสโดนแก้มนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำใจบุรุษเตลิดเปิดเปิง รีบดึงร่างเบาเข้าแนบชิดทันที กู่ถิงเซียงไม่ทันได้ตั้งตัวจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ พยายามดันร่างใหญ่ให้ถอยห่าง กระทั่งยื้อยุดกันไปมาและ ตู้ม! ทั้งนางและฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนถลาตกลงไปในน้ำ ทว่าโชคดีที่ไม่ลึกมากและสามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่เพราะความลื่นจากตะไคร้น้ำและกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง กู่ถิงเซียงจึงล้มลุกอยู่หลายครั้ง ระดับน้ำเทียบกับบุรุษคือระดับเอวแต่กับสตรีนั้นขึ้นมาจะถึงอกอยู่แล้ว ครั้นเห็นกู่ถิงเซียงกำลังเดินเข้าหาฝั่ง ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนก็รีบเข้ามารั้งตัวนางไว้ อกอวบทั้งสองปะทะเข้ากับอกแกร่งอย่างจัง ฝ่ามือร้อนไล่ลงไปยังเอวและสะโพกผาย ยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นพร้อมแนบชิดจนเบื้องล่างสัมผัสถูกกัน ริมฝีปากพลันถูกประกบจูบ ขบกัดจนนางยอมเปิดปากและแทรกลิ้นหนาเข้าไปยั่วเย้าอยู่ภายใน เอวสอบขยับไปมาถูไถจนกู่ถิงเซียงเสียววาบมาถึงท้องน้อย “อือ ปล่อย ฝ่าบาทปล่อย” กู่ถิงเซียงพยายามดิ้นรนขัดขืนการกระทำที่อุกอาจของฮ่องเต้หนุ่ม ทว่าไม่อาจต้านแรงของเขาได้เลย “เจ้ากล้ามากที่ชมเชยชายอื่นต่อหน้าข้า” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนลูบนิ้วมือไปมาที่ริมฝีปากล่างของสตรี ฉับพลันก็ถาโถมจูบนางอย่างบ้าคลั่งอยู่อีกหลายครั้ง กู่ถิงเซียงรู้สึกรู้สึกอึดอัดทรมานยิ่ง ช่วงบนถูกดูดกลืนจนชาไปทั่วทั้งปาก บุปผาที่ถูกรบกวนก็ร้อนผ่าว กระตุกรับเป็นจังหวะรัวเร็ว ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนผละออกจากริมฝีปากแดง ซุกไซร้ลำคอขาวและสูดดมกลิ่นกายหอมหวานอย่างลุ่มหลง สองมือเปลี่ยนมายอกเย้ากับยอดปทุมถันทั้งสอง บีบเคล้นจนได้ยินเสียงครางกระเซ่า แขนขาของกู่ถิงเซียงไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวไหวจึงค่อยปล่อยตัวให้จมลงสู่พื้นน้ำ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนโถมตัวตามลงไป นัวเนียและกอดรัดนางไม่ปล่อย เมื่อเห็นว่ากู่ถิงเซียงทำท่าจะหมดลมหายใจก็รีบประกบปากเพื่อส่งต่ออากาศให้ทันที ร่างกายเกาะเกี่ยวกันไปมาจนแทบประสานเป็นหนึ่งเดียว ความสัดเสียวแทรกเข้ากลางกาย ทำสตรีบิดเร้าไปมาอย่างทรมาน พยายามจะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำ ทว่ามือใหญ่อีกข้างกลับรั้งเอวนางไว้ไม่ให้ผละออกได้ ทรมาน... ร้อน... อึดอัด... เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนสติหญิงสาวเริ่มพร่ามัว ร่างบางถูกยกขึ้นจากน้ำ ก่อนนางจะรีบสูดลมหายใจเข้าออก “เลวที่สุด” กู่ถิงเซียงกัดฟันกรอด ร่างกายอ่อนปวกเปียก ได้แต่ก้มหน้าลงหอบหายใจ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนก้มมองสตรีในอ้อมแขน มุมปากยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ แต่แล้วทันใดกลับรู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่าง ความรู้สึกร้อนวูบทำเหงื่อในกายแตกพร่าจนทรงตัวไม่อยู่ไปชั่วขณะ หรือว่า!?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD