บทที่ 5 นามของชายแปลกหน้า 2

1223 Words
บทที่ 5 นามของชายแปลกหน้า 2 ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยต่ำ ท้องนภากลายเป็นสีเทาทะมึน ท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี เสียงหริ่งเรไรร้องระงมผสานเสียงลมพัดหวีดหวิว นางอึกอักอ้ำอึ้ง ช้านาน... ก่อนจะเอ่ยถามแผ่วๆ ว่า “ท่านมีนามว่าอะไรหรือ” ถ้าคิดจะร่วมทางจำเป็นต้องรู้จักชื่อของกันและกันก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะเรียกเขาว่าอะไรล่ะ ชายหนุ่มมิได้ตอบว่ากระไร เอาแต่มองไปข้างหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น ทำราวกับว่าคำถามของนางเป็นเพียงสายลมพัดผ่านหู กุ้ยหลินก้มหน้างุด ขบริมฝีปากแน่น ใบหน้าเรียวเล็กค่อยแดงเรื่ออย่างห้ามมิอยู่ นอกจากนางจะขี้ขลาดตาขาวแล้ว นางยังหน้าบางอีกด้วย หญิงสาวสูดหายใจลึกยาว พร้อมลอบมองปฏิกิริยาของเขาอีกครั้งพลางเอ่ยว่า “ข้ามีนามว่ากุ้ยหลิน มิทราบว่านามของท่านคือ...” นางนิ่งรอคำตอบ แต่ก็ยังมีแต่ความเงียบปกคลุมรอบด้าน ไม่เอาน่า ทั้งที่ก่อนหน้าเขาทำให้นางอกสั่นขวัญแขวนแท้ๆ จู่ๆ เขาจะมาเป็นคนใบ้ในเวลานี้ไม่ได้นะ อย่างน้อยเขาต้องสนทนากับนางบ้างสิ นางชักสงสัยแล้วว่าคนผู้นี้มีปัญหาอะไรกับนางหรือไม่ ถ้าหากไม่ชอบนางแล้วจะมาช่วยเหลือนางทำไมเล่า “ข้ากำลังถามท่านอยู่นะ ท่านจะไม่พูดกับข้าหน่อยหรือ” ไม่เพียงพูดเปล่า นางเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของชายหนุ่มหมายให้เขาหันมาสนใจกับนางบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำสีหน้าถมึงทึงราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต ทว่าเสี้ยวพริบตาประกายดาบสั้นวาบออกจากฝัก แล้วพาดอยู่บนลำคอขาวผ่อง ความหนาวเยือกเกาะกุมในใจนางอีกครั้ง กุ้ยหลินชะงักนิ่งอยู่กับที่ กระทั่งลมหายใจยังสะดุด นึกไม่ถึงเขาจะใช้ดาบสั้นเล่มนั้นข่มขู่นางอีกแล้ว! หญิงสาวพยายามตั้งสติระงับความตื่นตระหนก กะพริบขนตางอนยาวเพื่อขับไล่หยาดน้ำอุ่นที่คลอหน่วยอยู่กลางดวงตาคู่งาม นางทำใจอยู่นานกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ “ทำ... ทำไมท่านต้องเอาดาบมาขู่ข้าอยู่เรื่อย” ในใจนางภาวนาขออย่าให้ดาบสั้นเล่มนั้นกดลึกลงไปมากกว่านี้ จนทำให้ลำคอของนางบังเกิดบาดแผล “ข้าแค่ต้องการทราบชื่อของท่านเท่านั้น ไยต้องทำเหมือนว่าข้าจะฆ่าท่านด้วยนะ” สิ้นประโยค นางใช้นิ้วชี้ดันดาบสั้นให้ออกห่างจากลำคอ มิคาด ด้วยความที่ตนเป็นคนไม่ระวังเป็นทุนเดิม นางเผลอแตะโดนคมดาบเข้า ปรากฏเป็นรอยแผลหนึ่ง มีหยาดโลหิตไหลซึมออกมาให้เห็น “อ๊า!” นางอุทาน ขมวดคิ้วมุ่น บุรุษหนุ่มหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง คิ้วดกหนาขมวดแน่น ก่อนจะชักดาบสั้นกลับ ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อตน ผ้าเช็ดหน้าขาวพิสุทธิ์ ไร้ลวดลายซับลงบนปลายนิ้วชี้ของนางอย่างแผ่วเบา หลังจากเขาช่วยซับเลือดให้นางเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ กุ้ยหลินถึงแบมือทั้งสองข้างออก พิศมองอยู่นาน ก่อนจะพูดว่า “ที่แท้ท่านก็รักสะอาดนี่เอง ข้าขออภัยท่าน เมื่อครู่ข้าไม่มีเจตนาอื่นใด และไม่ควรเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต” แม้นางตระหนักดีว่า คมดาบบาดลึกลงปลายนิ้วชี้ กระนั้นนางกลับรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในช่วงอก หรือเหตุหนึ่งที่บุรุษผู้นี้ไม่พอใจเพียงเพราะการกระทำบุ่มบ่ามของนาง ถึงนางยังไม่อาบน้ำแต่ใช่ว่านางจะสกปรก ไม่จำเป็นต้องรังเกียจนางถึงขนาดนั้นเลยนี่ ดวงตาคมเพ่งพินิจมองนางอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยสั้นๆ ว่า “เย่าไป๋” นางไหนเลยจะตั้งหลักกับคำพูดสั้นๆ ของอีกฝ่ายทัน ได้เพียงแต่ทำสีหน้าฉงนสงสัย “ข้ามีนามว่าเย่าไป๋” คราวนี้ชายหนุ่มเอ่ยผ่านน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าเคร่งเครียด นางกะพริบตาปริบ ทวนชื่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า “เย่าไป๋ เย่าไป๋ ข้าจำได้แล้ว... อ้อ! ท่านเย่าไป๋ ตะวันตกดินนานแล้ว อีกอย่างข้ารู้สึกเหนื่อยมากด้วย พวกเราหาโรงเตี๊ยมพักก่อนดีหรือไม่” ฟ้ามืดนานแล้ว นางควรจะหาที่พักใกล้ๆ อีกอย่างถึงเขาจะรังเกียจนาง แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำแผลให้ ที่สำคัญไปกว่านั้น นางกับเขาไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงต่อกัน เขาคงไม่คิดจะฆ่านางจริงๆ หรอกกระมัง สู้ทำตัวเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีต่อกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ ดวงตาเย็นชากวาดมองไปรอบตัวคล้ายสำรวจตรวจตรา ไม่นานเขาก็เดินนำหน้านางไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง “นี่...” นางทำท่าจะกระตุกชายแขนเสื้อของบุรุษอีกครั้ง แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้จึงรีบดึงมือกลับ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มกระตุกคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามโดยสายตายังมองตรงไปข้างหน้า “มีอะไร” “จากที่นี่เดินทางไปเขาหมื่นพิษต้องใช้เวลาหลายวันใช่หรือไม่ ท่านกับข้าก็จัดได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมทางกันแล้ว ดังนั้นท่านต้องคอยปกป้องข้านะ” จะว่านางได้คืบจะเอาศอกก็ได้ ให้อย่างไรนางก็ลืมเหตุการณ์ที่เหอหญงเต๋อลอบวางยานอนหลับนางมิได้จริงๆ บุรุษมิได้ตอบว่ากระไร ทำท่าคล้ายกับว่าเสียงของนางเป็นเพียงเสียงของสัตว์ตัวเล็กๆ กุ้ยหลินส่งสายตาค้อนประหลับประเหลือก เดินตามหลังอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมทางกันแล้ว ท่านอย่าลืมข้อนี้ล่ะ” นางพูดเสริมอีกประโยคโดยไม่สนใจสายตาเย็นชาคู่นั้น และไม่สนใจด้วยว่าเขาจะฟังหรือไม่ ภายในโรงเตี๊ยม ทันทีที่เสี่ยวเอ้อร์ลำเลียงน้ำร้อนเข้ามาเตรียมไว้สำหรับให้นางอาบ กุ้ยหลินรีบแกะห่อผ้าปักใบเล็กที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา นางนำเม็ดยาสีน้ำตาลอ่อนขนาดเท่ามูลหนูใส่ลงไปในถังน้ำร้อนสองเม็ด กลิ่นเกสรดอกไม้หอมตลบอบอวลทั่วห้องพร้อมเม็ดยาที่ค่อยๆ ละลาย จากนั้นค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างอดใจรอไม่ไหว แล้วหย่อนตัวลงไปแช่น้ำร้อนผสมเกสรสมุนไพร อืม... นับว่าความรู้เรื่องการใช้เกสรในทางรักษาของนางก้าวหน้าไปอีกขั้น ไม่เพียงเม็ดยาจะช่วยบรรเทาอาการตื่นตระหนกแล้ว ยังช่วยขับไล่อาการปวดเหมื่อยตามร่างกายได้ดีอีก นางไม่เคยเดินทางไกลมาก่อนจึงต้องหาวิธีผ่อนคลายความเหมื่อยล้า โชคดีที่นอกจากจะพกยาพิษมาแล้วนางยังพกสมุนไพรที่เพิ่งเรียนรู้มาสามสี่ชนิด กุ้ยหลินนั่งพิงถังไม้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ความเหนื่อยล้า ความกังวลที่มีก่อนหน้าพลันทลายหายไปสิ้น นางหลับตาพึมพำ “คราวนี้ใครจะหาว่าข้าสกปรกมิได้แล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD