ตอนที่ 6 ว่าที่ลูกสะใภ้คนที่ 2 -2-

2559 Words
“ท่านประธานครับ! ท่านประธานหมดสติไปครับ!” ยังไม่ทันได้ไปไหน ก็มีเรื่องร้ายแทรกเข้ามาเสียก่อน พีไม่คิดอะไร วิ่งตรงไปที่ห้องท่านสายชลด้วยความเร็วสูงสุด โชคยังดีที่ตอนนี้มีหน่วยกู้ภัยกำลังเข้ามารับตัวท่านสายชลกำลังพาไปโรงพยาบาลพอดี พีหอบหนัก ตอนนี้ร่างกายชาไปทั้งแถบ การที่ท่านล้มไปแบบนี้เป็นไปได้ว่าเรื่องประชุมว่านี้น่าจะมีส่วน เพราะคนที่ท่านไว้ใจมาหลายปี ร่วมกันทำธุรกิจมาก็นาน กำลังจะหักหลัง แถมยังเอาข้อมูลของบริษัทไปให้คู่แข่งอีก ชายหนุ่มตามพ่อบุญธรรมของตัวเองไปติด ๆ จนลืมไปเสียสนิทว่าตนเองมีนัดสำคัญ แต่ตอนนี้เรื่องของผู้มีพระคุณต้องมาก่อน อย่างน้อยต้องรู้ว่าท่านปลอดภัย เขาถึงจะเบาใจ ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง “เฮ้อ~” ชายหนุ่มกำลังนั่งเฝ้าคนป่วยไม่ยอมห่าง มองคนที่หน้าซีดเผื่อด นอนหลับตาพริ้ม มีสายระโยงระยางไว้กับร่างกายเต็มไปหมด ตลอดมาท่านสายชลแข็งแรงมาก แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น บวกกับความเครียดช่วงนี้ เลยทำให้ท่านหมดสติไป แม้หมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่มีอะไรกระทบกระเทือนก็ตาม แต่ใครจะวางใจได้ล่ะ ต้องเห็นว่าท่านฟื้นกับตาเสียก่อน พีถึงจะรู้สึกเบาใจ แต่ก็ยังมีเรื่องที่หนักใจ เพราะตอนนี้มีคนที่อาจจะยังรอเขาอยู่ สายตาปนเศร้ามองจอมือถือด้วยความกังวล ตอนนี้เกือบจะบ่ายสองแล้ว เธออาจจะไม่รอเขาอยู่ก็ได้ หรือบางที... อาจจะเกลียดเขาไปเลย เพราะนัดครั้งแรกก็เบี้ยวเสียแล้ว Errr~ “ค่ะ” คนที่นั่งรอในคาเฟ่ใต้หอพักมาเกือบ 2 ชั่วโมง จนเจ้าของร้าน และพนักงานต่างหันมองเป็นระยะ รับสายที่รอคอยด้วยความรู้สึกแอบน้อยใจลึก ๆ [ขอโทษนะปริม ผมอาจจะไม่ได้ไปตามนัด พอดีท่านสายชลหมดสติไป ผมเลยต้องดูแล ตอนนี้ท่านยังไม่ฟื้นเลย] “ตายจริง คุณพีดูท่านสายชลเถอะค่ะ อย่ากังวลเรื่องของฉันเลย” หญิงสาวพักหายใจไปช่วงหนึ่ง ยอมรับเลยว่ากำลังน้อยใจ แต่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น เธอจึงเข้าใจมันดี “แล้วพี่ซันรู้เรื่องหรือยังคะ?” [ครับ กำลังหาไฟลท์บินมา] “ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยคะ? ... อายุก็เริ่มเยอะแล้วด้วย” ปริมเอ่ยถามด้วยเสียงเป็นห่วง ตอนนี่รุ่นพี่อย่างซันคงจะร้อนใจมากแน่ ๆ [หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากครับ] “ดีจัง... คุณพีเองก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ” [ครับ] ตอนแรกก็ว่าเครียดมากที่ตนไม่ได้ไปตามนัดที่ตนเองเป็นคนนัดเอง แต่พอได้คุยกับเจ้าหล่อน มันรู้สึกใจฟูขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เด็กน้อยในวันนั้นตอนนี้โตเต็มตัวแล้วสินะ ยังแอบคิดอยู่เลยว่า หากเธอโวยวายขึ้นมา ชายหนุ่มคงผิดหวังแย่ [ขอบคุณนะครับ... ปริม] “ถ้าอย่างนั้น เอาไว้โอกาสหน้านะคะ” [ยินดีครับ... ยินดีมาก ๆ เลยครับ] “คะ... ค่ะ” เสียงนุ่ม ๆ ที่ปลายสายทำเอาเจ้าหล่อนแทบทำหน้าไม่ถูก ไอ้ความน้อยใจตอนแรกมันกระเจิงหายไปจนหมด กลายเป็นวาบหวิวที่ท้องน้อยเบา ๆ แทน ใบหน้าเธอเริ่มแดงก่ำเพราะคารมคนมากประสบการณ์ แล้วแบบนี้เจ้าหล่อนจะทนได้แค่ไหนกัน ส่วนอีกฝ่ายที่เพิ่งวางหูไปก็ยิ้มจนแก้มแทบแตก โชคดีที่ตอนนี้อยู่ที่ระเบียงห้องผู้ป่วย มีความเป็นส่วนตัวมากพอที่จะแสดงความรู้สึกยินดีแบบออกนอกหน้าได้เต็มที ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง และเจอเข้ากับสายตาที่คุ้นชินกำลังจ้องมองเขาอยู่ ท่านประธานได้ฟื้นคืนสติตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และได้ยินที่เขาคุยกับเด็กสาวไปมากน้อยเท่าไหร่แล้วเนี่ย!? “แกมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะพี ฉันดีขึ้นแล้ว” ผู้อาวุโสบอกพร้อมพยายามยันตัวขึ้นนั่ง “ท่านประธานรู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? เดี๋ยวผมไปตามหมอมาตรวจอาการสักหน่อยดีกว่า” การกระทำมักเร็วกว่าคำพูด ท่านสายชลยังไม่ทันที่จะบอกอะไร เจ้าพีก็รีบออกไปตามหมอมาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเป็นห่วงคนแก่คนนี้ หรือเพราะอายกับเรื่องที่ตนได้ยินกัน “เฮ้อ~ ว่าที่ลูกสะใภ้คนที่ 2 มาไวกว่าที่คิดนะเนี่ย” คุณหมอกลับไป ไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง แค่ตอนนี้ท่านสายชลต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ เข้าไว้ อีกอย่าง ห้ามมีเรื่องเครียดมาให้ท่านต้องหนักใจ เรื่องแรกพี่ยังพอทำได้ เพราะหลัง ๆ มาเขาก็แทบจะดูแลงานแทนผู้อาวุโสอยู่แล้ว แต่เรื่องหลังนี่สิ ไม่รู้จะห้ามอย่างไร ยิ่งแก่ตัวไป ทำไมยิ่งดื้อก็ไม่รู้ ชอบยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิดมาเสมอ “ถ้ามีธุระอะไรก็ไปทำ” ท่านสายชลบอกกับหลานตนที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน “มีนัดไม่ใช่เหรอ?” “ได้ยินด้วยเหรอครับ?” ผู้อาวุโสไม่ตอบตรง ๆ เพียงพยักหน้า พร้อมส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้ คนที่นั่งอยู่ถึงกับเบือนหน้านี้ เขาไม่ชอบสายตารู้ทันของท่านประธานคนนี้จริง ๆ มีแค่เรื่องนี้แหละที่ยังไม่อยากให้รู้ “ฉันเห็นนะ ตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว” “โถ่ ท่านประธาน เรื่องนี้ผมขอจัดการเองเถอะนะครับ” “ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แกจะร้อนตัวไปทำไมพี” เห็นไหม ต่อหน้าท่านประธาน พีเป็นแค่เด็กน้อยวัย 15 ไม่รู้จักโตในสายตาของเขาตลอด เรื่องความรักที่ไม่คิดไม่ฝันว่าชายหนุ่มจะมีนี่ก็ด้วย อย่างน้อยได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องร้าย ๆ ได้ คนที่เลี้ยงดูมาอย่างเขาก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี “พรุ่งนี้คุณซันน่าจะมาช่วงค่ำ ๆ นะครับ” “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จะไปบอกมันทำไม” จากเรื่องน่ายินดี กลายเป็นเรื่องหัวเสียไปเสียแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากให้ลูกมาหานะ แต่ทุกครั้งที่ซันกลับมาประเทศไทย เจ้าตัวมักมากับปัญหาที่แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้เสียที เพราะทุกครั้งที่ตนต้องเจอหน้าพ่อและแม่แฟนสาวของลูกชาย คนแก่คนนี้ทำหน้าไม่ถูกทุกครั้ง ได้แต่ยิ้มเจื่อนให้ตลอด “มันกลับมาทีไร มันก็ไปวุ่นวายกับหนูเพไม่จบไม่สิ้น ฉันที่ต้องรับหน้าพ่อแม่หนูเพนี่ ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว” “ไว้ที่เดิมนั่นแหละครับ” พียิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมดึงผ้าห่มขึ้นให้ผู้อาวุโส อยากให้ท่านได้พักผ่อนอีกหน่อย “พักผ่อนเถอะครับ เรื่องอื่น ๆ ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้เรียบร้อยก่อนท่านออกจากโรงพยาบาลแน่นอน” “เฮ้อ~ คนเรารู้จักกันนานขนาดนั้น...” ท่านสายชลเลือกที่จะไม่พูดต่อ ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน “... ช่างเถอะ แกก็ไปทำธุระให้เสร็จเถอะพี ไม่ต้องห่วงฉัน ยังมีอีก 2 คนหน้าห้องไม่ใช่รึ เดี๋ยวมีอะไรพวกนั้นก็ดูแลฉันเอง แกก็ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” “เข้าใจแล้วครับ พักผ่อนเถอะ เริ่มดึกแล้วด้วย” ยามค่ำคืนแถมหอพักที่เต็มไปด้วยนักศึกษามันไม่เคยเงียบ แม้ว่าตอนนี้จะใกล้เข้าวันใหม่ไปทุกที แต่ก็ยังเห็นหนุ่มสาวเดินสวนกันละลานตาไปหมด แต่ก็ไม่น่าสนเท่ากับเด็กสาวที่ชายหนุ่มนึกถึงในทุกห้วงคะนึง รถหรูจอดเทียบที่จอดรถหน้าหอพักของหญิงสาว แน่นอนล่ะว่าเขาเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าหล่อนพักอยู่ที่ไหน แม้จะตามคำสั่งผู้เป็นนาย แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาใส่ใจทุกระเบียบนิ้ว ไม่รู้ว่านี่มันดึกไปสำหรับเธอหรือเปล่า คนขี้กังวลเลยเอาแต่จ้องหน้าจอไม่ยอมห่าง กำลังตัดสินใจว่าจะโทรหาเธอดี หรือว่าจะนั่งอยู่แบบนี้เฉย ๆ ... แต่ก็มาแล้วนี่นะ Errr~ เสียงเรียกเข้าดังจนคนที่หลับไปแล้วไล่คว้ามือถือที่กำลังรบกวนตัวเองอยู่อย่างไม่รู้จุดหมาย ก่อนจะเอาเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาขนาบข้างแนบใบหู “ค่ะ~” เสียงเธออู้อี้อย่างเห็นได้ชัด [หลับแล้วเหรอครับ?] นี่กำลังฝันอยู่ใช่หรือเปล่า มือเรียวดึงเจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาดูหน้าจอ ก็พบว่าคนที่โทรมาคือชายหนุ่มที่วันนี้เธอรอมาทั้งวัน “เอ๊ะ!?!” เสียงปลายสายดูลนลานจนคนที่กำลังฟังอยู่หลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอหลับไปแล้วไม่ผิดแน่ แต่เขาดันมาปลุกเธอให้ตื่นแบบนี้ รู้สึกแย่ แต่ก็รู้สึกดีด้วยเช่นกัน “คุณพี... เหรอคะ?” เธอกระซิบกระซาบ เพราะว่าเธอก็ไม่ได้อยู่ห้องคนเดียวเสียหน่อย ยังมีเพื่อนสาวที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงจากไหนมานอนทั้งวันกำลังหลับอยู่ เลยค่อย ๆ ลุกขึ้นและออกไปนอกระเบียง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ร่วมอาศัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” [มาเจอกันหน่อยได้หรือเปล่าครับ ผมอยู่ข้างล่างหอพักของปริมนี่เอง] ปริมก้มลงมองไปข้างล่าง เพราะเธอก็อยู่ตั้งชั้น 15 แต่กลับเห็นเขาชัดเจน แถมกำลังยืนโบกมือมาทางเธอเหมือนรู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังมองอยู่ “รอสักครู่ได้หรือเปล่าคะ พอดีฉัน...” “ได้ครับ ผมรอได้” เด็กสาวตอนนี้เรียกได้ว่าทำตัวไม่ถูก จู่ ๆ เขาก็โผล่มาเสียจนเธอไม่ได้ตั้งตัว ตอนนี้เธอใส่แค่เสื้อยืดตัวโคร่ง กับกางเกงบอลเอวมัดยาง สภาพนี้จะให้ไปเจอคนที่ชอบได้อย่างไร ทำไมกันนะ ตอนที่เจ้าหล่อนแต่งตัวสวยจนไม่ว่าใครก็เหลียวหลัง ทำไมเขาถึงไม่เห็น เพราะไม่อยากให้คนที่ปกติงานยุ่งอยู่แล้วรอนาน เจ้าหล่อนเลยลงมาทั้งแบบนั้น แต่ก็ไม่ลืมล้างหน้าเสียหน่อย เพราะไม่อย่างนั้น คงเป็นความทรงจำอีกเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของเด็กสาววัย 21 แน่นอน แต่ไม่ว่าเธอจะใส่ชุดอะไร ปริมในสายตาของพีก็เป็นที่หนึ่ง พอได้เห็นเธอใส่ชุดสบายกว่าที่คิด เขาก็ไม่ได้นึกตำหนิหรือต่อว่าอะไร ยังเอ็นดูความน่ารักของเธอด้วยซ้ำ จนอย่างจะเอากลับบ้านตอนนี้เลย “อย่างน้อยก่อนจะมาก็บอกกันก่อนสิคะ” เด็กสาวก้มงุด ไม่กล้ามองคนที่ยังอยู่ในชุดสูทดูดีมีระดับตรงหน้า แถมยังเว้นระยะห่างจนชายหนุ่มต้องเดินเข้าไปใกล้ด้วยตนเอง “ผมจะมาขอโทษที่ไม่มาตามนัด...” เด็กสาวกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินคุยกันอย่างไม่ระวังตัว เลยทำให้เผลอไปชนเข้ากับปริมที่ยืนก้มหน้ามองพื้นด้วยความเขินอาย จนเซเกือบล้มใส่ดงกระบองเพชรที่นักศึกษาชอบเลี้ยงเอาไว้ เมื่อเรียนจบบางคนก็เอาไปด้วยบางคนก็ปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ แต่โชคยังดีที่ชายหนุ่มรั้งตัวสาวน้อยเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น เจ้าหนามเล็ก ๆ เหล่านั้นคงได้ทิ่มแทงผิวสวย ๆ ของเธอหลายแผล “ขอโทษค่ะ” เด็กสาวที่เป็นคนชนหันมาขอโทษที่ตนเองไม่ระวัง แต่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นั่นคงเพราะความหล่อของชายหนุ่มเป็นเหตุ “หล่อมากพวกแก~” “พี่ชายเหรอ? หรือแฟน? น่าอิจฉา!!” เอาเถอะ มันเป็นคำที่พีได้ยินจนบ่อย แต่ที่น่าเห็นใจกว่าก็คือคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตนตอนนี้ เด็กสาวที่เกือบจะมีรูทั้งตัว ตอนนี้ตัวแข็งทื่อไปเสียแล้ว นั่นก็เพราะ แขนแกร่งของชายหนุ่มกำลังโอบรัดเอวกิ่วของเธอ จนร่างกายนุ่มนิ่มเข้าไปแนบชิดกับกายแกร่ง จนจมูกเชิดรั้นน้อย ๆ ของเจ้าหล่อนได้กลิ่นกายแบบผู้ใหญ่ชัดเจน เมื่อก่อนกลิ่นน้ำหอมนั้นเป็นแบบใด ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น เธอจำมันได้ดี กระหม่อมของสาวเจ้าอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ แม้เมื่อครู่เป็นเพียงอุบัติเหตุก็จริง แต่ก็เป็นอุบัติเหตุที่พีรู้สึกยินดีมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แขนแกร่งนั้นยังคงอยู่ที่เดิม จมูกโด่งสันค่อย ๆ สูดดมกลิ่นที่หอมหวนอย่างต้องการซึมซับให้ได้มากที่สุด อ่า~ ไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะคลั่งรักเด็กสาวได้เพียงนี้เชียว “คะ... คือ” เสียงเธอช่างอู้อี้ “ปริมไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่า ไม่โดนหนามหรือเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ?” พีถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมสอดส่องสายตาไปทั่วร่างนุ่มนิ่มที่ตนไม่ยอมปล่อยเสียที “มะ... ไม่เป็นไรค่ะ” เด็กสาวที่เขินจนแทบจะละลาย ค่อย ๆ ดันร่างตนเองออกมาจากแขนแสนอุ่น แม้ชายหนุ่มจะเสียดายแทบตาย ก็ต้องปล่อยเธอไป และได้เห็นพวงแก้มนวลเนียน ถูกย้อมด้วยเลือดฝาดแดงระเรื่อจนถึงใบหู เขาแทบอยากจะคว้าใบหน้าเธอมาขบกัดเบา ๆ เสียจริง โครก~ เสียงท้องร้องของชายหนุ่มทำเอาเสียบรรยากาศ เด็กสาวที่ได้ยินเต็มสองหูถึงกับหันไปหัวเราะเบา ๆ แน่ล่ะ เพราะวันนี้พีเองก็แทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้อง และในหัวก็กังวลแต่เรื่องของหญิงสาวตรงหน้า พอสบายใจเข้าหน่อย ท้องก็ร้องเพราะต้องการอาหารเป็นธรรมดา “ทานอะไรหรือยังคะ?” ปริมถาม พร้อมส่งยิ้มให้ แต่พอนึกได้ก็รู้สึกเขินเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตาตรง ๆ เหมือนเดิม “ยังครับ วันนี้ยุ่งทั้งวัน...” ความเล่ห์เหลี่ยม บางที่ก็ต้องมีชั้นเชิงเล็กน้อย มือหน้าค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือนุ่มนิ่มของเด็กสาวตรงหน้าเอาไว้ จนเจ้าของสะดุ้งเฮือก “...ไปหาอะไรทานเป็นเพื่อนผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ อะไรก็ได้” ปกติพีไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องกินอยู่แล้ว ยิ่งคนที่กินด้วยเป็นเจ้าหล่อน ต่อให้เป็นแค่ข้าวเปล่า เขาก็บอกว่ามันอร่อยอยู่ดี “ถ้าอย่างนั้น...” ปริมทำท่าคิดสักครู่ แม่สติตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่ที่มือของตนเองที่โดนช่วงชิงไป “...เป็นบะหมี่เกี๊ยวดีไหมคะ เขาเปิดถึงตีสี่ แถมอร่อยมากด้วย” “ได้สิครับ ถ้าปริมว่าอร่อย ผมก็อยากทาน” คิดว่าไม่น่าจะแค่อยากทานอาหาร แต่อยากทานคนตรงหน้าด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD