เกมที่แท้จริง

1798 Words
"ตัวสุดท้ายแล้วสินะ.." ผมดึงดาบออกมาจากร่างของมอนสเตอร์ตัวสุดท้าย ก่อนที่ร่างของมอนสเตอร์ทั้งหมดจะกลายเป็นควันสีดำแล้วลอยเข้ามาภายในร่างกาย 'คำเตือน พลังชีวิตของคุณกำลังต่ำ' ข้อความแจ้งเตือนปรากฎขึ้นมาทันทีที่ผมจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมด อาการพร่ามัวเริ่มเกิดขึ้นที่ดวงตา ร่างกายอ่อนล้าเต็มที ผมลากร่างอันอ่อนแรงของตัวเองไปยังสถานที่ที่ผมทิ้งแครอทไว้ ก่อนจะเห็นว่าร่างของเธอในตอนนี้แน่นิ่งไปแล้ว "คุณ..แครอท" ผมก้มไปจับไหล่ของเธอก่อนจะเขย่า แต่สิ่งที่เห็นกลับมีเพียงร่างกายที่หยุดนิ่งไม่ตอบสนอง ไม่นานผมก็ได้เห็นว่าผิวหนังของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนที่เธอจะกระตุกร่างกายอย่างผิดปกติ แขนของเธอเริ่มบิดอย่างผิดรูป ก่อนจะได้ยินเสียงขู่ในลำคอ "เกิดอะไรขึ้น.." ผมอุทานขึ้นมาพร้อมกับถอยหลังกลับไปตั้งหลัก สายตาจ้องมองไปยังร่างของสิ่งที่เคยเป็นแครอท แครอทลึกขึ้นก่อนจะมองมาหาผม สายตาของเธอมีเพียงสีขาวที่ปรากฎ ผิวหนังของเธอถูกเติมด้วยตัวอักษรสีดำที่ผมไม่เข้าใจ ก่อนที่มันจะขยับไปปกคลุมใบหน้าของเธอทั้งหมด "คุณแครอท?" "ครั่ก...คร่ากก...." เสียงของแครอทดูแหบต่ำราวกับมีบางอย่างติดอยู่ในคอ ขอของเธอค่อยๆ ก้าวมาหาผมอย่างช้าๆ ผมจ้องมองเธอพร้อมกับแววตาอันสับสน ผมไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับเธอต่อ ดาบของผมถูกชักออกมาพร้อมกับจ่อไปเธอ ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะเริ่มง้างดาบ "ขอโทษนะครับ..คุณแครอท..." ฉับ... ร่างของแครอทค่อยๆ สลายหายไปหลังจากนั้น พร้อมกับควันสีดำที่ลอยเข้ามารวมเป็นหนึ่งกับร่างกายของผม 'คุณได้สังหารผู้เล่นแครอท ผู้เล่นจะไม่กลับไปยังจุดปลอดภัยเนื่องจากค่าสติสัมปชัญญะไม่คงเหลืออีก' "นี่มัน..." ผมจ้องมองข้อความที่ปรากฎขึ้นด้วยความสับสน ก่อนจะเข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น "เธอกลายเป็นแบบนี้ เพราะค่าสติสัมปชัญญะไม่เหลือแล้วงั้นสินะ.." แสดงว่าเธอคงได้กลับไปโลกเดิม แบบนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วงั้นสินะ มือของผมเริ่มสั่น ไม่มั่นใจเลยว่าการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า.. ตุบ..ตุบ... เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาภายในถ้ำอันมืดมิด ก่อนที่ผมจะเห็นร่างของใครบางคนปรากฎขึ้นมา ชายหนุ่มสองคนที่ผมคุ้นเคยปรากฎตัวขึ้น พร้อมกับเสียงขู่ในลำคอเหมือนกับคุณแครอท "คุณคูป..คุณเวค?" ร่างของทั้งสองปกคลุมด้วยอักษรสีดำ ดวงตาเต็มไปด้วยสีขาวไร้นัยน์ตา ดาบบนมือถูกกำเอาไว้แน่น พร้อมกับตัวของผมที่พุ่งเข้าไปหาพวกเขา 'คุณได้รับสกิล คมดาบทมิฬ ต้องการใช้หรือไม่?' ข้อความแจ้งเตือนปรากฎขึ้นหลังจากที่ผมใช้คมดาบของตัวเองสังหารคนทั้งสามที่ผมต้องการจะช่วย เสียงถอนหายใจของตัวเองเป็นสิ่งเดียวที่ผมได้ยินอย่างเด่นชัด พร้อมกับควันที่ดำที่ลอยมาปกคลุมร่างกาย "เลเวลอัพจากการฆ่าคนที่ตัวเองต้องการช่วยงั้นเหรอ..น่ายินดีชะมัด..." สายตาของผมว่างเปล่า ก่อนจะตอบรับสกิลที่ได้รับ 'ตกลง' ทันทีที่ตอบรับ ดาบเล็กของผมก็ถูกปกคลุมด้วยอักขระสีดำไปทั่วคมดาบ จนตัวดาบของผมกลายเป็นสีดำ ฉับ...ตู้ม!! เพียงแค่การฟันเบาๆ เพียงครั้งเดียว กำแพงของดันเจี้ยนก็แตกออกอย่างรุนแรง จะบอกว่ามันเป็นสกิลที่รุนแรงมากก็ว่าได้ แต่เหตุผลที่ผมได้รับมันมา 'สกิล คมดาบทมิฬ เมื่อใช้งาน มนต์ดำที่คุณสะสมมาจะเข้าไปรวมกันกับอาวุธที่คุณใช้ มันจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาวุธของคุณระดับหนึ่ง' และการได้รับพลังมนต์ดำมาคือการสังหารสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมถึงมนุษย์เองก็ด้วย "เฮ้อ..." ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะปลดโล่ที่อยู่บนหลังของตัวเองมาวางเอาไว้ที่พื้น หลังจากนั้นก็นำคทาของแครอทและคันธนูของเวคมาวางรวมกัน "เพลิงทมิฬ.." ผมร่ายสกิลของตัวเองก่อนจะเล็งไปยังอาวุธทั้งสาม ก่อนจะเห็นว่ามีบางอย่างปรากฎขึ้นมาแทนเปลวไฟสีดำ 'คุณมีพลังชีวิตต่ำเกินไป ยืนยันจะใช้สกิลเพลิงทมิฬหรือไม่' ข้อความนั้นส่งมาเตือนเนื่องจากผมใกล้จะตาย แต่มันใช่เรื่องสำคัญที่ไหน ตราบใดที่ผมยังมีค่าสติสัมปชัญญะ ผมก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ แต่พวกเขา... "เพลิงทมิฬ..." 'คุณมีพลังชีวิตต่ำเกินไป หากคุณใช้สกิลจะทำให้คุณเสียชีวิต ต้องการจะใช้หรือไม่' "ใช้มันสักที!!" เปลวไฟสีดำถูกร่ายออกมาจากมือของผม ก่อนที่มันจะแผดเผาอาวุธของคนสามคนที่ผมเคยใช้ชีวิตกับพวกเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รับรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ 'พลังชีวิตคุณอยู่ในขีดอันตราย กรุณายกเลิกสกิล...' 'พลังชีวิตคุณอยู่ในขีดอันตราย กรุณายกเลิกสกิล...' 'พลังชีวิตคุณอยู่ในขีดอันตราย กรุณายกเลิกสกิล...' ข้อความแจ้งเตือนปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเตือนให้ผมยกเลิกสกิลก่อนที่ตัวเองจะตาย แต่มันสำคัญที่ไหน..นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะสามารถทำให้พวกเขาได้แล้ว... "ลาก่อนนะครับ ทุกคน.." ผมกล่าวลาก่อนที่สายตาของผมจะเริ่มมืดมิด และสุดท้ายมันก็ดับลง 'คุณได้เสียชีวิต' 'ด้วยสกิลติดตัวของอาชีพ ผู้ใช้คุณไสย คุณจะกลับมาเกิดยังจุดที่คุณเสียชีวิต' ณ เมืองชั้นใน "มีข่าวสำคัญสองอย่าง ที่ได้รับการยืนยันแล้วครับ" ชายหนุ่มในชุดเกราะเบาสีน้ำเงิน คานัลกล่าวขึ้นพร้อมกับเดินมาหาแอเรสที่กำลังนอนพัก ชายหนุ่มที่กำลังนอนนิ่งลืมตาขึ้นมามอง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง ชุดเกราะของเขาปรากฎขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ราวกับเขาใส่มันเอาไว้ตลอดเวลา "เล่ามา..." "ครับ..ข่าวแรกคือเมืองชั้นนอกสุดทั้งสามเมือง ถูกสัตว์ทมิฬรุกรานจนล่มสลายไปแล้วครับ" ข่าวแรกทำให้แอเรสเริ่มกังวล ก่อนที่เขาจะถามต่อ "แล้วหัวหน้ากลุ่มที่ปกครองเมืองเหล่านั้นล่ะ พวกเขาเป็นยังไงบ้าง" คานัลพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มเล่า.. "พรีเซสและอควาหลบหนีออกมาได้สำเร็จครับ แต่ซีฟทางเราไม่สามารถติดต่อได้ ไม่ทราบชะตากรรมครับ" "อืม..คงจะต้องคิดในกรณีที่ซีฟไม่สามารถเอาตัวรอดออกมาได้งั้นสินะ" แอเรสจับคางของตัวเองเพื่อครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดภายในหัว "แล้วอีกเรื่องล่ะ" คานัลพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างมาให้ "นี่มัน..?" "เอกสารยืนยันครับ" "เกี่ยวกับอะไร" แอเรสรับเอกสารนั่นมา ก่อนจะเริ่มอ่าน.. ข้อความภายในเต็มไปด้วยชื่อของผู้เล่นทั้งที่อยู่ในกลุ่มของเขา และคนนอก "หรือว่า..." "ครับ เอกสารยืนยัน เกี่ยวกับผู้เล่นที่สูญเสียค่าสติสัมปชัญญะจนหมดและกลับสู่โลกเดิม" แอเรสมองเอกสารด้วยความนิ่งเงียบ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปเจอชื่อหนึ่งที่คุ้นเคย "เขาคนนี้ ถูกยืนยันแล้วงั้นเหรอ?" แอเรสชี้นิ้วไปยังชื่อหนึ่งบนรายชื่อนับร้อย ก่อนที่คานัลจะหันมาเห็น "ครับ ผู้เล่นคนนี้ถูกแจ้งว่าติดอยู่ในป่าหลังจากที่สัตว์ทมิฬเกิดขึ้นครับ" "ผู้ที่แจ้งล่ะ?" "เหมือนจะเป็นหญิงสาวอาชีพนักฆ่าครับ ดูจากข้อมูลเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้เล่นระดับสูง" "งั้นคงเชื่อถือได้งั้นสินะ.." "ครับ" หลังจากที่แอเรสได้รับคำตอบ เขาก็ฉีกกระดาษเอกสารเหล่านี้ทิ้งก่อนจะเผามัน "ลบชื่อของผู้เล่นคนนี้ออกก่อนจะประกาศออกไปสู่ภายนอก ทอรัสคงจะสติแตกแน่ถ้าเห็นชื่อของเขาในเอกสารนี้" "รับทราบครับ" คานัลเดินออกไปจากห้อง ทิ้งแอเรสให้จ้องมองหน้าต่างของห้องที่ท้องฟ้าเริ่มครึมฝน "เกมที่แท้จริง จะเริ่มหลังจากนี้สินะ.." ณ ป่าของเมืองชั้นนอกสุด ภายในดันเจี้ยน "..อึก" ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว ร่างกายยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่นิดหน่อย อาการฟื้นจากความตายเนี่ย ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่ชอบมันเอาซะเลย ผมลุกขึ้นก่อนจะพาตัวเองออกไปข้างนอกดันเจี้ยน ตามที่ผมคาดไว้คือเมื่อจัดการมอนสเตอร์หลักของดันเจี้ยนได้แล้วทางจะเปิดออก และก็เป็นไปตามคาด ทางออกถูกเปิดตามที่ผมคิดไว้ แต่มันมีเรื่องแปลกอยู่นิดหน่อย เพราะปลายทางที่ผมเห็นมันไม่ใช่แสงสว่าง.. "นี่มัน.." เมื่อผมเดินออกมาจากปากถ้ำ สิ่งที่เห็นคือป่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ กลิ่นอายเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างเต็มที่ ผมไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ผมอยู่ในดันเจี้ยน แต่บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นด้านบนอาจจะเกี่ยวข้องกับมอนสเตอร์ที่ถูกผนึกภายในถ้ำก็เป็นได้.. ซอก..แซก... ผมยกดาบของตัวเองขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าภายในป่า ก่อนจะเห็นว่ามีมอนสเตอร์ร่างของยักษ์โผล่มาเป็นฝูง ร่างของมันเป็นมอนสเตอร์ที่ผมคุ้นเคย เพียงแต่ร่างของมันเต็มไปด้วยอักขระสีดำ และดวงตาที่มืดสนิท มันคืองูยักษ์สามเศียร... "หลอกหลอนกันจนถึงตอนนี้เลยงั้นเหรอ..?" คมดาบทมิฬถูกเปิดใช้งาน ทำให้ดาบของผมเริ่มเปลี่ยนสี "สกิลนี้ก็กินพลังชีวิตเหมือนกันงั้นเหรอ จะบังคับให้ตายกันเกินไปมั้ง.." ผมง้างดาบก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับฝูงของงูสามเศียร พร้อมกับร่ายเพลิงทมิฬเพื่อจัดการพวกมันไปด้วย และในระหว่างที่ฟาดฟัน ระหว่างที่พลังชีวิตกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง และในตอนที่ข้อความแจ้งเตือนปรากฎออกมา ตอนนั้นเองผมก็ได้รับรู้ว่า... ...เกมที่แท้จริง มันได้เริ่มขึ้นแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD