ภายในป่าลึกของเมืองทางตะวันออก กลุ่มนักล่าชายหญิง 5 คนของเมืองได้เข้าไปกวาดล้างมอนสเตอร์ภายในป่าตามภารกิจที่ได้รับจากระบบ
"เสร็จซะที ถึงพวกมันจะมีเยอะเพราะภารกิจที่รับมา แต่ยังไงพวกหมีอัญมณีก็ยังเป็นหมีอัญมณีงั้นสินะ.."
ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยต่อกลุ่มของพวกเขาหลังจากที่ได้จัดการหมีอัญมณีตัวสุดท้ายเสร็จ พวกเขาตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีมอนสเตอร์หลงเหลืออยู่
"ทีก็เหลือแค่ไปรับรางวัล แล้วก็ไปฉลองกันสินะคะ"
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับชูมือ นั่นทำให้ทั้งกลุ่มชูตามเธอพร้อมกับส่งเสียงเฮ
"ใช่แล้ว วันนี้ขอกินเนื้อนะหัวหน้า เห็นเจ้าหมีพวกนี้แล้วหิวขึ้นมาเลย
"ได้สิ งั้นรีบเก็บของแล้วกลับเมืองกันเถอะ"
สิ้นเสียงของหัวหน้า สมาชิกของกลุ่มทุกคนก็เริ่มเก็บของทั้งหมด พวกเขาใช้เวลาสักพักแต่สุดท้ายก็เก็บกันเสร็จ
ไฟถูกจุดขึ้นเพราะมันเป็นเวลาช่วงพลบค่ำ พวกเขากระจายคนไปสอดแนมรอบทางเดินเพื่อความปลอดภัย
ดูจากมุมมองนี้ พวกเขาคือกลุ่มที่มีประสิทธิภาพมากทีเดียว
แต่ระหว่างที่กำลังสอดแนม สมาชิกคนหนึ่งก็ได้ไปเห็นบางอย่าง
"หัวหน้า ข้างหน้ามีคนอยู่ครับ"
ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นในตอนที่เขาเห็นร่างเงาของใครบางคน กำลังยืนก้มหน้าอยู่ในเส้นการเดินทางของพวกเขา
สภาพของร่างนั่นดูอ่อนแรง ไร้พิษภัย เหมือนคนที่ใกล้ตายแล้วยังไงอย่างงั้น
พวกเขาตัดสินใจเดินเข้าไปตรวจร่างนั่นอย่างระมัดระวังเพื่อหาคำตอบ ภายในใจของเขามีเพียงการตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือร่างเงานั่น
เมื่อเดินไปถึงระยะมองเห็น พวกเขาก็ได้รู้ว่าร่างนั่นคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ร่างกายผอมแห้งดูอิดโรย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีแผลใดๆ บนร่างกาย ทำให้แน่ใจว่าชายคนนี้ไม่ได้ถูกมอนสเตอร์
ชายคนนั่นยืนนิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่หัวหน้ากลุ่มจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เพื่อตรวจสอบอาการ
"นี่..คุ---"
ซ้วกก!!
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างของชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ถูกเส้นพลังสีดำแทงทะลุผ่านหน้าอก ก่อนที่มันจะฉีกร่างของเขาออกจากกัน
"..!!"
"ทุกคน หมอบล---"
ชายที่เป็นรองหัวหน้ารีบแก้ไขสถานการณ์ด้วยการสั่งการ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกควันสีดำนั่นแทงทะลุศีรษะ
ซ้วกก!! แผละ!
ไม่นานคนทั้งกลุ่มก็เหลือหญิงสาวเพียงคนเดียว เธอจ้องมองสมาชิกในกลุ่มถูกจัดการไปทีละคนด้วยท่าทางสั่นกลัว
ขาของเธอสั่นก็ทรุดตัวล้มลง กอดคทาไม้อาวุธของเธอพร้อมกับมองชายที่จัดการพรรคพวกของเธอทั้งหมดพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้น
"ไม่นะ...ไม่!!!"
ซ้วกก!!
เสียงกรีดร้องของเธอดับลง ทำให้ป่าลึกในตอนนี้เงียบสงัดอย่างที่ควรจะเป็น..
รุ่งเช้า ณ ที่ป่าลึกของเมืองชั้นนอกสุด
หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังกำจัดงูสามเศียรตัวยักษ์อย่างชำนาญอย่างเพลินตา พร้อมกับยิ้มให้เขาไปพร้อมกัน
"ล่าได้ดีขึ้นแล้วนี่"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณบอกไม่ใช่เองเหรอว่าพวกมันใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีก็จัดการได้เป็นฝูงแล้ว"
ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้ดาบเล่มใหม่ที่ได้มาปัดป้องการโจมตีของพวกงูยักษ์ ก่อนจะใช้จังหวะที่มันเสียการทรงตัวตัดคอข้างหนึ่งของมัน
ซ้วก!!
"นั่นเพราะฉันเลเวลสูงกว่านายต่างหาก ถ้านายเลเวลเท่าฉันคงจะสามารถจัดการมันได้ง่ายๆ เลยล่ะ"
อัญชันเอ่ยปากชื่นชมตัวของผม ก็ดีใจอยู่หรอกแต่ตอนนี้ต้องมีสมาธิกับเจ้างูพวกนี้ก่อน
ตุบ! ตุบ!!
ไม่นานงูยักษ์ทั้งหมดก็ถูกจัดการ จำนวนที่ผมจัดการในวันนี้คือ 12 ตัว
ผมทรุดตัวนอนลงหลังจากที่จัดการพวกมันทั้งหมดได้สำเร็จ อาการปวดกล้ามเนื้อก็ลามมาทันที
อัญชันเดินมาหาตัวของผม ก่อนจะเทน้ำยาสีฟ้าลงบนตัวของผม
ตอนนั้นเองที่อาการปวดเมื่อยหายไปแทบจะเป็นปลิดทิ้ง ทำให้ผมทุกขึ้นยืนได้ทันที
"ถือว่าทำได้ไวกว่าเมื่อวานนะ การล่าในวันนี้"
"ถึงสุดท้ายจะจบที่เหนื่อยหอบ แต่ก็ขอบคุณที่ชมครับ"
อัญชันยิ้มให้กับคำตอบของผมก่อนจะหันหลังกลับไป เธอมุ่งหน้าตรงกลับไปยังเมืองเหมือนทุกครั้ง
ผมที่ยืนมองเธอจากด้านหลังก็เริ่มสับสน ก่อนจะตัดสินใจถาม
"คุณอัญชัน คือว่า.."
อัญชันหันหน้ารับคำถามของผม ก่อนที่ผมจะทำอะไรบางอย่างให้เธอดู
พรึบ!!
เปลวไฟสีดำถูกจุดขึ้นบนมือขวาของผม มันไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ก็แต่สามารถเห็นได้ชัด
"เห็นมันรึเปล่าครับ.."
ปกติแล้วคุณอัญชันจะมองไม่เห็นควันสีดำที่ลอยเข้ามาใส่ตัวของผมหลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ได้ แต่นี่มันต่างกันไป
'สกิล เพลิงทมิฬ
รายละเอียดสกิล เมื่อเปิดใช้งานจะสร้างเปลวไฟสีดำขึ้นมา ผู้ใช้จะสามารถควบคุมเปลวไฟได้ และเปลวไฟนี้ไม่มีวันดับ'
ผมหันหน้ามองอัญชันหลังจากที่ใช้สกิล ก่อนจะเห็นว่าเธอทำหน้านิ่งไปสักพัก
"สกิลของนายงั้นเหรอ..?"
อัญชันเอ่ยถามขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำให้เข้าใจว่าเธอสามารถเห็นสกิลของผมได้แล้ว
"ใช่ครับ..คื--"
"เปิดหน้าต่างสกิลของนายขึ้นมาซะ"
อัญชันเดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เธอหันหน้ามาใกล้ผมพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
"ค..ครับ"
'ผู้เล่น อัญชัน เข้าสู่ปาร์ตี้ของคุณ'
'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ใช้คุณไสย ปาร์ตี้ อัญชัน
เลเวล 57 ความชำนาญสูงสุด ดาบเกล็ดอสรพิษสามเศียร (เล็ก)
สกิล มนต์ดำสูบชีพ,เพลิงทมิฬ
ค่าสติสัมปชัญญะ 100%'
อัญชันจ้องมองหน้าต่างสถานะอย่างตั้งใจ ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้น
"ทุกอย่างยังปกติ แต่นายได้สกิลเพลิงทมิฬเพิ่มขึ้นมาสินะ"
การที่เธอพูดแบบนั้น แสดงว่าเธอยังไม่เห็นอาชีพและสกิลทั้งหมดของผม
"งั้นเหรอครับ.."
"แต่ว่านะ.."
ผมหันหน้าขึ้นไปมองเธออีกครั้ง เพราะจู่ๆ เธอก็เอ่ยปากขึ้นมา
"เปลวไฟสีดำแบบนั้น..ฉันคิดว่ามัน"
อัญชันเข้ามามองเปลวไฟของผมอย่างใกล้ชิดด้วยความสนใจ ทำให้ผมรีบทำให้ไฟนั่นหายไปทันที
"จะทำอะไรน่ะครับ เปลวไฟนี่มันอันตรายนะ"
อัญชันที่เห็นท่าทีของผมแบบนั้นก็ยิ้มก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา
"เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ฮะๆๆ ถ้างั้นฉันจะไม่เล่นกับมันมากก็ได้"
อัญชันพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการกระทำนั้น ทำให้ผมถอนหายใจกับสิ่งที่เธอคิด
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้ทำให้ผมเข้าใจเธอได้มากขึ้น อัญชันเป็นหญิงสาวที่ไม่ได้จริงจังกับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเธอมีเรื่องที่สนใจอยู่เยอะตลอดเวลา
แต่พอเธอเริ่มสนใจบางอย่าง เธอก็จะจดจ่อกับมันอย่างไม่คิดชีวิต
เพราะแบบนั้นเธอเลยสนใจในสกิลและอาชีพที่ผมมี ทำให้เขามาคอยฝึกฝนผมอยู่ตลอด
"ถ้างั้นไปกันเถอะ กลับเข้าเมืองไปขายของกันก่อนแล้วกัน"
แต่ถึงแบบนั้นในตอนที่เธอเข้าสู่การต่อสู้ก็กลายเป็นคนที่น่ากลัว ผมยืนยันมันได้หลายครั้งทีเดียว
พวกเราใช้เวลาสักพักในการเดินกลับเข้าเมือง ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นจากกลุ่มฝูงชน
ผู้คนส่วนใหญ่ภายในเมืองเริ่มรวมตัวกันเพื่อพูดคุย จนเสียงนั่นเล็ดลอดออกมาจนได้ยินชัด
"นายพูดว่ายังไงนะ ค่านั้นของพวกเขาลดลงจริงๆ เหรอ"
"ใช่ฉันสาบานเลย แถมพวกเขายังดูจิตตกหลังจากที่กลับมาจากการเกิดใหม่"
"แบบนี้แสดงว่าพวกเราก็มีทางออกอีกทางแล้วสิ"
เหล่าฝูงชนเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นว่าหญิงสาวข้างตัวของผมหายไป
แต่ก็อย่างที่ผมคิด เธอเข้าไปรวมกับกลุ่มฝูงชนเรียบร้อยแล้ว
อัญชันตอนที่เห็นเรื่องน่าสนใจ ก็จะพุ่งออกไปหาเรื่องราวนั่นอย่างรวดเร็ว
ไม่นานอัญชันก็กลับมาพร้อมกับบอกเรื่องที่ฝูงชนเริ่มพูดคุยกัน
"ฟังนะ..."
ณ เมืองชั้นในสุด
ชายหนุ่มในเกราะเงินจ้องมองเมืองใหญ่อยู่บนระเบียงของปราสาท เขาสูดหายใจพร้อมกับหลับตาเพื่อสัมผัสบรรยากาศอันสงบของเมืองแห่งนี้
"อย่างน้อยก็ขอเสพบรรยากาศนี่เอาไว้ ก่อนที่มันจะหายไปตลอดการก็แล้วกัน"
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะมีใครบางคนเดินมาจากด้านหลัง
ชายในชุดเกราะเบาสีน้ำเงิน กำลังเดินมาจากด้านหลังพร้อมกับเอ่ยบางอย่างขึ้น
"พวกเราได้ข่าวมาแล้วครับท่านแอเรส เกี่ยวกับการเริ่มต้นรุกรานของบางสิ่ง"
คำพูดของชายคนนั้นทำให้ชายในเกราะเงินถอนหายใจ เขาเงยหน้ามองเมืองตรงหน้าอย่างเฉยชา
"นี่คานัล นายคิดว่าพวกเราจะสามารถปกครองโลกใบนี้ได้รึเปล่า?"
"ท่านพูดในฐานะผู้ปกครอง หรือฐานะเพื่อนกับผมล่ะ"
"ฉันบอกแล้วไง ว่าตอนที่อยู่ภายในนี้จะแสดงออกกับฉันแบบไหนก็ได้"
ชายในชุดเกราะเงิน แอเรสเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา
ชายอีกคน คานัลก็ถอนหายใจก่อนจะยิ้มตอบ
"ถ้าเป็นนายต้องทำได้แน่ เพราะนายมีความต้องการมากกว่าใครทั้งหมด"
เมื่อได้ฟังคำตอบ แอเรสก็หลับตาลงพร้อมกับขยับมือไปถือปลอกดาบข้างลำตัว
"ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น อย่างน้อยก็ขอให้พวกเราไม่สูญเสียใครไปก็แล้วกัน"
ณ เมืองทางตอนใต้สุด
ชายในชุดคลุมสีดำกับหน้ากาก K โพดำ กำลังจ้องมองความมืดภายในสถานที่พักของตัวเขาเอง
"มันจะเริ่มแล้วสินะ สงครามของพวกเรา"
ชายคนนั้นเอ่ยให้กับความว่างเปล่า ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปข้างหน้าก่อนจะทำท่าคล้ายคว้าความมืดเอาไว้
"พวกเราจะหาช่องโหว่ และจะกลายเป็นผู้ปกครองแทนพวกแกเอง ผ่านสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้แหละ.."
คิงโพดำเอ่ยพร้อมกับหัวเราะในลำคอ เสียงของทำให้ผู้ฟังรู้สึกสั่นไหวจากภายในทั้งหมด
"...แล้วพวกแกจะได้เห็นมันเอง กลุ่มรุ่งโรจน์"
ณ เมืองชั้นนอก
อัญชันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับใบหน้าที่ดูตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับข้อมูลที่น่าสนใจบางอย่างมา
"มีอะไรงั้นเหรอครับ?"
ผมเอ่ยถามเธอด้วยความสนใจ และตัวของอัญชันเองก็ดูเหมือนจะอยากเล่าเต็มแก่
"ฟังให้ดีนะอรัญ นี่น่ะเป็นข่าวที่จะทำให้โลกเปลี่ยนไปแน่นอน"
เสียงของเธอดูตื่นเต้นมากกว่าปกติ สายตาเปล่งประกายราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นใหม่
"ตอนนี้น่ะ มีข่าวลือว่---"
ยังไม่ทันที่อัญชันจะได้เอ่ยปาก ตอนนั้นเองที่มีเสียงดังแทรกขึ้นมา
"ถึงผู้เล่นทุกท่าน.."
มันเป็นเสียงที่ผมจำได้ดี เพราะมันเป็นเสียงที่ทำให้โลกทั้งใบเปลี่ยนไป
"ฉันคือผู้ดูแลระบบ โซเฟีย.."
เสียงนั่นดังไปทั่วทั้งโลก ทำให้ทุกคนนั่นได้ยินเสียงการแจ้งเตือนในครั้งนี้ทั้งหมด
ผู้คนทั้งหลายต่างตั้งใจฟัง เว้นเสียแต่เหล่าผู้นำของคนทั้งสองกลุ่ม
..และชายหนุ่มที่ครอบครองมนต์ดำไว้กับตัว
"ฉันจะมาประกาศเกี่ยวกับการอัพเกตครั้งใหญ่ เพื่อทำให้เกมนี้กลายเป็นระบบเกมตัวเต็ม"
คำพูดนั่นทำให้คนบางกลุ่มสงสัย แต่พวกเขาก็กระจ่างในเวลาไม่นาน
"การอัพเดตครั้งนี้จะทำให้ทุกท่านปลดล็อคระบบหลายอย่าง รวมถึงการที่จะทำให้ค่าสัมปชัญญะลดลง"
เสียงเจี๊ยวจ๊าวเริ่มดังขึ้นหลังจากที่ได้ยิน คนบางกลุ่มรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้ยินประกาศในครั้งนี้
"แบบนี้พวกเราก็สามารถออกไปได้แน่ๆ แล้วสินะ"
"แปลว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงงั้นสิ"
"ไชโย แบบนี้ฉันก็จะได้กลับไปเจอหน้าครอบครัวแล้ว"
คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้นในตอนที่ได้ยิน แต่ผมกลับไม่คิดแบบนั้น
นั่นเพราะผมยังจำได้ดี เกี่ยวกับข้อตกลงที่เขียนไว้ในข้อตกลง 15 หน้า
ในนั้นมีหัวข้อที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า
'หากผู้ร่วมทำการทดสอบ มีอาการผิดปกติหลังจากการทดสอบเกม ทางบริษัทจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้'
นั่นทำให้ผมเอ๊ะใจมาตั้งนานแล้ว และผมก็ได้รับการยืนยันเมื่อได้ยินข่าวลือนั่น
นี่น่ะเป็นการอัพเดต...ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้พลิกกลับอย่างแน่นอน
"เพราะความผิดพลาดของระบบทำให้บางสิ่งถูกปลุกขึ้นมาเร็วกว่ากำหนด แต่ทางเราก็เลือกที่จะมาประกาศกันก่อน"
ร่างของผู้ดูแลระบบโซเฟียเริ่มเด่นชัดบนแผ่นฟ้า ก่อนที่เธอจะเอ่ยเกี่ยวกับการอัพเดตด้วยประโยคที่ว่า
"ปลดล็อคระบบทั้งหมด..และข้อเชิญผู้ร่วมทดสอบทุกท่านพบกับอัพเดตใหม่ของเกมในชื่อ.."
"..โลกาหวลคืน"