Chapter 2 จำเลยซาตาน (3)

1714 Words
Chapter 2 จำเลยซาตาน (3) "จัดเสร็จหรือยัง ฉันกับมิ้นต์จะได้เริ่มทานเสียที" เสียงดังแทรกอยู่ด้านหลังขณะที่กำลังลำเลียงอาหารมาวางบนโต๊ะ...เสร็จพร้อมทุกอย่างและเขาเองที่ลงมาช้า นั่นคือสิ่งที่คิดในใจไม่กล้าคิดดัง ได้แต่สูดลมหายใจให้ลึกแล้วหันหน้ากลับไปแค่นยิ้มให้สองคนที่กำลังเดินมายังโต๊ะอาหารที่จัดเอาไว้ "พร้อมแล้วค่ะ เริ่มทานได้เลย เชิญค่ะคุณภู คุณมิ้นต์" นคินทร์ปรายตามองไปยังอาหารบนโต๊ะท่ามกลางแสงเทียนส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ก่อนจะเดินกุมมือนุ่มให้ตามมาที่โต๊ะ ดึงเก้าอี้ออกมาให้อีกฝ่ายนั่งอย่างเอาใจ...มาลีรินทร์ยิ้มเจื่อน หล่อนอยากทานสลัดกุ้งมากกว่าอาหารไทยที่ดูแล้วหนักท้อง กังวลว่ากะทิจะทำให้ไปเพิ่มน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน และนั่นคือสิ่งที่หล่อนซีเรียสจริงจัง "เอ่อ...ไม่มีสลัดเหรอคะ มิ้นต์ไม่ถนัด...ไม่ถนัดอาหารแบบนี้ ในมื้อเย็นน่ะค่ะ" "สลัดอะไรดีครับ เดี๋ยวอาบอก..." เหลือบมองหน้าคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ส่งรอยยิ้มหยัน ตามมาด้วยถ้อยคำกรีดใจ "คนใช้ให้..." "มิ้นต์อยากทานสลัดกุ้งค่ะ ขอเป็นน้ำสลัดแบบโลว์แฟตนะคะ เอากุ้งแค่สองตัวก็พอ" เพียงเท่านั้น แววตาคมกล้าก็ตวัดมองคล้ายเข้าทางกับสิ่งที่เขาต้องการ...นั่นคือแกล้งให้เจ้าตัวหัวปั่นเพื่อความสะใจ "ได้ยินมั้ย มิ้นต์อยากทานสลัดกุ้ง รีบไปทำมาใหม่สิ เร็วๆ ด้วยนะ ฉันหิวแล้ว" "ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ แก้วจะรีบทำออกมาให้" แก้วกัลยาขบกรามแน่นนับหนึ่งถึงสิบในใจ ท่องเอาไว้...ทนทุกวันนี้ก็เพื่อมารดา "เดี๋ยว!" เสียงทำให้ชะงักฝีเท้า หันกลับไปยังทางเดิม "ช่วยรินไวน์ให้หน่อย ลืมหน้าที่แล้วหรือไง" แก้วกัลยาเดินกลับไปแบบเสียมิได้ หยิบไวน์ออกมารินใส่แก้วพอประมาณ ในขณะที่มาลีรินทร์ลอบมองเครื่องหน้าของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน...ยอมรับว่าแก้วกัลยาเป็นคนสวยตรึงสายตาคนมอง ขนาดหล่อนเป็นผู้หญิงด้วยกันยังแอบชื่นชม ในขณะที่กำลังเก็บไวน์ลงถังแช่ ยังไม่ทันจะเดินกลับเข้าครัวเพื่อไปเตรียมสลัด...วินาทีนั้นเอง...แก้วไวน์บนโต๊ะก็ถูกแกล้งทำให้ตกลงพื้นด้วยมือของนคินทร์ "เพล้ง!" "อ๊ะ!" เสียงอุทานของสองสาวดังขึ้นพร้อมกัน มาพร้อมกับเศษแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้น น้ำสีแดงกระเด็นเลอะเต็มหลังเท้าแก้วกัลยา จนแยกไม่ออกว่านั่นคือเลือดหรือว่าน้ำไวน์ "แก้ว...นั่นมัน..." มาลีรินทร์หน้าซีดเผือด เมื่อเห็นว่ามีเศษแก้วทิ่มอยู่ปลายนิ้วเท้าของแก้วกัลยา หล่อนเป็นคนกลัวเลือดมากกว่าสิ่งใด เมื่อเห็น รอยแผลประกอบกับสีแดงของไวน์ จึงรีบปิดตาหนีไม่กล้ามอง "ขอโทษทีนะ ไม่ได้ตั้งใจให้มันตกเลยสักนิด" เสียงนั้นช่างขัดกับสีหน้าและแววตา...เขาดูไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ทำลงไป จนมีคนได้รับบาดเจ็บจากฝีมือตัวเอง และดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจมันด้วยซ้ำ "ถ้าไม่ได้เป็นอะไรจนถึงขั้นเดินไม่ได้ ก็ไปเอาอุปกรณ์มาเก็บทิ้งเสียสิ ยืนนิ่งทำไมฮึ แก้วกัลยา!" นคินทร์บดกรามเข้าหากัน เขาเห็นแล้วหล่อนถูกแก้วบาด แต่เพราะความเกลียดชังทำให้ต้องใจร้าย...แผลงฤทธิ์ทุกทางเพื่อให้สองแม่ลูกทนอิทธิฤทธิ์ของเขาไม่ไหว จนยอมออกไปจากบ้านหลังนี้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดที่เขาต้องการ ++++++++ "เกิดอะไรขึ้น แก้วถึงต้องมานั่งทำแผลล่ะคุณ" เสียงเข้มทำให้แก้วกัลยาหลุบตาหนี มองไปยังแผลที่โดนเศษเล็กๆ กระเด็นใส่จึงไม่เป็นอะไรมาก ที่ดูน่าตกใจก็เพราะคราบไวน์บนเศษกระดาษที่นำมาเช็ดทำความสะอาด ความเป็นห่วงแก้วกาญจน์จึงใส่ยาเพื่อป้องกันเอาไว้ พร้อมดูให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมหลงเหลืออยู่ในเนื้อ คิดไปพร้อมกันว่าพักนี้ลูกสาวดวงไม่ดีเอาเสียเลย คงต้องพาไปทำบุญเสียบ้าง นั่นคือความเชื่อของแก้วกาญจน์ "แก้วทำแก้วไวน์ตกใส่เท้าค่ะ แต่โชคดีไม่ได้เป็นอะไรมาก กิ่งดูแล้วแค่แผลเล็กๆ คล้ายหนามตำ ใส่ยาแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยยังชั่ว" "อ้าวเหรอ ว่าแต่แก้วไวน์อะไร ใครดื่มไวน์กันล่ะ" แก้วกาญจน์ไม่ตอบหลุบตาหนี แววตาคาดคั้นที่จับจ้องยามเหลือบมองทำให้แก้วกัลยายอมเปิดปาก ตอบแบบไม่เต็มเสียงซ้ำยังไม่ยอมสบตา "คุณภู...ค่ะ..." "ตาภูใช้งานอะไรหนูแก้วอีกฮึ!" "เอ่อ..." สองแม่ลูกเอาแต่มองหน้าสบตา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ด้วยรู้ในอิทธิฤทธิ์กันดีว่าขืนพูดอะไรออกไป หลังจากนี้ลูกชายคนกลางของบ้านจะอาละวาดหนักขึ้น "เงียบแบบนี้...ถูกตาภูแผลงฤทธิ์ใส่มาใช่มั้ย" นคเรศคาดคั้น…คิดไปพร้อมกัน ระยะหลังมานี้ความสัมพันธ์กับลูกๆ นั้นไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ภาพเก่าๆ หายไปนับตั้งแต่พาสองแม่ลูกเข้าบ้าน แต่...จะให้เขาขับไล่ไสส่งทั้งสองไปอยู่ที่อื่นก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน ทุกวันนี้จึงให้เวลาช่วยกล่อมเกลาทุกสิ่ง หวังว่าสักวันลูกๆ จะยอมรับในตัวแก้วกาญจน์ "ใครจะกล้ารังแกลูกสาวคนใหม่ของคุณพ่อล่ะครับ" เสียงมาก่อนตัว นคเรศเหลือบมองแค่หางตา เห็นลูกชายตัวดี เดินควงผู้หญิงเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน...เด็กสาวที่เขาไม่ปลื้มสักเท่าไหร่นัก ไม่เต็มใจหากลูกชายจะให้ไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอเพื่อหมั้นกันเอาไว้ ทั้งที่ฝ่ายหญิงยังอยู่ในวัยเรียน มาลีรินทร์ยกมือไหว้บิดาคนรัก อีกฝ่ายรับไหว้ด้วยการพยักหน้าตอบ ก่อนจะเบนสายตาไปยังลูกชายที่กระตุกยิ้มไปให้แก้วกัลยา "เพื่อความสบายใจของคุณพ่อ...พูดความจริงต่อหน้าทุกคนสิแก้ว...พูดมาเลยว่าฉันทำอะไรเธอ อย่าเอาแต่ปากดีลับหลัง พูดต่อหน้าฉันเลยว่าเธอถูกรังแก เอาสิ เอาเลย" คนมั่นหน้าท้าทายอย่างไม่ยี่หระในสิ่งที่ทำลงไป หากแต่ว่าแววตากลับทรยศ มันถูกดึงให้โฟกัสไปยังเท้าที่วางพาดอยู่บนตักแก้วกาญจน์ มองสำรวจว่าหล่อนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ขณะที่แก้วกัลยาสูดลมหายใจให้ลึก เพื่อยุติเรื่องทั้งหมดหล่อนจึงตัดบทไม่ยืดเยื้อ "คุณภูไม่ได้ทำอะไรแก้วค่ะคุณพ่อ เรื่องแก้วไวน์ก็เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองแท้ๆ แค่หวังดีเพราะเห็นคุณภูกลับมาเหนื่อยๆ แต่ก็พลาดทำแก้วตกใส่เท้าตัวเอง" '.....' นคเรศมองหน้าคนสองคนสลับกันไปมา เห็นแววตาขุ่นขวางจับจ้องไปทางแก้วกัลยาอย่างไม่เป็นมิตร "บอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกตาภูว่าพี่ เรียกแบบนี้ดูห่างเหินเหมือนเป็นคนอื่นเลยนะแก้ว ทีหลังเรียกใหม่นะ แบบนี้ไม่เอา" 'อย่าสะเออะมาเรียกฉันแบบนั้นเชียวนะ!' เพียงเท่านั้น แววตาลุกเป็นไฟก็เปลี่ยนเป้าหมายมาจ้องหน้าบิดา นคเรศรู้ทันในท่าที และนาทีนี้เขาควรอยู่กับลูกชายสองคน "ทุกคนแยกย้ายไปก่อน ยกเว้นตาภู ส่วนหนู...ฉันขออนุญาตคุยอะไรกับลูกชายเป็นการส่วนตัวสักครู่นะ" แววตาที่มองมายังสองมือที่เกี่ยวเกาะท่อนแขนแกร่งเอาไว้ ทำให้มาลีรินทร์ปล่อยมือออก...นคินทร์สบตาคนข้างกาย เป็นอันรู้กันว่าให้ไปนอนรอในห้อง เดี๋ยวเขาจะรีบตามไป หากจะไม่ให้เสียเวลาก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้ารอได้เลย ทุกคนไปกันหมดแล้ว...ความเงียบงันมาห่มคลุมจนอึดอัด ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจสลับกันไปมาของคนสองคน "บอกไว้ตรงนี้เลยนะครับคุณพ่อ ผมมีน้องสาวคนเดียวก็คือยายภา ใครหน้าไหนก็อย่าเจ๋อมาเรียกพี่ ผมไม่ยอมรับหากจะมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน น้องสาว...ที่เป็นลูกเมียน้อยคุณพ่อ ใครยอมรับก็รับไป แต่ผมไม่!" "ตาภู!" คำว่าเมียน้อยนั้นฟาดหน้านคเรศจนยืนนิ่งแขนขาชา เขาสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อข่มอารมณ์โกรธไม่ให้ขาดสติจนทะเลาะกับลูกชายตัวเอง "หนูแก้วไม่ใช่คนอื่น ถ้าลำดับญาติกันแล้ว เธอก็เป็นน้องสาวนายนั่นแหละ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เรียกแบบนั้นมันใช่หรือไงฮึตาภู" "ผมไม่ยอมรับน้องสาวที่อายุห่างกันเกือบสองรอบขนาดนั้นหรอกครับคุณพ่อ อย่า...พยายามยัดเยียดใครมาให้ผม แต่ถ้าหากคุณพ่อเลือกเข้าข้างคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัว ผมก็จะขอแยกออกไปจากตรงนี้ ไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง" "ถ้าจะหมายถึงเรื่องให้ฉันไปสู่ขอมิ้นต์ ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป ฉันอยากให้นายใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบ ดูกันไปอีกสักพัก ดูนานๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือกแม่ของลูกผิดคน" "ผมรักมิ้นต์ และก็คิดดีแล้ว ไปสู่ขอเพื่อหมั้นกันเอาไว้ เรียนจบแล้วก็ค่อยแต่งงาน ถ้ายังหลงเหลือความรักให้ลูกชายตัวเองอยู่บ้าง ก็ควรจะสนับสนุนด้วยการทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อเป็นการให้เกียรติเธอ" นคินทร์ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมอันมาจากความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานขึ้นทุกวัน...นคเรศมองตามแล้วถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ก็เพราะความรักเขาจึงอยากให้ลูกชายตัดสินใจให้รอบคอบ ไม่อยากให้เลือกเมียพลาดเพราะความลุ่มหลง มองปราดเดียวก็รู้ว่าลูกชายหลงในความสดใหม่และการเอาใจเก่งของมาลีรินทร์ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจ มองเจตนาของตนผิดไปว่ากำลังขัดขวางเส้นทางรักที่กำลังไปได้ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD