ฉันค่อยๆ ขยับตัวเบาๆ ความรู้สึกปวดร้าวบริเวณจุดห่วงแหนของตัวเองมันทำให้น้ำคลอเบ้า ตอนนี้ได้แต่ภาวนาในใจอย่าให้สงครามตื่นขึ้นมา
เมื่อลุกขึ้นได้ก็รีบก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางของตัวเองไปใส่ในห้องน้ำเงียบๆ พอได้เห็นสภาพของตัวเองในห้องน้ำมันทำให้ฉันรับไม่ได้ เพราะตามตัวมีแต่รอยช้ำ เนินหน้าอกลากยาวลงมาจนถึงหน้าท้องที่แบนราบ นี่คือหลักฐานว่าเรื่องที่น่าอับอายนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ช่วงเช้าๆ แบบนี้ฉันรู้ว่าสงครามไม่ทีทางตื่นขึ้นมาแน่นอนเพราะเขาเป็นคนหลับลึก แต่ก็ต้องค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง ก่อนจะออกจากห้องสายตาของฉันเหลือบเห็นคลาบเลือดเป็นวงกว้างตรงจุดที่ฉันนอน ทุกอย่างมันตอกย้ำจนดิ้นไม่หลุด ฉันไม่อาจถกเถียงกับตัวเองได้จริงๆ ว่าเมื่อคืนเราก็แค่นอนหลับไป
ฉันย่องเบาออกมาจากห้อง แทบจะกลั้นหายใจถึงจะรู้ว่าสงครามเป็นพวกหลับลึกแต่ถ้าเกิดเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นฉันทุกอย่างจบแน่
เพราะฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้…..กับตัวเองไปจนตาย จะมีแค่ฉันคนเดียวที่รู้
#ภายในห้อง
ฉันค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาเบาๆ เพราะมันเจ็บที่ตรงนั้น หัวมันแทบจะระเบิดเพราะคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมจุดจบของฉันกับสงครามถึงได้อยู่บนเตียงแบบนั้น
คิดไปก็จะร้องไห้ ฉันไม่เคยอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเลยนะ แล้วต่อจากนี้ไปฉันจะทำตัวปกติได้หรือเปล่า อุตส่าห์จะเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้ผู้ชายที่แต่งงานด้วย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นของเพื่อนสนิทไปแล้ว
ฉันนั่งคิดนั่งซึมน้ำตาคลอจะร้องไห้และเหม่อลอยอยู่แบบนี้ ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากนั่งอยู่เงียบๆ นานเท่าไรไม่รู้ที่ฉันเหม่อลอย จนกระทั่งมีนิ้วมาสะกิดที่แขนเบาๆ ทำให้หลุดจากภวังค์
ฉันหันมาทางที่ถูกสะกิดช้าๆ ก่อนจะตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าเป็นสงคราม จึงรีบขยับตัวหนีลืมไปว่าตัวเองยังเจ็บที่ตรงนั้นอยู่
“ม…มาทำไม…นี่ห้องฉันนะ….ยังเช้าอยู่เลยทำไมนายตื่นเร็วจัง” นี่เป็นคำทักทายที่ดูโง่มาก เพราะความตกใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ฉันถามไปแบบไม่ทันคิด
“เป็นอะไรวะเห็นหน้าฉันตกใจอย่างกับเห็นผี แล้วถามบ้าอะไรของเธอ” สงครามขยับมาใกล้ๆ เพื่อสำรวจ “ทำไมหน้าเธอซีดๆ ไม่สบาย?”
เขากำลังจะเอามือมาแตะที่หน้าผากของฉัน แต่ทว่าฉันรีบปัดออก “ฉันสบายดี”
ที่คิดเอาไว้ว่าจะทำตัวปกติ แต่ให้ตายเถอะ!! พอได้เจอหน้าเขาแล้วมันทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวปกติได้จริงๆ
เพื่อน เขาคือเพื่อน….เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ฉันพยายามสะกดจิตตัวเองในใจแต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดทำให้ตั้งสติไม่ได้จริงๆ
“เมื่อคืน…..”
“ม…ไม่มีอะไร เมื่อคืนฉันกับนายนอนคนละห้อง ไม่มีอะไรทั้งนั้น!!” เป็นเพราะความร้อนรนทำให้ฉันรีบตอบจนลืมไปว่าเขายังไม่ได้ถามอะไรมากมาย สงครามที่ได้ยินคำปฏิเสธของฉันเขาก็ขมวดคิ้วเข้มจ้องหน้าฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะพูด “เหมือนเธอจะรู้ดีว่าฉันจะถามอะไร”
“ฉ…ฉันไม่รู้” คำตอบของฉันมันนิ่งทำให้สงครามมองด้วยความสงสัยขึ้นไปอีก
“เมื่อคืนฉันพาใครมาที่ห้อง ?”
“…….” ได้ฟังคำถามจู่ๆ ก็รู้สึกแน่นเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องยังไงก็ไม่รู้ “จะไปรู้ได้ไง ฉันเมา”
“ฉันตื่นมาก็ไม่เจอใครที่ห้อง แต่เห็นคลาบเลือดบนผ้าปูที่นอน” สงครามเว้นคำพูดแล้วใช้สายตาไล่สำรวจมอง ทำให้ฉันต้องหลบสายตา “แปลว่าฉันคือผู้ชายคนแรกของผู้หญิงคนนั้น”
“แล้วนายจะมาเล่าฉันทำไม”
“ทำไมเธอยังใส่ชุดเมื่อคืนอยู่ ?”
ไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนขี้สงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าจะรู้เรื่องเมื่อคืน แต่คงไม่ใช่ ถ้ารู้คงไม่ถามแบบนั้นแน่ๆ
ตอนนี้จังหวะการเต้นของหัวใจฉันมันพุงทยานสูงมาก หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ได้แต่ภาวนาขอให้สงครามออกไปจากห้องสักที
“ฉ….ฉันเพิ่งตื่น”
“เธอเนี่ยนะตื่นเที่ยง”
“เที่ยงแล้วหรอ” ฉันรีบก้มหน้าก้มตามองหาโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อดูเวลา แต่หายังไงก็หาไม่เจอ
“หาอะไร ?”
“โทรศัพท์ ไม่รู้ฉันเอาไปวางไว้ตรงไหน” พูดจบโทรศัพท์ของฉันก็ถูกสงครามยื่นมาให้ตรงหน้า “เธอลืมเอาไว้ในห้องของฉัน”
“……..” หัวใจดวงน้อยมันหล่นวูบทันทีที่ได้รู้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่ห้องของเขา
บ้าจริง!! ทำไมฉันถึงไม่รอบครอบแบบนี้นะ
“อ่า! ฉันนี่ขี้ลืมจริงๆ เลย” ฉันยิ้มเพื่อให้เป็นปกติก่อนจะยื่นมือไปจับโทรศัพท์ แต่สงครามไม่ยอมปล่อยโทรศัพท์ออกจากมือของตัวเอง
“ทำไมโทรศัพท์ของเธอถึงไปอยู่ที่ห้องนอนฉัน ?”
“……” ทำไมแต่ละคำถามมันถึงได้จี้จุดขนาดนี้นะ แล้วฉันจะแก้ต่างให้ตัวเองยังไงดี
“เส้นด้ายฉันถามจริงจังนะ เมื่อคืน……”
“ฉันแบกนายไปส่งที่ห้องแล้วทำตกไว้” ฉันรีบพูดตัดบทเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยอะไรไปมากกว่านี้
“ไหนบอกว่าเมาจำอะไรไม่ได้ ?”
“เอะ!! นี่นายจะมาคาดคั้นฉันทำไมเนี่ย” พอจนมุมฉันก็เริ่มขึ้นเสียงใส่ คิดว่าทำวิธีนี้แล้วเขาจะเลิกสนใจสักที
“ฉันกำลังคิด” เขาบอกพร้อมกับมองฉันแบบไม่ยอมละสายตา ฉันจึงถามกลับ “คิดอะไรของนาย”
หัวใจมันเต้น ตุบ! ตุบ! ตุบ! ขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิดทีเถอะ ปกติเวลาเมาเขาก็จำอะไรไม่ได้นี่ แล้วจู่ๆ จะมาจำเรื่องน่าอายนั้นได้ยังไง
จากสายตาที่จ้องมองฉันเปลี่ยนเป็นมองไปทางอื่น แล้วพูดเสียงเบาๆ “…คิดว่าเป็นเธอ”
“จะบ้าหรือไงนี่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ นะ นายคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไง นั่นใช้สมองคิดจริงๆ หรอห๊ะ!!” ฉันโวยวายกลบเกลื่อนความจริงทันที
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่จะโวยวายทำไมวะ ดีแล้วที่ไม่ใช่เธอถ้าเป็นเธอจริงๆ ฉันคงนอนฝันร้ายทุกคืน” สงครามเองก็ขึ้นเสียงใส่ฉันเหมือนกัน
“ฉันก็คงต้องไปทำบุญล้างซวยเหมือนกัน”
“ไหนว่าไม่ใช่แล้วจะไปทำบุญล้างซวยเพื่อ ?” เขาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจอีกครั้ง นี่ฉันพูดอะไรมันก็น่าสงสัยไปหมดเลยหรอเนี่ย
แต่ก็โชคดีที่เขาเชื่อ ถ้าเกิดรู้ความจริงขึ้นมาฉันกลัวคำว่าเพื่อนของเราจะหายไป….
“ก็…..พูดเฉยๆ ไง ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย”