คลับ
ค็อกเทลบาร์
“Old Fashioned ที่คุณสั่งได้แล้วครับ”
กรรฐ์ดึงสายตาที่กำลังจ้องมองบรรยากาศเรื่อยเปื่อยโดยรอบกลับคืนมาด้วยท่าทีเกียจคร้านเมื่อได้ยินว่าค็อกเทลที่เขาสั่งเอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วกรรฐ์สูดกลิ่นหอมของเปลือกส้มตากแห้งที่แต่งหน้าวางอยู่บนน้ำแข็งด้วยความสดชื่นก่อนที่นิ้วเรียวยาวขาวเนียนดุจหยกจะยื่นไปหยิบแก้วค็อกเทลที่อยู่ตรงหน้าขึ้นจิบช้าๆในใจพลันรู้สึกว่า...
‘รสชาติดีแต่ไม่ใช่ดีที่สุด…’
“อืม รสชาติพอใช้”
รอยยิ้มได้ใจบนใบหน้าของไวนพลันแข็งค้างเมื่อคำชมที่เขาหวังจะได้ยินกลายเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลยสักนิดที่ผ่านมาเขาพยายามฝึกปรือฝีมือการชงค็อกเทลเพื่อให้ได้รับการยอมรับและคำชมจากเหล่านักท่องราตรีมาโดยตลอดซึ่งเขาก็ทำสำเร็จแต่ดูเหมือนว่าสำหรับคนตรงหน้าแล้วฝีมือของเขานั้นคงจะยังไม่ถูกใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่คำชมที่ได้รับจึงอยู่ในระดับแค่ ‘รสชาติพอใช้’ เท่านั้น
ถึงแม้ว่าในใจของไวน์จะรู้สึกขุ่นเคืองใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมากแค่ไหนเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับคำติชมที่ไม่เต็มใจยอมรับนี้เอาไว้พร้อมกล้ำกลืนความไม่พอใจเอาไว้เต็มท้องเท่านั้นเขาก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่งจะไปมีสิทธิ์มีเสียงต่อว่าลูกค้าที่คือพระเจ้าได้อย่างไรเมื่อคิดมาถึงความจริงข้อนี้สีหน้าของไวน์ก็พลันหม่นหมองลงอย่างเห็นได้
“อยากชงเหล้าให้อร่อยมากกว่านี้ไหม ?”
คิ้วหนาเข้มที่ขมวดแน่นกับสายตาขุ่นเคืองคู่หนึ่งพลันคืบคลานเข้ามาใกล้เกือบจะเรียกได้ว่าชนจมูกเมื่อได้ยินคำถามจากหนุ่มหล่อตรงหน้าที่ยังคงนั่งจิบค็อกเทลด้วยท่าทีที่แฝงไปด้วยความเกียจคร้านเช่นเคย
“ถามแบบนี้พี่จะสอนผมหรือไง ? หรือว่าจะส่งผมไปเรียนเพิ่มแล้วมาชงให้พี่ชมว่ารสชาติดีมาก”
มุมปากของกรรฐ์พลันกดลึกปรากฏเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วแฝงไปด้วยความเสเพลอยู่หลายส่วนเมื่อได้ยินคำพูดยียวนคล้ายต้องการหาเรื่องเขาของอีกฝ่ายก่อนที่ดวงตาดอกท้อที่เจือรอยยิ้มบางเบาจะสบเข้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมของเด็กหนุ่มนิ้วเรียวยาวขาวราวหยกงามเคาะลงบนเคาน์เตอร์บาร์เบาๆราวกับกำลังใช้ความคิด
“อืม ฉันสอนเองรับรองว่ารสชาติดีกว่านายมาก”
ความยินดีพลันฉายชัดอยู่ในดวงตาของเด็กหนุ่มก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็วดวงตาของไวน์หรี่ลงเล็กน้อยพร้อมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอย่างคลางแคลงใจนี่เขาพูดจริงจากใจหรือว่าพูดเล่นเอาฮากันแน่อย่างเขาเนี่ยนะจะชงค็อกเทลเป็น ?
“ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่ออะดิ หึ นายคิดว่าคนอย่างฉันมีดีแค่หน้าตาหรือไงลองนายได้รู้จักฉันจริงๆนิ้วมือสิบนิ้วยังไม่พอให้นับถึงความสามารถที่มีของฉันเลย”
คำพูดโอ้อวดของพี่ชายรูปหล่อทำให้ไวน์เผลอเบะปากท่าทางของเด็กหนุ่มในตอนนี้คล้ายกำลังบอกให้กรรฐ์เลิกพูดเรื่องไร้สาระสักทีเถอะเขาทนฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้วกรรฐ์ที่เห็นว่าเด็กหนุ่มไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดก็ไม่อยากเสียเวลาพูดมากอีกต่อไปเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วยกนิ้วชี้บอกให้ไวน์หลบไปซึ่งไวน์ก็ยอมถอยหลบไปยืนอยู่ด้านหลังเขาแต่โดยดี
ดวงตาคู่คมไล่มองส่วนผสมที่อยู่ตรงหน้าพร้อมยื่นมือที่ขาวราวกับหยกชั้นดีหยิบแก้วจากที่วางมาใบหนึ่งก่อนที่กรรฐ์จะเริ่มผสมเหล้าตามสูตรด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่มีการวัดตวงใดๆทั้งสิ้นเขาอาศัยการคาดคะเนจากสายตาที่ผ่านการชงค็อกเทลมานับครั้งไม่ถ้วนและเทส่วนผสมของค็อกเทลที่มีชื่อเรียกว่า Singapore Sling ลงไปในแก้วด้วยความรวดเร็วกรรฐ์ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็ผลักแก้วเหล้าที่เสร็จเรียบร้อยมาตรงหน้าของไวน์ที่กำลังยืนอึ้งด้วยความตกใจ
นะ นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกันเครื่องดื่มแต่ละแก้วตัวเขาเองยังใช้เวลาสิบถึงสิบห้านาทีขนาดพี่ตะวันที่สอนเขายังใช้เวลาตั้งสิบนาทีแต่ผู้ชายคนนี้กลับใช้เวลาเพียงห้านาทีแถมสายตาของเขายังดีมากอีกด้วยเทส่วนผสมลงไปโดยที่ไม่มีการวัดตวงที่สำคัญไม่มีการหยิบผิดหรือหยิบสลับเลยแม้แต่น้อยการชงเครื่องดื่มที่รวดเร็วและชำนาญขนาดนี้มีแต่คนที่ผ่านการชงมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นแหละที่สามารถทำได้
“อ้าว มัวแต่ยืนอึ้งอยู่ทำไม ? ลองชิมดูสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ยกยิ้มจนตาหยีทำเอาไวน์ถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะที่ผ่านมาเขาพบเจอกับผู้คนมามากหน้าหลายตาไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือนักร้องแถวหน้าชื่อดังของวงการแต่ไม่มีใครที่ทำให้ไวน์รู้สึกว่าหน้าตาของเขานั้นหล่อเหลาสะกดตาคนมองได้เท่ากับผู้ชายที่กำลังส่งยิ้มให้เขาคนนี้เลยในใจของเด็กหนุ่มพลันบังเกิดความรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อยจนทำให้เขาถึงกับเหม่อไปชั่วขณะ
ป๊อก
“อูย เจ็บ”
นิ้วเรียวที่เคาะลงบนหน้าผากของไวน์ทำให้ความคิดที่กำลังอิจฉาคนตรงหน้าถูกดึงกลับมาไวน์ยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกกรรฐ์ดีดด้วยความเจ็บ
“จ้องหน้าฉันตาไม่กระพริบแบบนี้แอบชอบกันอยู่หรือไง หืม ?”
คำพูดชวนขนหัวลุกของกรรฐ์ทำให้ไวน์ถอยออกห่างจากเขาเล็กน้อยปากก็เอ่ยแก้ตัวด้วยความร้อนรน
“ผมไม่ได้แอบชอบพี่สักหน่อยถึงพี่จะหน้าตาดีกว่าผู้ชายทุกคนที่ผมเคยเจอแต่ผมผู้ชายทั้งแท่งนะครับ”
“อ้อ ไอ้เราก็นึกว่าจะแอบชอบกันแล้วซะอีก”
กรรฐ์เอ่ยสัพยอกเด็กหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาดอกท้อคู่งามเจือไปด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้คนหลงใหลก่อนที่เขาจะดันแก้วเหล้ามาตรงหน้าของไวน์ที่รีบยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบทันทีที่ลิ้นของเขาสัมผัสกับรสชาติของเหล้าที่หอมหวานดวงตาของไวน์พลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
‘เหล้าแก้วนี้รสชาติดีเกินไปแล้ว’
“อืม รสชาติดีมาก”
ไวน์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียวคำชมในขณะที่คนถูกชมก็พยักหน้ารับอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
“เหล้ารสชาติจะดีหรือไม่ดีก็ต้องดูด้วยว่าใครเป็นคนชง”
กรรฐ์เอ่ยชื่นชมตัวเองอย่างไม่นึกกระดากปากเลยแม้แต่น้อยในขณะที่ไวน์เองก็ต้องยอมรับว่าฝีมือการชงเหล้าของพี่ชายรูปหล่อคนนี้นั้นดีมากจริงๆ
“ผมขอฝากเนื้อฝากตัว...”
“Dry Martini แก้วหนึ่ง”
ในขณะที่ไวน์กำลังจะเอ่ยขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของกรรฐ์เสียงหวานใสก็ดังขึ้นแทรกเข้ามาก่อนทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปมองยังมาผู้มาใหม่ที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้านแต่กลับชวนให้คนมองไม่อาจละสายตาจากไปได้ มินตราฟุบใบหน้าลงบนเคาน์เตอร์บาร์อย่างไม่คิดที่จะรักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีต่อให้มีคนแอบถ่ายรูปของเธอไปนั่งเทียนเขียนข่าวในทางที่ไม่ดีเธอก็ไม่คิดจะสนใจคนอย่างเธอเคยสนใจพวกข่าวไร้สาระแบบนั้นที่ไหนกัน
ดวงตาดอกท้อคู่งามของกรรฐ์พลันยกยิ้มจนตาหยีโค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยวเมื่อเห็นว่าลูกค้าที่เข้ามาใหม่คือใครก่อนที่รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจจะหุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าไวน์กำลังหรี่ตาจ้องมาที่เขาด้วยสายตาจับผิดในที่สุดคนที่เขารอคอยก็มาถึงสักทีกรรฐ์ยื่นมือไปผลักไวน์ให้หลบพ้นทางก่อนที่เขาจะลงมือชง Dry Martini ให้มินตราด้วยตัวเอง
“Dry Martini ครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูทำให้มินตราที่ฟุบหน้าลงบนเคาน์เตอร์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาดวงตาคู่สวยที่ดูไม่สบอารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นความความตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นว่าใครที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
“ไหนคุณบอกว่าไม่ว่างแล้วใครกันน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีนตอนนี้ ?”
มินตราเท้าคางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ด้วยแววตากรุ้มกริ่มนิ้วมือพลันยื่นไปจิ้มหน้าอกของเขาอย่างต้องการหยอกล้อในขณะที่ไวน์เลิกคิ้วจ้องหน้ามินตราและกรรฐ์สลับกันไปมาด้วยแววตาสนใจใคร่รู้
“ตอนนั้นไม่ว่างแต่ตอนนี่ว่างแล้วไง”
กรรฐ์ตอบคำถามของมินตราด้วยสีหน้าราบเรียบมองดูไร้อารมณ์แต่มินตรากลับไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดของเขาเลยสักนิดเธอชินแล้วล่ะกับความเย็นชาของเขาขนาดข้อความที่เขาพิมพ์ตอบกลับมายังราบเรียบดูไร้ความรู้สึกนับประสาอะไรกับเขาตัวเป็นๆที่เวลานี้ตอนนี้กำลังเดินมานั่งลงข้างๆเธอ
“เหอะ คนโกหกเป็นห่วงมีนก็บอกมาเถอะ”
มินตราย่นจมูกใส่คนหน้าตายด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่เธอจะยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวหมดแก้วโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีทั้ง ๆ ที่ความขมปร่าแสบคอกำลังไหลลงสู่กระเพาะชวนให้ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
“หืม ผมไปโกหกคุณตอนไหนไม่ทราบ”
“ก็ตอนนี้ไงโกหกหน้าตาย”
มินตราตอบกลับคำถามของกรรฐ์พลันยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆเขากลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้อารมณ์โมโหของมินตราค่อยๆสลายหายไปกลายเป็นความรู้สึกผ่อนคลายเข้ามาแทนที่มินตราจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของกรรฐ์ด้วยแววตาหลงใหลในขณะที่กรรฐ์เองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาที่ร้อนแรงของเธอแต่อย่างใด
“เฮ้อ หล่อเกินไปจนใจเจ็บ”
ใบหน้าของกรรฐ์ยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อได้ยินคำพูดที่ชวนให้คนสงสัยของมินตราอะไรคือ ‘หล่อจนใจเจ็บ’ เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อยทำไมเธอต้องเจ็บที่ใจด้วย
“แก้วเดียวก็เพ้อซะแล้ว”
กรรฐ์พึมพำเสียงเบาที่มีเพียงเขาที่ได้ยินก่อนจะที่เขาจะหันไปสั่งค็อกเทลแก้วใหม่กับไวน์และนั่งรอเครื่องดื่มเงียบๆพร้อมแอบชำเลืองหางตาจ้องมองสาวสวยที่กำลังยกเหล้าขึ้นจิบหลังจากนั้นทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกต่างคนต่างนั่งดื่มเงียบๆ มินตราดื่มเหล้าที่ขมบาดคอแก้วแล้วแก้วเล่าบางครั้งยังเอาแก้วเหล้าของตัวเองไปชนกับแก้วเหล้าของกรรฐ์จนกระทั่งดวงตาของเธอเริ่มแวววาวฉ่ำหวานสายตาที่มองคนข้างๆเริ่มเปลี่ยนไปคำพูดมากมายที่อยู่ในใจพลันพรั่งพรูออกมาราวกับก๊อกแตกกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้างๆเพียงรับฟังเธอระบายความในใจออกมาเงียบๆเท่านั้น
“ในสายตาของพ่อ อึก ฉันคงเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องมากเลยสินะ อึก”
มินตราหันมาถามชายหนุ่มข้างกายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อสายตาของเธอที่จ้องมองเขาเต็มไปด้วยการรอคอยทำให้กรรฐ์ที่นั่งเงียบเหมือนคนที่ไร้ตัวตนอดที่จะหันมาสบดวงตาที่หวานฉ่ำของเธอไม่ได้
“ก็แค่ตาแก่หัวโบราณคุณจะไปสนใจทำไม ?”
คำตอบของกรรฐ์ทำให้ไวน์ที่ได้ยินถึงกับเสียวสันหลังวาบลูกพี่ของเขานี่ปากแซบใช้ได้เลยทีเดียว
“อึก จริงด้วยก็แค่ตาแก่หัวโบราณทำไมฉันต้องสนใจด้วย อึก คุณพูดถูก มา มาชนแก้วกัน”
มินตรายกแก้วเหล้าไปตรงหน้าเขาใบหน้างดงามแดงระเรื่อชวนมองของเธอทำให้กรรฐ์รู้สึกลำคอแห้งผากจนแอบลอบกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก
กริ๊ก
เสียงแก้วเหล้าสองใบชนกันมินตราเผยรอยยิ้มหวานออกมาด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วเช่นเคยเธอค่อย ๆ ปรือตาหวานฉ่ำจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างกายดวงตาดอกท้อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนให้คนหลงใหลรอยยิ้มมุมปากที่คล้ายหลุมพรางสะกดสายตาให้คนสนใจท่าทีเกียจคร้านที่ดูเหมือนผู้ชายเสเพลทำให้ความคิดของมินตราเตลิดไปไกลอยู่ ๆ ความต้องการที่ไม่มีที่มาที่ไปก็ทำให้เธอเผลอหลุดปากออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คุณ..อึก นอนด้วยกันไหม ? “
แววตาของกรรฐ์ไหววูบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของคนข้างกายเขาไม่ได้ตกใจหรือมีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใดเพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้วตอนอยู่ที่อิตาลีเขาได้ยินคำถามแบบนี้เกือบทุกวันที่ไปนั่งดื่มแต่น้อยครั้งมากที่เขาจะตอบตกลงส่วนครั้งนี้...
“อืม เอาสิ สดหรือใส่ถุงดีล่ะ? “
ดวงตาของมินตราพลันเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของคนตรงหน้าริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเผยอเล็กน้อยด้วยความตกใจกว่าจะรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรออกไปอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาก็พันธนาการเธอเอาไว้ในอ้อมกอดเสียแล้ว
“ชวนผมขึ้นเตียงแล้วห้ามกลับคำคนอย่างผมพูดแล้วต้องทำต่อให้คุณรู้สึกเสียใจทีหลังก็ช่วยไม่ได้”
กรรฐ์ไม่ให้เวลามินตราได้คิดทบทวนคำพูดของเธอเลยสักนิดเขาหยิบการ์ดสีดำใบหนึ่งวางลงตรงหน้าเด็กหนุ่มที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมโอบเอวมินตราที่ยังคงอยู่ในอาการสับสนและมึนงงเดินจากไปส่วนไวน์ที่เพิ่งมาถึงได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะพร้อมมองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยความงุนงง