“เมื่อไหร่จะปล่อยอ่ะหยีเราปวดคอ” ธนนโอดโอยเมื่อฉันยังไม่ยอมปล่อย ฉันลากเขามาถึงหน้าร้านค้าสวัสดิการถึงได้คลายแขนที่ล็อกคอธนนออก
“แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายได้นะเนี่ย” ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย แค่ดึงคอลงมาต่ำเพราะส่วนสูงห่างกันเท่านั้นเอง
“ขอโทษ” แต่อย่างนั้นฉันก็เอ่ยขอโทษเพื่อน “เดี๋ยวเลี้ยงน้ำปลอบใจ”
“ไม่พอ” คนเรื่องมากเดินตามหลัง มือถือตะกร้าแล้วเริ่มหยิบขนม
“อยากกินอะไรเอาเลยเดี๋ยวเราจ่าย” คนฟังยิ้มแป้น ไม่มีความเกรงใจใด ๆ นอกจากยัดขนมใส่ตะกร้าให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” เป็นฝนที่ทักขึ้นเมื่อเราสองคนเดินกลับมา ตอนนี้พี่ฝุ่นกับพี่ธนินไม่อยู่แล้วฉันเลยค่อนข้างจะโล่งใจ
“คุณเขาบอกจะแจ้งความที่ฉันลากตัวไปก็เลยต้องปิดปากด้วยขนม”
“เด็กหนอเด็ก” ฝนส่ายหน้า ปากบอกว่าธนนเด็กแต่ตัวเองกำลังแกะขนมที่เด็กเลือกส่งเข้าปาก
“ไม่เด็กนะครับคุณ ถ้าไม่เชื่อพิสูจน์ได้” โอ้โห สายตาที่มองฝนเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ลิบลับเลย มันดูเจ้าเล่ห์จนขนลุกยังไงบอกไม่ถูก ชักไม่แน่ใจแล้วแฮะว่าจริง ๆ แล้วธนนเป็นคนยังไงแน่
“ขอผ่านค่ะ ไม่นิยมเด็กที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่” รายนี้ก็ไม่เบา ปากแซ่บไม่ไหว
“ผมนี่เจ็บจี๊ดเลยครับคุณ” จากสีหน้าเจ้าเล่ห์เมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นขี้เล่นอีกครั้ง
เราสามคนคุยกันไปเรื่อยกระทั่งหมดเวลาพักก็เข้าร่วมกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย ทั้งเล่นเกม ทั้งได้เต้นแถมบางครั้งก็ได้ออกไปร้องเพลง เรียกได้ว่าทำทุกอย่างที่เป็นการละลายพฤติกรรม
“เหนื่อย!” ฝนกับธนนทิ้งตัวลงแล้วเอนหลังพิงกันอย่างหมดแรง
“เล่นทุกเกมขนาดนั้นไม่เหนื่อยสิแปลก” เปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้เพื่อนทีละคน ก็เล่นวิ่งจู๊ดออกไปทุกครั้งที่รุ่นพี่ขออาสาจะไม่ให้เหนื่อยยังไงไหว
“ก็ไม่มีใครอยากไปนี่ เรากับฝนก็เลยทำให้เห็นว่าการทำกิจกรรมก็ไม่แย่ แค่ปล่อยจอยก็สนุกแล้ว”
“บางคนเขาก็แค่ไม่ชอบแหละ” อย่างฉันก็ไม่ชอบแต่ถ้าให้ทำก็ทำได้
“เข้าใจ คนเราไม่เหมือนกัน”
“เก่งมาก” ยกนิ้วให้อย่างเยินยอ คนถูกชมยักคิ้วหลิ่วตาให้ตามประสาคนขี้เล่น
“ว่าไงเด็กหายเหนื่อยกันรึยัง” เป็นพี่ฝุ่นที่เดินหล่อเข้ามาหา ถึงผมที่เคยเซ็ตมาอย่างดีจะมีแป้งติดอยู่บ้างแต่อย่างนั้นพี่ชายฉันก็ยังหล่อ สมแล้วที่วันนี้รุ่นน้องกรี๊ดกร้าดคอแทบแตก
“ยัง” ฝนตอบแล้วเอนหลังทิ้งน้ำหนักหาธนนยิ่งกว่าเดิม ทำเอาอีกฝ่ายยู่หน้าบอกว่าหนัก
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องกินแล้วมั้งหมูกระทะ” พี่ฝุ่นยิ้มขำเมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองเด้งตัวลุกอย่างไวเมื่อได้ยินคำว่าหมูกระทะ “รีบเลยนะอ้วน”
“ก็ของฟรี เล่นตัวนานไม่ได้เดี๋ยวจะอด” พูดจบก็วิ่งไปเอากระเป๋าที่กองรวมกันตรงมุมเสาแล้วยังใจดีหยิบมาเผื่อฉันด้วย
“ส่วนธนนไอ้ธนินบอกว่ารอที่รถ”
“โอเคครับ งั้นไว้เจอกันที่ร้าน”
“พี่ธนินจะไปด้วยเหรอคะ” ธนนวิ่งออกไปแล้วฉันเลยได้โอกาสถาม
“พี่ชวนมันเองแหละ ไม่ได้เจอกันนานมีเรื่องให้คุยเยอะแยะเลย หรือหยีไม่สะดวกพี่จะได้โทรบอกมันว่าวันหลังค่อยนัดใหม่”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฝุ่น” รีบห้ามเมื่อพี่ชายล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า “หยีแค่ถามดูเฉย ๆ” จะให้บอกว่าฉันไม่สะดวกใจมันก็ดูเกินไปหน่อย ฉันไม่ได้รังเกียจพี่ธนิน แค่กำลังกลัวว่าถ้าต้องนั่งร่วมโต๊ะกันนาน ๆ ฉันอาจจะทำตัวไม่ถูก
“เลิกกันแล้วก็ยังเป็นพี่น้องได้” มือใหญ่วางลงบนหัว พี่ฝุ่นยิ้มให้ฉันก็เลยต้องยิ้มตอบ “พี่ว่าไอ้ธนินมันไม่ได้ติดใจอะไรหรอก หยีก็ไม่ต้องไปคิดเยอะ”
“ค่ะ” หยีจะพยายามก็แล้วกัน
“คุณยาหยีครับ” เดินมาถึงลานจอดรถผู้ชายตัวสูงในชุดสูทสีดำสนิทก็เดินเข้ามาหา ไม่ได้ตกใจที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็โผล่มา นั่นก็เพราะชินแล้วที่ได้เห็นเขาคนนี้ “คุณท่านให้มาเชิญคุณหยีไปพบครับ”
“วันนี้หยีไม่ว่างค่ะ รบกวนพี่เมฆบอกคุณท่านให้ด้วยนะคะ”
“ท่านบอกว่ามีของขวัญแสดงความยินดีเรื่องสอบเข้ามหา’ลัยมอบให้ครับ ท่านอยากส่งให้ถึงมือคุณหยีด้วยตัวเอง”
“เหอะ” ถึงจะดูเสียมารยาทที่หลังผู้ใหญ่พูดจบแล้วฉันแค่นหัวเราะ แต่มันอดไม่ได้
ฉันสอบติดมหา’ลัยเกินสามเดือน แล้วก็เปิดเทอมได้เกือบสองอาทิตย์ คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อพึ่งนึกได้รึไงว่าควรให้ของขวัญฉัน
การต่างคนต่างอยู่โอนแค่เงินมาให้อย่างเมื่อก่อนก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องอยากให้ฉันไปเจอ อยากแสดงออกถึงความห่วงใยทั้งที่ระหว่างเราไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น
“ไม่รบกวนเวลาคุณหยีนานครับ ไม่เกินสามสิบนาที”
“หยีไม่สะดวกจริง ๆ ค่ะ เรื่องของขวัญฝากบอกคุณท่านด้วยนะคะว่าหยีไม่อยากได้” พูดจบฉันก็ไม่รอฟังอะไรอีก ถึงรู้ว่าทำแบบนี้เจ้านายของพี่เมฆต้องไม่พอใจแต่ฉันก็ไม่สน
“ช่วงนี้ทำไมพ่อแกวอแวจัง” รถเคลื่อนตัวออกจากมหา’ลัยฝนก็เอี้ยวหน้ากลับมาหาเพราะฉันนั่งอยู่เบาะหลัง
“ไม่รู้สิ นอกจากรางวัลนักธุรกิจดีเด่นก็คงอยากได้รางวัลพ่อดีเด่นด้วยมั้ง”
“เบาได้เบา” พี่ฝุ่นมองกระจกส่งสายตามาปรามกัน “พี่รู้ว่าหยียังโกรธเรื่องที่เขาทำกับน้าหญิง แต่ยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่าพ่อ พี่ไม่อยากให้หยีพูดถึงเขาด้วยคำพูดที่ไม่ดี”
“ทำไมพี่ฝุ่นต้องดุไอ้หยีด้วย” ฝนตีแขนพี่ชายจนดังเพียะ “ที่ผ่านมาก็เห็นแล้วนิว่าหยีต้องทรมานแค่ไหนกับสิ่งที่เขาทำไว้ ขนาดนี้แล้วยังจะไปเข้าข้างคนอื่นอีกแทนที่จะเข้าข้างน้องตัวเอง”
“พี่ไม่ได้เข้าข้างคนอื่น ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะพี่เป็นห่วงหยี เราไม่จำเป็นต้องทำตัวไม่ดีเพราะคนอื่นทำไม่ดีใส่หรอกนะ น้องพี่เป็นคนน่ารักขนาดไหนพี่รู้ดี เพราะฉะนั้นอย่าพูดหรือทำอะไรให้ตัวเองดูแย่ในสายตาใครเพื่อความสะใจเลยนะหยี”
“หยีขอโทษ” ฉันก้มหน้าสำนึกผิด ไม่โกรธเลยที่โดนดุเพราะรู้ดีว่าทุกคำที่ออกจากปากของพี่ฝุ่นล้วนแล้วแต่เกิดจากความหวังดี ซึ่งมันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ที่ทุกคนรับฉันเข้ามาเป็นครอบครัว
“พี่ไม่ได้ต้องการคำขอโทษหรอกนะเพราะหยีไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เข้าใจว่ามันยากแต่พี่อยากให้หยีพยายาม ไม่ได้เพื่อใครแต่เพื่อใจของหยีเอง”
“ค่ะพี่ฝุ่น ขอบคุณที่เตือนสติหยีนะคะ”
“คร้าบ ไหนมากอด” จังหวะที่รถติดไฟแดงฉันจึงขยับตัวไปข้างหน้า คล้องแขนของตัวเองกับแขนของคนพี่แล้วซบหน้าลงลาดไหล่ ฝนเองก็เอียงตัวมากอดแขนฉันไว้อีกทอดหนึ่ง กลายเป็นว่าตอนนี้เราสามคนกอดกันบนรถอันคับแคบอย่างอบอุ่น