Ep.10 : ประวัติบ้านสุดสยอง

4723 Words
"ไอ้ทุเรศ!!!!!!" เสียงตะโกนในยามเช้าที่ดั่งสลั่นลั่นบ้าน ทำเอาผมที่นอนอยู่บนเตียงข้างเธอต้องสะดุ้งขึ้นมามอง ว่ามีอะไรใครตายหรือเปล่า ถึงต้องตะโกนดังขนาดนี้ "อะไร???" "คุณจับนมฉัน สอดมือเข้ามาในเสื้อด้วย แย่ที่สุดเลย คุณลวนลามฉัน เมื่อคืนนอนห้องอื่น ทำไมตื่นเช้าถึงมานอนห้องนี้ คุณตั้งใจเอาเปรียบฉันสินะ คนอย่างคุณมันไว้ใจอะไรไม่ได้เลย” คนที่พูดกลอกตามองไปรอบ ๆ ห้อง “พี่….” ผมยังไม่ทันจะได้แก้ตัวเลย “ไม่ต้องพูด!!! ต่อไปฉันไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้ว” เซียงเซียงเดินโวยวายออกจากห้องของผม ใช่!! นี่ห้องผม ก็เมื่อคืนยัยนี่เกิดอาการกลัวผี เลยหนีมานอนห้องผม เพราะนึกว่าเป็นห้องลูก ลูบหัวผมจนอีกนิดก็เป็นลูกเธอแล้ว ที่โวยวายเนี่ยแก้เขินที่เขาห้องผิดใช่ไหม ผมเดินตามคนที่โวยวายออกจากห้องไป ก็เจออัณณ์กับของขวัญที่ตื่นขึ้นมาเพราะการโวยวายของเธอ “ทำไมน้าเซียงเซียงออกมาจากห้องของพ่อล่ะ” อัณณ์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ได้ยินไหมว่าที่เธอเดินออกมาคือห้องของฉัน เธอนั่นแหละ มั่วห้องเอง “น้าาา น้าาาา….” “น้าเซียงเซียงเข้าไปโวยวายที่พ่อทำของเขาหายหน่ะลูก” ผมตอบลูกชายเพื่อช่วยเธอ ทำให้เธอยิ้มแห้ง ๆออกมา “แล้วป๊าทำอะไรหายคะ ฮ้าววววว” ของขวัญที่ยังขยี้ตาด้วยความงัวเงียถามขึ้นมา แถมด้วยหาวน่ารัก ๆหนึ่งที “ขนมหน่ะลูก ไปได้แล้วเด็ก ๆ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวน้าไปรีดผ้าให้ดีกว่า คุณหน่ะ จัดการให้ลูกอาบน้ำด้วยนะแค่นี้คงจะทำได้ใช่ไหม” แววตาเย็นเฉียบเหลียวหลังมองฉาบมาที่ผม โกรธอะไร โกรธที่ผมจับนมเหรอมือมันไปเอง ผมหลับ บังคับได้เหรอ ผมส่งเด็ก ๆ ที่ห้องน้ำ ผมไม่เคยอาบน้ำให้เด็ก ๆ เลยอะ ปกติที่บ้านผมมีพี่เลี้ยงทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว อีกอย่าง เซียงเซียงเองก็สอนเด็ก ๆ อาบน้ำสระผมแล้ว ผมเลยปล่อยให้เด็ก ๆ อาบน้ำกันเองแล้วปิดประตูให้พวกเขาอย่างดี พวกเขาน่าจะอยู่กันได้ จะไปดู ก็ต้องไปดูยัยนั่นนั่นแหละ ทำเป็นหรือเปล่า หรือไปอ้อนให้ป้าส้มทำให้อีก ผมเดินไปแอบดูคนที่เก่งไปซะทุกอย่างที่เรือนเล็ก กูเจอเธอยืนรีดผ้า พร้อมกับเม้าส์กับป้าส้ม อย่างป้าส้ม จะคุยเรื่องอะไรได้ นอกจากเรื่องผีบ้านหลังนี้ “คุณนอนที่ห้องนั้นเจออะไรไหมคะ” “ห้องที่ฉันนอน มันทำไมหรือคะ” “คือห้องของคุณหญิงกำไลค่ะ ภรรยาหลวงของคุณพระท่าน เป็นเจ้านายที่รับราชการในกรมคลังค่ะ น่าจะสมัยรัชกาลที่ 7 ช่วงปลาย บ้านหลังนี้มีประวัติยาวนานนับ ร้อยปี เพราะคุณพระท่านมากรักมีเมียถึง 4 คนแหน่ะคุณ” นั่น เล่าออกรสออกชาติไปอีก ป้าเนี่ยจะเล่าเรื่องนี้อีกกี่รอบ “เมีย 4 แบบนี้ เมียหลวงไม่ช้ำใจตายเลยเหรอคะ เฮ้อ จะโทษก็ต้องโทษสังคมสมัยนั้นที่หล่อหลอมให้ค่านิยม ผัวเดียวเมียเป็นขโยงไม่ผิด” นั่นอินไปกับเขาด้วย “ช้ำจนแค้นเป็นผีตามฆ่าเมียคนอื่น ๆ ของคุณพระเป็นร้อยปีเลยค่ะ จนคุณนายสายธารคุณแม่ของคุณชลเธอมาปลดปล่อยวิญญาณอาฆาตของคุณหญิงกำไลห้องที่คุณอยู่ คือห้องของคุณหญิงกำไลค่ะ” ป้าส้มเอาอีกแล้ว หลอกไปเดี๋ยวยัยนี่ ก็ไม่กล้านอนอีก ผมที่จะเดินเข้าไปห้ามป้าส้มต้องชะงัก เมื่อเซียงเซียงเธอพูดสิ่งที่คิด “ถ้าเป็นฉัน ถ้าต้องเห็นสามีรักคนอื่นทุกวัน ฉันเป็นผี ฉันก็จะตามไปหักคอค่ะ แล้วตอนนี้ในห้องฉันยังมีวิญญาณอยู่ไหมคะ” อินไปแล้วจ้า ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย “พวกท่านน่าจะไปเกิดแล้ว เมื่อ 31 ปีก่อน พระอาจารย์จากวัดป่า ได้เข้ามาที่นี่ แล้วช่วยปล่อยวิญญาณพวกท่านไปหมดแล้วล่ะค่ะ แต่บางคนที่มาทำงานที่นี่ ก็บอกว่าคุณกำไลเธอยังอยู่ เธออาจจะรอวันที่คุณพระท่านจะมาเกิดค่ะ” ประโยคของป้าส้มทำให้คนกลัวผี ถึงกับตาโต “เลอะเทอะหน่าป้า พอแล้ว” “หนูอยากฟังเรื่องของป้าต่อนะคะ ตอนนี้ต้องพาเด็ก ๆ ไปโรงเรียนแล้ว ไว้มีเวลาจะมาฟังฉบับเต็มค่ะ ไปค่ะ พวกผู้ชายมากรัก เดี๋ยวจะสาย ว่าแต่ลูกอาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม” สายตาคาดคั้นของคนที่เอาชุดนักเรียนใส่ไม้แขวน แต่พอผมเงียบ เธอก็รีบเดินลิ่ว ๆ ไปที่เรือนใหญ่เพื่อไปดูเด็ก ๆ พอเรามาถึงบ้านใหญ่ทุกอย่างมันดูเงียบ จนเซียงเซียงต้องเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู ก็เจอเด็ก ๆ ตัวเปียกไร้ผ้าเช็ดตัว ทันทีที่เห็นแม่ของขวัญก็วิ่งเข้ามาหา แต่ดันลื่นล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นในท่าจับกบ “แง้!!!~*” เสียงร้องไห้จ้าของของขวัญ ทำให้ผมต้องรีบวิ่งไปอุ้มของขวัญขึ้นมาจากพื้น เพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เลยทำให้ตัวของผมเองเปียกชุ่มไปด้วย ผมหันไปมองอัณณ์ที่ทำหน้าน้อยใจ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้อุ้มเขา แต่ตอนนี้น้องเจ็บ เขาน่าจะเข้าใจ “อัณณ์ไปกับน้าลูก คนอะไรลูกอาบน้ำไม่เอาผ้ามาให้ แย่จริง ๆ” กว่าเราจะโอ๋กันเสร็จ แต่งตัวกันเสร็จ ทำให้วันนี้เราสาย ปกติผมไม่รู้เลยว่าการจับปูใส่กระด้ง เอ้ย จับลูกใส่เสื้อผ้ามันจะยากแบบนี้ กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็กินเวลาไปเกินครึ่งชั่วโมง ไหนจะยังต้องกินอาหารเช้าของเด็ก ๆ อีก เพราะถ้าไม่กิน ลูกจะต้องทนไปถึงพักกลางวัน แน่นอนว่า ลูกไม่ไหวแน่นอน “เหนื่อยจังงง เหมือนจะตาย” คนที่มองลูกกินข้าว เริ่มเลื้อยไปกับโต๊ะอาหาร หน้าไม่ล้างฟันไม่แปรง มันไม่ใช่แค่ลูกที่สาย ผมเองก็สายนะ แต่ก็นะ เธอเหนื่อยขนาดนี้ ในขณะที่ผมช่วยเธอได้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ “ถ้างั้นเราไปส่งลูกกันก่อน เอาให้ทันเข้าแถว จะได้ไม่สาย” “คุณไม่ต้อง….” “ค่อยมาทำที่หลังก็ได้” แต่อะไรมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เวลาที่เหลือ 20 นาที กับการขับรถฝ่ารถมากมายบนท้องถนน แล้วยังต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้านเบาะหลัง เซียงเซียงนั่งเบาะข้างคนขับ คอยบอกให้ผมปาดรถที่ขวางเราบนท้องถนน “ซ้าย ๆ ไปซ้ายค่ะ” “ไอ้นี่ขับรถเป็นเต่าอยู่เลนขวาได้ไง ใบขับขี่ได้มาได้ไงวะ” ผมเริ่มหงุดพาลพวกรถบนถนน ที่ตอนนี้ขับอ้อยอิ่งในตอนที่ผมรีบ อีกแค่ 15 นาทีมันจะไปทันได้ยังไง “เฮ้อออออ คุณนั่นแหละ เข้าข้างทางเลย เดี๋ยวฉันจะขับให้คนแก่มันดู” เซียงเซียง บอกให้ผมเข้าข้างทาง แต่จะให้จอดในตอนที่เรากำลังรีบเนี่ยนะ ผมตบไฟเลี้ยงเข้าซ้าย จอดเข้าข้างทางให้เซียงเซียงได้เป็นคนขับ แล้วผมไปนั่งในที่ของเธอแทน “พี่อัณณ์ เข็งขัด เดี๋ยวปลิว” ของขวัญที่นั่งในคาร์ซิทของเจ้าอัณณ์ เริ่มจัดแจงให้พี่ชาย รักเข็มขัดนิรภัย จนผมต้องทำตาม ทันทีที่เซียงเซียงเหยียบคันเร่ง เสียงเอี๊ยดดดด จากล้อรถก็ดังขึ้น เธอก็ปาดรถทุกคันบนถนน แถมยังซิ่งจนผมต้องหาที่เกาะ เราปาดซ้าย ปาดขวา จนคนร่วมถนน ด่าพ่อแล้วมั้ง ปาดมันทุกคันเพื่อไปถึงโรงเรียนลูกให้ทัน “พ่ออออ อัณณ์จะอ้วก” “แต่หนูสำบัยมาก ม้าขับแบบนี้ทุกวันที่ติ่งสาย โอ๋ ๆ ไม่กลัวนะ” มือเล็ก ๆ ของของขวัญลูบปลอมคนเป็นพี่ชายที่กลิ้งแล้วกลิ้งอีก เรามาถึงหน้าโรงเรียน พร้อมกับเพลงเรียกเข้าแถวดังขึ้น พ่อแม่หลายคนเดินออกจากโรงเรียน ผิดจากเราที่เดินเข้าอย่างรีบร้อน เพื่อนส่งเด็ก ๆ ให้ถึงมือครูในชุดนอน สายตาของคุณครูและเด็ก ๆ มองเราเป็นตาเดียว “ฝากด้วยนะคะครู” “คุณแม่คุณพ่อไหวไหมคะ โหยยย น่าเอ็นดู ตอนนี้ออกจากโรงเรียนเถอะค่ะ เด็ก ๆ จะเข้าแถวแล้ว” คุณครูรับลูก ๆ ไปจากเรา ทำให้เราต้องรีบเดินออกจากโรงเรียน เพราะสภาพชุดนอนของเรามันดูดสายตามาก เราเดินมาที่จอดรถ พร้อมกับมองหน้ากันแล้วต่างหัวเราะออกมา กับสภาพของเราทั้งคู่ CEO ในชุดนอนเฮ้อออ รับไม่ได้เลยจริง ๆ แถมเซียงเซียงหัวนี่ฟูไปเลย “หน้ายังไม่ล้างฟันไม่แปรงนะเธออะ” “พี่ก็เหมือนกันแหละหน่า” อะ เธอเรียกผมว่าพี่เหมือนเมื่อก่อน แต่สีหน้าที่ตกใจน้อย ๆ ของเธอคงจะแค่หลุดปากสินะ ผมไปแย่งกุญแจรถจาก ผมจะไม่ให้เธอขับรถอีกแล้ว เซียงเซียงตีนผี เหยียบขนาดนี้ ผมยังไม่อยากไปเฝ้ายมบาล ลูกยังไม่ทันโตเลย “ไม่ให้ขับ เดี๋ยวได้ตายกันหมด” “อี้ ปากเหม็น” อันนี้กวนตีนผมแน่ ๆ คนตัวเล็กพูดพร้อมกับมือขึ้นมาปิดจมูก ยัยนี่มันชักจะเกินไปแล้ววว!!!! Marisa Say :: วันนี้เขามาส่งฉันที่ทำงานของฉัน แต่!!!! ตอนนี้ฉันมีทัวร์ลูกเป็ดเดินตามหลังเป็นขบวนเลย คนในบริษัทมองฉันเป็นตาเดียว จนฉันเนี่ยรู้สึกอายเลย จะตามติดฉันไปถึงไหน!!!! ขนาดฉันเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองแล้ว สองคนนี้ก็ยังยืนคุม ตึ๊ง~* เสียงของข้อความที่เข้ามาจากแชท Line ทำให้ฉันต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วย [Chol :: Chat Line] Chol :: ถึงบริษัทแล้วนะ Chol :: ส่งรูปภาพถึงคุณ SS :: บอกฉันทำไม Chol :: ทำแบบเมื่อก่อนไง จบการสนทนา ฉันยุติการสนทนาทันที ไม่ต้องมาทำเหมือนเดิมอะไรทั้งนั้น กว่าฉันจะเกลียดคุณได้ มันยากแค่ไหน ฉันจะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด อย่าคิดว่ามาทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ทำให้ฉันใจอ่อนหรอก ฉันเดินไปที่ห้องทำงาน ท่ามกลางสายตาของพนักงานคนอื่น ๆ ที่มองฉันอย่างซุบซิบนินทา กับสถานะที่เหมือนนักโทษ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู พร้อมกับเปิดเข้ามาเลย ทำให้ฉันรู้ได้ทันที ว่าใครมา เจ้าของบริษัทยังไงล่ะ “ขอโทษค่ะบอส ที่หลายวันที่ผ่านมา ลาไม่ได้แจ้งก่อน” “ผมนึกว่าเพราะผม คุณถึงไม่มาทำงาน ผมอาจจะทำคุณลำบากใจ” บอสผู้แสนดี โธ่ โธ่ ฉันไม่ได้โกรธเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น แต่ฉันโดนลักพาตัวค่ะ เข้าใจไหมคะ เฮ้ออออออ ฉันจะบอกบอส แต่พวกบอดี้การ์ดกลับยืนมองฉันตาเขม็ง “ไม่เลยค่ะ ตอนนี้ฉันพร้อมทำงานแล้ว” อีกด้าน Rrrrrr Rrrrrr Rrrrrrrr [ 089878xxxx ] สายโทรศัพท์เข้า จากเบอร์แปลก ที่โทรหาสายชลโดยตรง ถ้าไม่ใช่คนในบ้าน พล หรือพวกเพื่อน ๆ จะไม่มีทางรู้เบอร์ของเขาได้เลย สายสนทนา "ใครครับเนี่ย" [ ชล ยังใช้เบอร์เดิมเหรอ นี่ครีมเองนะ ] "ครีมเหรอ ไม่เจอกันนานเลยนะ" [ ชลลลลลล ] เสียงสะอึกสะอื้นจากปลายสาย ทำให้คนที่ถือสาย แม้อยากจะวาง แต่ก็ไม่อาจจะวางได้ "มีอะไร" [ เราหย่าแล้วนะ เราคิดว่าเราพร้อมจะเลี้ยงลูกแล้ว ] มาริสา Say :: ฉันที่กำลังจะหนีไปรับลูก แต่ก็โดนไอ้บอดี้การ์ดบ้าบอนี่ห้ามเอาไว้อีก รถ ก็รถฉัน จะบ้าตาย โว้ยยยยอะไรนักหนา ฉันมองบอดี้การ์ดหน้ามึนตาเขียว จะเอายังไงกับฉัน จะไฟวท์ก็มาเลย ฉันเสียเวลาไปกับบอดี้การ์ดที่บังซ้ายบังขวาไม่ให้ออกไปไหน “มาริสา ทำไมยังไม่ไปอ่า” “ฉันกำลังจะมีเรื่องกับบอดี้การ์ดค่ะ บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ” “คุณกลัวผมถึงขั้นกับต้องจ้างบอดี้การ์ดเลยเหรอ ฮ่ะ ๆ ผมล้อเล่นนะ ผมจะถามนานแล้ว บอดี้การ์ดนี่ยังไงผมไม่ติดเรื่องความปลอดภัยหรอกนะ แต่มันจะรบกวนพนักงานคนอื่นหรือเปล่า” บอสกำลังตำหนิที่ฉันพาคนนอกเข้ามาในบริษัท แต่ไอ้หน้าโหดนี่ ไม่ใช่คนของฉัน วันนี้ทั้งวันฉันโดนจับกลุ่มนินทา เรื่องไอ้บอดี้การ์ดนี่ทั้งวัน บางคนก็บอกว่าฉันทำตัวเกินเจ้าของบริษัท แล้วฉันเลือกอะไรได้ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้อยากให้มันวุ่นวายแบบนี้” “เอาเถอะ ไปรับของขวัญเถอะ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” ครืดดดดด เสียงเปิดประตูของรถตู้ที่ขับมาจอดเทียบฉันกับบอส ทำให้เราทั้งคู่หันไปมอง ชายหนุ่มที่ฉันไม่อยากเจอเดินลงมาจากรถ ทำให้ฉันต้องหนีไปหลบหลังบอส ขอโทษนะคะบอสที่ทำให้วุ่นวาย “เซียงเซียงขึ้นรถ เราจะไปรับลูกด้วยกัน” คุณชลมองฉันด้วยสายตาไม่พอใจที่ฉันเอาบอสมาบังเอาไว้ แต่ฉันไม่อยากไปกับเขาอะ “ไม่!!! ฉันจะไปกับบอส!!!! ไม่ไปกับคุณหรอก” ฉันพยายามที่จะดึงมือของบอสไปขึ้นรถ แต่โดนพวกบอดี้การ์ดขวางเอาไว้อีก “ชลลลล นี่นะเหรอคุณเซียงเซียง ที่ชลบอกว่าเป็นแม่ของน้องของขวัญ น่ารักจังเลย” เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนหลังกลับไปมอง ใครอะ!!! ผู้หญิงสวยที่ใส่ชุดสีฟ้าสดใส รอยยิ้มหวาน ที่ยิ้มให้ฉัน มายิ้มให้ทำไม?? รู้จักกันเหรอ “ครีม กลับมาแล้วเหรอ” “คิดถึงจังเลยอชิ อชิเป็นเจ้านายของคุณเซียงเซียงเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นรู้จักบอสของฉันด้วยเหรอ แต่คำถามของเธอคนนั้น ทำให้บอสโอบไหล่ของฉันให้มาเจอผู้หญิงคนนั้นชัด ๆ สวยกริ๊งเลยแฮะ แถมเกาะแขนคุณชลแบบนี้แสดงว่าสนิทกันมาก แต่บอสโอบไหล่เราแบบนี้ มันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันแฮะ “ใช่ เราจีบมาริสาอยู่……” “ตอนนี้คบกันแล้วค่ะ” ฉันควงแขนของบอสตรงนั้นเลย “ไปรับลูก!!!” คุณชลตะคอกดัง แล้วลากแขนฉันฉันไปขึ้นรถ บอสที่พยายามจะช่วยก็ติดบอดี้การ์ด บ้าบอ!!!! “ไม่ไป!!!! ปล่อยสิ!!!!” ฉันพยายามสะบัดมือออก แต่กลับโดนพวกคนที่ตามคุณชลมา ไล่ดันจนเข้าไปในรถ แม้สายตาจะมองขอความช่วยเหลือจากบอส แต่เขาเองก็โดนบอดี้การ์ดขวางเอาไว้ “ไอ้ชล…..” บอสตะโกนพร้อมกับประตูรถตู้ที่ปิดลง โอ้ยยยยยย อะไรนักหนาวะ ฉันเดินไปนั่งหลัง เพราะหงุดหงิดที่ตัวเองโดนจับตัวมาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาสองคนนั่งข้างเบาะหน้าไป “ชล ฉันดีใจจังจะเจอลูกแล้ว ลูกจะรอฉันไหม ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลย” หญิงสาวคนนั้นพูดคุยกับคุณชลอย่างเป็นกันเอง ผิดกับฝ่ายชายที่เหมือนจะไม่อยากคุย แต่หันมามองหน้าฉันแทน ว่าแต่พูดว่าลูก แสดงว่าแม่ของน้องอัณณ์!!!! เหรอ ผู้หญิง!!!! ที่ทำให้เราเลิกกัน!!!! ไม่สิ ผู้หญิงที่ทำให้ฉันเห็นความชั่วร้ายของผู้ชายคนนั้น เออ รวมบรรดาเมียอย่างงั้นเหรอ อยากเปิดกระจกรถแล้วโดดลงไปเลยจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นสวยแบบนี้นี่เองถึงทิ้งฉัน “เซียงเซียง” คุณชลเรียกฉัน แต่ฉันไม่ได้อยากคุยกับเขา เลยทำเมินเสียงที่เรียก มีเขาอยู่แล้วมาเรียกฉันทำไม “ชล น้องเขาอาจจะโกรธ ก็ชลไปแย่งตัวเขามาจากแฟน” เออ คิดแทนฉันอีก “แฟนอชิที่ไหน เมียฉัน” เสียงที่เน้นชัด บ่งบอกถึงความชัดเจน มันทำให้ฉันอึ้งนิด ๆ ทำไมรู้สึกอยากจะยืดอกด้วยความสะใจนะ คุณชลเดินมานั่งกับฉันที่เบาะหลัง ทิ้งผู้หญิงคนนั้นมาเลย อะไร เลือกฉัน ฉันก็ไม่รู้สึกดีหรอก ฉันชำเลืองตามคุณชล ที่ดันฉันไปหลังเบาะที่มีเบาะหน้าบังเอาไว้อยู่ อะไร!!!! ดันฉันมาแอบทำไม “เงียบเอาไว้นะ คนนั้นคือแม่ของอัณณ์ ช่วยฉัน” เสียงกระซิบที่ข้างหู มันทำให้ฉันเอี่ยวตัวหลบ แต่โดนคุณชลกอดเอาไว้ “ทำไมฉันต้องช่วยด้วย!!!!” ฉันพยายามจะดันเขาออก แล้วพูดให้เบาที่สุด เหมือนคนที่กระซิบคุยกัน แต่สาดอารมณ์ใส่กันเต็ม ๆ พอฉันผลัก คุณชลก็ยิ่งกอด เสียงเบาะที่กระทบกับเนื้อหนังที่กระแทกโดนกัน มันไม่ต่างจากคนที่ทะเลาะกัน ใช่ เพราะเราตีกันอยู่ เขาพยายามจะกอด แต่ฉันพยายามจะผลัก “ไม่ช่วย คืนนี้ฉันปล้ำแน่ ๆ ให้เธอเป็นเมียฉันจริง ๆ ไง” นี่มันข่มขู่กันชัด ๆ ฉันตีที่ไหล่ของเขา อีตาบ้านี่ “คุณชล!!!! อย่าทำแบบนี้” ฉันพูดออกมา เหมือนจะงอนเขา แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ที่ยอมช่วย เพราะอยากจะต่อรองที่จะหนีจากไอปีศาจนี่สักที “หายโกรธก่อน อย่าประชดว่าจะไปคบคนอื่นได้ไหม” คนที่ตอบตามน้ำพูดขึ้นมาเสียงดัง ดังพอที่เบาะหน้าจะได้ยิน “เขาแสนดีมากนะ ดีจนฉันอยากจะใจอ่อน ดีกว่าคุ…..อื้ออออออ” ริมฝีปากของฉันโดนปิดด้วยปากของเขาเอง ลิ้นหนาสอดผ่านริมฝีปากของฉันเข้ามาในตอนที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว แม้จะพยายามดิ้นแต่เขาดันฉันจนหลังติดกับกระจกของรถ ทำให้หนีไปไหนไม่ได้ จากที่ดิ้นอยู่ แต่ลิ้นที่ดุลอยู่มันกลับทำให้แรงมันหายไป “อื้อออออ อื้มมมม ปล่อย คุณมีเขา สักวันก็ต้องทิ้งฉัน จะมาทำแบบนี้ทำไม” ฉันชี้ไปที่ผู้หญิงที่นั่งเบาะหน้า “หึงเหรอ” “ไม่ได้หึง แต่เกลียด เกลียดเข้ากระดูกดำ เกลียดที่สุด….” ฉันกดเสียงต่ำบอกความรู้สึกที่อยู่ในใจ แต่โดนริมฝีปากประกบลงมาอีก บทจูบที่เร่าร้อนกับมือที่พยายามลูบไล้เอวคอดแล้วไล่สูงขึ้น “อ้าาาาา ยะ..หยุดดด นะ” มือใหญ่พยายามดึงชายเสื้อเชิ้ตของฉันออกมาจากกางเกงขายาวที่ใส่อยู่ แล้วสอดมันเข้ามาเพื่อสัมผัสกับอกอวบของฉันเบา ๆ ไม่ไหววว แบบนี้มัน “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเซียงเซียง ตาเยิ้มเชียว” ริมฝีปากที่กระซิบอยู่ข้างหู เปลี่ยนมางับใบหู แม้จะพยายามหนี แต่มันดันเสียวจริง ๆ เนี่ยสิ “อื้อออออ ซี้ดดดดด หยุดดดด อื้อออ” ครืดดดดดด~* เสียงเปิดประตูรถ ทำให้สติของฉันกลับมา!!! แล้วดันเขาออก ฉันมองสายตาคู่ตรงหน้าในความรู้สึกที่หลากหลายมาก ๆ โกรธไหมโกรธ แต่ตอนนี้ความไม่เข้าใจมันเต็มในหัวไปหมด “ชล ไปรับลูกกันเถอะ” เสียงจากผู้หญิงคนนั้น ทำให้ฉันจะต้องยุติความสงสัย แล้วผลักเขาออก เพื่อไปรับของขวัญ ทันทีที่เดินผ่านผู้หญิงคนนั้น เธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ฮึ ๆ ชลเนี่ยน้า ยังง้อวิธีเดิมตั้งแต่สมัยก่อนเลย” ประโยคธรรมดา แต่มันทำให้ฉันรู้สึกว่ายัยนี่จะโชว์ความเหนือกว่า “เซียงเซียง” เสียงเรียกจากคนที่เดินลงรถตามฉันมา ทำให้ฉันหยุด หยุดเพื่อที่จะหันไปด่า!!!! แต่เขากลับจัดการเสื้อผ้าของฉันให้เข้าที่เข้าทาง ติดกระดุมเสื้อ จัดเสื้อให้มันตรง จับผมให้เรียบ ๆ มันทำให้ฉันมองการกระทำของเขาไม่วางตา ความพอใจเกิดขึ้นในจิตใจ ไม่ใช่รู้สึกดี แต่พอใจที่ผู้หญิงคนนั้นมองเราอยู่ “ไปรับลูกเถอะ” ฉันเดินไปรับของขวัญกับน้องอัณณ์ สายตาที่น้องอัณณ์คนเป็นแม่ มันไม่ใช่ดีใจ แต่กลับรีบวิ่งกลับมาหาพ่อแทน ฉันมองหน้าคุณชลที่ไม่ได้สนใจจะสงสารคนเป็นแม่ของลูกด้วยซ้ำ “พ่อใครอะ” “อัณณ์คร้าบ นี่แม่ไง แม่ครีม แม่กลับมาหาหนูแล้วนะ” ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามากอดอัณณ์ แต่อัณณ์กลับดันผู้หญิงคนนั้นออก แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นแทบจะร้องไห้เลย “ม้า ม้า วันนั้น คุงครู ให้วาดรูปบ้างของฉัน ของขวัญวาด นี่ ๆ” ของขวัญเปิดกระเป๋า แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาโชว์ฉัน ที่มี ป๊า ม้า ตัวเธอ และเด็กผู้ชายอีกคน น้องอัณณ์ “สวยจังเลย” ฉันอยากจะพูดว่าบ้านของเรา มีแค่หนูกับม้า แต่ความสวยงามในความคิดของลูก มันทำให้ฉันไม่อยากทำลายความสวยงามนั้น “หนูต้องวาดคงนั้นด้วยมะคะ” ฉันจะตอบยังไงดีกับคำถามของเด็กหญิงตัวเล็ก ฉันหันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งที่ตอนนี้เหมือนจะร้องไห้ “กลับบ้านเถอะ อัณณ์ร้อน อยากกินข้าว อยากกินเค้กแล้ว” อัณณ์ลากแขนของขวัญขึ้นรถ ตอนนี้อัณณ์เองก็คงจะสับสน ทันที ที่เด็กสองคนพ้นสายตาไป คนที่เงียบมานาน ก็พูดขึ้นมา “เห็นแล้วนะ ลูกไม่ได้รอเธออีกแล้ว กลับไปได้แล้วครีม” คุณชลพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ มันยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารไปอีก แต่…สมน้ำหน้า “ลูกอาจจะแค่ยังตั้งตัวไม่ทัน ชลต้องให้เวลา ยังไงครีมก็เป็นแม่นะ” “ไปเถอะเซียงเซียง กลับบ้านกัน ของขวัญต้องได้กินเค้ก ไม่งั้นเดียวร้องไห้อีก” คุณชล เมิน เมินผู้หญิงคนนั้นเลย โอ้ยยยยย จะสะใจหรือสงสารดีนะ อย่าถามหาคนดี เพราะสิ่งที่ฉันต้องเจอในตอนที่ถูกทิ้ง ทำให้ฉันเป็นคนดีไม่ลง สายชล Say :: ผมมองผู้หญิงสองคนที่ดูแลลูกในแบบที่ต่างกัน อยากจะบ้าตายจริง ๆ ผมหันมองหน้าไอ้พลที่หัวเราะคิกคัก มึงหัวเราะอะไร กูเครียดจะตายอยู่แล้ว “เมียสอง เท่นะครับ” “กูไม่ตลก ไม่รู้ทำไมกูถึงมีความรู้สึกว่า ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ กูจะทำให้เซียงเซียงเสียใจนะ ก็จะทำยังไงให้ครีมไม่เอาอัณณ์ไป มึงก็รู้ว่าถ้าฟ้องสิทธิ์เลี้ยงดู กูก็อาจจะแพ้” ผมไม่อยากจะเสียอัณณ์ไป ความสัมพันธ์ในบ้านมันกำลังดี ตั้งแต่มีเซียงเซียงเข้ามา “ถ้าเด็กโตมากพอ เด็กจะเลือกได้ ว่าจะอยู่กับใครนะครับ” “ใช่ไง กูถึงจะต้องมั่นใจ ว่าอัณณ์จะอยากอยู่กับกู” ผมเดินไปหาอัณณ์ที่กำลังเล่นกับของขวัญ ของขวัญเองก็ดูไม่ได้ต่อต้านครีมเลย ช่างเป็นเด็กที่เข้ากับคนง่ายเกินไปแล้ว “ป๊า ม้าบอกว่าให้ของขวัญ มาบอกว่า หนูอยากกลับบ้านนนน” ประโยคที่แสนจะไร้เดียงสาของของขวัญทำให้ผมหันไปมองคนที่กุมขมับ หึหึ คิดจะหลอกลูกมาพูดเหรอ ฝันไปเถอะ “ของขวัญไม่อยากอยู่กับป๊ากับพี่อัณณ์เหรอ” ผมถามลูก “ของขวัญคิดถึงอาม่า” ประโยคของลูก ทำให้แม่ปรบมือเสียงดังเกินหน้าเกินตา ชัดมากเลยนะเธอเนี่ย “ชล ครีมคิดว่า จะขอค้างที่นี่ ครีมอยากนอนกับลูก” ครีมพยายามยัดเยียดตัวเองให้ลูก “ถามลูกหรือยัง” “ฉันไปนั่งคุยกับป้าส้มดีกว่า ตามสบายนะ ครอบครัวสุขสันต์ คุณควรจะดีกับเขา แล้วปล่อยฉันไป” เซียงเซียงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินจากไป ทุกอย่างมันกำลังดีอยู่แล้วเชียว อีกด้าน “แย่แล้วสิ เมียสองมาอยู่ในบ้าน เหมือนประวัติศาสตร์มันกำลังจะซ้ำรอยเลย แล้วแบบนี้คุณชายของป้าจะเลือกใครละทีนี้ ช่างน่าอึดอัดจริง ๆ เลยในบ้าน” ส้มมองบรรยากาศของบ้าน ที่ตอนนี้มันช่างเหมือนประวัติบ้าน ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนจะไล่ปิดไฟในบ้านเตรียมจะเข้านอน แต่ทันทีที่จะปิดไฟที่ห้องครัวกลับเจอเด็กชายตัวเล็กนั่งกอดเข่าเงียบ ๆ ในบ้าน “ตายจริงง!!!! คุณหนูอัณณ์!!! ทำไมมานั่งเงียบ ๆ คนเดียวตรงนี้คะ” “อัณณ์ไม่อยากนอนกับแม่” “งั้นก็ไปนอนกับคุณหนูของขวัญ กับคุณพ่อสิคะ” “พ่อรักน้อง ไม่รักอัณณ์” คำตอบของคนเป็นคุณหนู ทำให้ส้มต้องรีบโอบปลอบเด็กชาย “คุณพ่อรักคุณหนูมากนะคะ คุณหนูทำไมไม่ถามคุณพ่อตรง ๆ บางครั้งนะคะคุณหนู ความรักมักอยู่ในใจคุณหนูไม่รู้สึกแต่ใช่ว่ามันจะไม่มี ตอนนี้คุณพ่อ ก็พยายามจะไปรับไปส่งแม้จะทำงานยุ่งใช่ไหมคะ คุณพ่อเองก็พยายามเพื่อคุณหนูอยู่นะ คุณหนูเองก็ต้องพยายาม” ส้มพาคุณหนูอัณณ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านใหญ่ แล้วไปส่งที่ห้องนอนใหญ่ที่ห้องใหญ่ ที่ตอนนี้ยังไม่มีใครนอน ไฟในห้องยังเปิดสว่างจนลอดช่องใต้ประตูออกมา ความประหม่าของเด็กชายพยายามจะเดินกลับแต่โดนส้มจับเอาไว้ แล้วเคาะห้องเรียกคนในห้อง “ป้าอัณณ์ไปนอนกับน้องดีกว่า” แต่มันกลับไม่ทันแล้ว คนในเปิดประตูห้อง ภาพน้องที่ร้องไห้ ภาพน้าเซียงเซียงของเด็กชายกำลังปาดน้ำตา ทำให้อัณณ์เองเดินเข้าไปในห้องอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ประตูที่ปิดลงทำให้เด็กชายไม่มีทางหนี “ขออัณณ์นอนด้วยได้ไหม” ประโยคของอัณณ์ทำให้ของขวัญเดินมากอดคนเป็นพี่ชาย “หนูไม่ต้องนอนคนเดียว พี่อัณณ์ทิ้งของขวัญ ป๊าม้าทะเลาะกัน ของขวัญเสียใจ” คำตอบของลูกสาวทำให้พ่อและแม่มองหน้ากัน แล้วต้องพักเรื่องในใจ แล้วดึงเด็กชายและเด็กหญิงมากอดเอาไว้ เพราะตัวเองทำเรื่องที่ไม่ควรทำต่อหน้าเด็กไปแล้ว “ทะเลาะที่ไหนล่ะลูก ม้าไม่ได้ทะเลาะกับป๊านะ แค่คุยกันเสียงดังลูก มา ๆ มานอนด้วยกันทั้งหมดนี่เลยเตียงใหญ่จะตาย เนอะ พี่ชล” เซียงเซียงหันไปขอความร่วมมือจากคนเป็นพ่อของเด็ก “จริงงง มาไอ้หนู นอนกัน” เตียงนอน 6 ฟุต ถูกจัดให้นอนเรียงกัน 4 คน แม้จะไม่ได้กว้างมาก แต่ทำให้เด็กทั้งสองคนนั้นอุ่นใจ กับบทสนทนาที่คุยกันก่อนจะนอน ความอบอุ่นค่อย ๆ ละลายความแข็งกระด้วงในใจของเด็กชาย ที่ตอนนี้แม้จะบ่นอึดอัด แต่ก็แสนจะมีความสุขเหลือเกิน ในเวลาต่อมา “พี่ พี่อัณณ์ หนูนอนไม่ไหว อึดอัด” ของขวัญสะกิดพี่ชายที่นอนข้าง ๆ “ไปนอนห้องเราไหม พ่อนอนดิ้น พี่หลับไม่ได้เลย” อัณณ์ที่หลับไม่สนิทลุกขึ้นมานั่ง แล้วพยักหน้าให้น้องสาวน้อย ๆ แล้วพากันกลับไปนอนห้องฝั่งตรงข้าม ที่เคยเป็นห้องนอนของตัวเองกับน้องสาว ทิ้งให้พ่อกับแม่ นอนกันไปสองคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD