6 จูบ

1387 Words
6 จูบ ใบหน้ายามหลับดูหล่อเหลา ดึงดูดสายตา ผมยุ่งนิดๆ ดูเซอร์ๆ คิ้วยาวสวยรับด้วยแพขนตาหนา จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากที่ออกสีชมพูหน่อยๆ คีต์กวีในเวลานี้เป็นชายหนุ่มที่ชวนมองมาก ไม่ใช่แค่เธอ ตั้งแต่เรียนมัธยม เวลาสาวๆ เห็นเขาต่างมองจนเหลียวหลังทั้งนั้น แต่จะมีใครบ้างได้เห็นเวลาหลับ เขาดูผ่อนคลาย ขณะที่ดูหล่อเหลาชวนมองไปอีกแบบ ดวงตาคู่งามหลุบไปจับที่ริมฝีปากได้รูป มันจะเป็นยังไงนะถ้า... นิวารินนั่งคุกเข่าหน้าโซฟา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด มองใกล้อีกหน่อย เผลอมองปากเขาอย่างลืมตัว มือที่คลี่ผ้าเตรียมห่มร่างหนายกค้าง จู่ๆ คนที่เธอคิดว่าเมาหลับกลับลืมตาขึ้น “อ๊ะ” “ทำอะไร” ตาคมกริบสบกับดวงตาตื่นตระหนก คว้าเรียวแขนเล็กไว้ก่อนที่เธอจะถอยหนีไปแล้วชนโต๊ะกระจกเล็กๆ ด้านหลัง “ฉัน... เอาผ้ามาให้นึกว่านายเมาหลับ” “แล้วเมื่อกี้คิดจะทำอะไร” “เปล่าซะหน่อย คือ... เอ่อ ฉันแค่เห็นปากนายเป็นสีชมพูเลยเผลอเข้าไปดูใกล้ๆ แค่นั้นเอง” หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่บ่อยหรอกที่ปากผู้ชายจะเป็นสีชมพู แล้วหมอนี่จะถามทำไมนัก ถ้าเธอจูบเขาหรือทำอะไรที่มากกว่ามองค่อยคาดคั้นได้ไหม แค่นี้ก็เขินจะตายแล้ว คีต์กวียกยิ้มมุมปาก ยืดตัวยกกายท่อนบนขึ้น ทำให้ระยะห่างระหว่างกันลดลง นิวารินพูดไม่ออก กลั้นหายใจไม่รู้ตัว เมื่อปลายจมูกโด่งอยู่ห่างจากหน้าเธอไม่ถึงคืบ ตามองตากัน ลมหายใจกรุ่นกลิ่นเบียร์เขย่าความรู้สึก ชวนมึนเมาพิกล หรือเธอจะเมาสปายนะนี่ กินไปตั้งสองขวดแน่ะ “แล้วอยากรู้มั้ยเวลาปากแตะปากมันเป็นยังไง” เสียงห้าวคำรามถามเบาๆ ลมหายใจรดปากจิ้มลิ้ม “ฮะ! พะ...พูดอะไร ของนาย” ชายหนุ่มยังหน้านิ่ง ตาคมจ้องตาหวั่นๆ ไม่หลบ กดเสียงต่ำ หลุบตาลงจ้องกลีบปากจิ้มลิ้ม “เวลาปากแตะปาก ลิ้นพันลิ้นระหว่าง... ผู้หญิงกับผู้ชาย...” “มะ ไม่อยากรู้” นิวารินรีบรนบอก ดึงสะบัดกระชากแขนออกจากมือใหญ่ แต่คนจับจับแน่นเหลือเกิน วงหน้าร้อนวาบๆ จนอยากจะเป็นลมแล้ว ชายหนุ่มกดยิ้มมุมปาก ตวัดตาคมขึ้นมองหน้าแดงก่ำ มองปากสวยสั่นนิดๆ “อยากรู้ซะหน่อยสิ” คีต์กวีกระตุกครั้งเดียวร่างบางก็ผวาเข้ามาในอ้อมแขน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกมากขึ้น ดิ้นสุดแรง “ฉันอยากบอก” "คิงส์!" หญิงสาวใจเต้นกระหน่ำ “นายเมาแล้ว นะ...นอนเถอะ” ร่างบางพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขน ตัวเธอเกยอยู่บนอกเขา นิวารินเอามือดันอกกว้างไว้ ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายตั้งใจแกล้ง หรือจะทำจริงๆ อายุขนาดนี้ก็พอรู้ล่ะว่า ชายหญิงไม่ควรอยู่แนบชิดกันในลักษณะล่อแหลมเช่นเวลานี้ คีต์กวีไม่ปล่อย เบี่ยงหน้าไปกดปากกับแก้มใส ลากไล้เลื่อนเลยดมดอมไปที่ติ่งหู ขบปากเม้มติ่งหูนุ่มนิ่ม ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือก เกร็งแขนผลักอกเขาเต็มแรง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย ยื่นปลายลิ้นออกมาแลบเลียติ่งหูนิ่มเบาๆ ก่อนจะลากไปตามก้านใบหูหอมอ่อนๆ ผมสีน้ำตาลคาราเมลข้างใบหูนั้นหมาดน้ำ จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่บอกไม่ได้ว่ากลิ่นเนื้อสาวหรือกลิ่นครีมอาบน้ำ สำหรับคีต์กวีในเวลานี้ บอกเลยว่าตัวนิวารินหอมมาก “คิงส์! อย่าทำบ้าๆ นะ นายเมาแล้วนะ” เสียงสั่นๆ ปราม เธอเบี่ยงหน้าหลบ ย่นคอหนีลิ้นที่ปาดมาแต่ละครั้งทำเอาร้อนวูบวาบ หวามลึกอัดแน่นที่อก ต้องยกมือขึ้นมาดันหน้าเขาไว้ ผ้าห่มที่เตรียมมาห่มร่วงไปกองบนพื้นห้อง “ตัวเธอหอมจังน้ำ” นอกจากไม่หยุดแล้ว ชายหนุ่มเกร็งลำแขนยกร่างบางที่คุกเข่าบนพื้นขึ้นมาบนตัก ลูบมือไปทั่วแผ่นหลังบาง ความนุ่ม ความหอม ล่อตาล่อใจ ชวนให้นึกถึงภาพชวนเลือดพุ่งเมื่อสามวันก่อน “หลบหน้าฉันทำไม” เสียงห้าวต่ำย้ำถาม ย้ำปากไซ้ลำคอขาว ร่างบางดิ้นอึกอักเพราะถูกจับถูกกอด ถูกจูบไม่หยุด ความร้อนจากกายหนาใหญ่ของคีต์กวีแผ่ออกมาแผดเผาเนื้อตัวเธอ ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งเสียดสีกับร่างกายเขามากขึ้น “ฉะ...ฉันเปล่า ปล่อย ปล่อยสิ” เนื้อผ้าชุดนอนลายการ์ตูนหมีพูห์นิ่มลื่น พอถูกกกกอดแนบชิด มันแนบติดตัวคนสวม แม้เนื้อผ้าไม่ได้เบาบางจนมองเห็นข้างใน แต่ความนิ่มลื่นบอกชายหนุ่มได้เป็นอย่างดีพอกอดกระชับ ใต้เสื้อและกางเกงนอนนี้ไม่ได้มีสิ่งใดขวางเขาอีก พอเธอดิ้น ทรวงอวบอิ่มที่บอกได้ดีว่าอวบอัดนุ่มหยุ่นเสียดสีอกกว้างจนเม็ดถันแข็งเป็นตุ่มไตชูชัน นิวารินอยากจะเป็นลมตายลงตรงนี้ เขาคิดจะทำอะไร จะแกล้งเธอไปถึงไหน มันเกินไปแล้วนะครั้งนี้ ร่างกายที่มีปฏิกิริยาของเธอชวนตกใจเหลือเกิน สองเต้าเต็มตึงคัดแข็งจนเจ็บเหมือนเวลาวันนั้นของเดือน บั้นท้ายกลมแน่นนั่งทับอยู่บนหน้าขาแกร่ง บางสิ่งบางอย่างมันแข็งขึงดุนดันใต้สะโพกชวนครั่นคร้าม “โกหก” คีต์กวีกระซิบชิดปากจิ้มลิ้ม ตวัดตาคมเข้มขึ้นมองสบตาหวั่นๆ ก่อนจะบดขยี้จูบลงไปอย่างหักห้ามใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาป่ายปัดซอนไซ้ปลายลิ้นไปทั่วโพรงปากนุ่ม เพราะความไม่ประสา ร่างบางบนตักสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ลิ้นนุ่มๆ ที่ขยับหนีถูกรัดดูดดุนหนักๆ ฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังเนียน เลื่อนลงต่ำถึงบั้นเอว สอดเข้าใต้ชายเสื้อ ลูบไล้ เคล้นขยำผิวเนื้อแท้เบาๆ เพื่อปลุกอารมณ์สาวเจ้าให้กระเจิดเปิดเปิง นิวารินหลบหน้าเขามาสามวัน ทำไมคีต์กวีจะไม่รู้ วันนี้ที่เขาไม่ไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนที่อื่นก็เพราะต้องการเห็นหน้าเธอ เวลานี้ทั้งบ้าน มีแค่เขากับนิวาริน เสียงอู้อี้ การดิ้นขลุกขลัก กับเนื้อตัวสั่นสะท้าน ปลุกสัญชาตญาณนักล่าในตัวคีต์กวีให้ตื่นขึ้น เสียงลมหายใจติดขัดขาดเป็นห้วงๆ ยิ่งทำให้ใจหนุ่มฮึกเหิม กลิ่นและรสเครื่องดื่มจากปลายลิ้นนุ่มหวานนัก เขาดูดดุน ตวัดรัด กลืนกินหนักๆ อย่างคนหิวกระหายจัด หน้างามแหงนหงายไปข้างหลัง เขาต้องเลื่อนมือมายึดท้ายทอยเล็ก จับตรึงและประคองให้เธอรับจูบหนักหน่วงที่บดเบียดอย่างเอาแต่ใจของเขา ลิ้นนุ่มเผลอพลิกพลิ้วหดหนี เขาตามจูบตามดูดรัดจับพันกันนัวเนีย “คิงส์ ไม่เอาแล้ว... เลิกแกล้ง... กันเล่นได้แล้ว” เสียงเอ่ยปรามตะกุกตะกักขาดห้วงปนหอบ สองมือตะปบลำแขนแกร่งแน่นเพื่อระงับความสั่นของตัวเธอ ใบหน้าคมเข้มเงยขึ้นมามอง ปาดลิ้นตวัดเลียกลีบปากล่างของสาวเจ้าเบาๆ นิวารินสะดุ้งเฮือก “ใครว่าแกล้งเล่น เอาจริงตั้งนานแล้ว” “คิงส์! ไม่ ไม่ นายต้องเมาแน่ๆ คิงส์! ปล่อย” “อือ” เขาท่าจะเมาจริงๆ คีต์กวีย้ำปากจูบใต้ปลายคางเรียวขาว ไถลเลื่อนเคลื่อนลงไปตามลำคอเล็กหอม ปากร้อนเม้มขบผิวบางเบาๆ ให้สาวเจ้าสั่นสะดุ้งเล่น เขาเมาจริง แต่คงเมาความนุ่มนิ่มหอมกรุ่นของนิวารินมากกว่าจะเมาเบียร์ มืออีกข้างเลื้อยเข้าใต้ชายเสื้อนอน ลูบไล้วกมาด้านหน้า หลังนิ้วชนเข้ากับฐานทรวงนุ่ม ร่างบางสะดุ้ง รีบตะปบจับมือเขากระตุกออกด้วยความตกใจ มีหรือคนมึนมัวเมาอารมณ์จะยอม “คิงส์...” ใช่... เขาจะทำให้เธอเรียกชื่อเขา จดจำเฉพาะชื่อนี้จนเธอไม่มีวันลืมเลือนไปได้ทั้งยามหลับและยามตื่น...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD