หลังจากแยกย้ายกับเสี่ยวิชัย ฉันนั่งอยู่ในผับแห่งหนึ่ง นั่งดื่มคนเดียว นั่งคิดถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ซึ่งมันพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ฉันเป็นเด็กบ้านนอกที่เข้ามาเรียนในเมืองกรุง กรุงเทพมันเป็นความแปลกใหม่ของเด็กต่างจังหวัดอย่างฉัน เเสงสีเมืองหลวงทำให้ฉันตื่นเต้นเร้าใจ ฉันรู้จักเพื่อนซึ่งต้องเรียกว่าเพื่อนกินเพราะฉันไม่ได้รู้สึกถึงความจริงใจที่เพื่อนของฉันส่งมาให้เลย ฉันเที่ยวกลางคืน กินเหล้าเมามาย ใจแตกเรื่องเที่ยว คืนนี้ออกไหนขอให้บอกฉันไม่พลาด ฉันชอบเที่ยวชอบมาก ๆ ตอนกลางคืนมันเป็นเวลาที่สวยงาม แต่ถึงชอบเที่ยว ฉันก็ไม่ได้รักใคร ไม่ได้มั่วผู้ชาย ความตั้งใจของฉันคือไปเที่ยวก็คือไปเที่ยวกินเหล้าเก็บบรรยากาศจริง ๆ สิ่งเดียวที่คงอยู่คือความบริสุทธิ์ที่ยังไม่มีใครได้แตะ ชีวิตฉันดำเนินเเบบนั้นไปเรื่อย ๆ เช้าไปเรียน กลางคืนออกเที่ยว
กระทั่งวันหนึ่งมีสายของเเม่ฉันโทรเข้ามาในเวลากลางคืน ขณะที่ฉันกำลังจะออกเที่ยว ซึ่งปกติแม่ฉันจะโทรมาช่วงหัวค่ำเท่านั้น หลังสองทุ่มแม่ไม่โทรมาแล้ว
(โม ฮือ ฮือ ฮือ) ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร แม่ก็เรียกชื่อฉันแล้วร้องไห้
“แม่ร้องไห้ทำไม ใครเป็นอะไร” ฉันเอ่ยถามอย่างร้อนรน แม่โทรมาร้องไห้แบบนี้ ต้องมีใครเป็นอะไรแน่ ๆ
(ไอ้มาย ไอ้มายมันรถคว่ำลูก ฮือ...) มายน้องชายของฉันอายุ 17 ปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เพิ่งจะรู้จักคำว่าวัยรุ่น ชอบซิ่งรถเป็นชีวิตจิตใจกับรถนี่มายมันซิ่งตั้งแต่อายุ 14
“แม่ แม่ใจเย็น ๆ นะ มายมันยังไงบ้างแม่ ปลอดภัยแล้วใช่ไหม” นักซิ่งถนนในหมู่บ้าน ความแรงของรถที่นักบิดเด็กน้อยจัดเต็ม อาการของน้องฉันต้องหนักแน่ ๆ ไม่งั้นแม่คงไม่ร้อง เพราะใช่ว่าน้องชายฉันมันจะซิ่งแล้วไม่เคยล้มไม่เคยคว่ำ
“มายมันขี่รถตกคลอง ทำให้น้ำเข้าไปในสมอง หมอบอกน้องต้องผ่าตัดสมองลูก ฮือ...ฮึก” โถ่ น้องชายของฉัน อายุยังน้อยแท้ ๆ ขอร้องเถอะอย่าให้มันเป็นอะไรเลย ไม่งั้นพ่อแม่ฉันได้ตรอมใจแน่
“ผ่าเลยสิเเม่” ในเมื่อมีทางรักษาเราก็ต้องเลือก
“โม...ค่าใช้จ่ายมันสูงมากลูก เงินที่บ้านเรามันไม่พอ จะไปขอหยิบยืมใครมันก็คงไม่ทัน เงินตั้งเยอะแยะใครเขาจะให้เรา ฮือ...ทำยังไงดีลูก แม่มองไม่เห็นทางออกแล้ว” เดิมทีครอบครัวฉันไม่ได้ร่ำรวย ฐานะแค่พอมีพอกิน ไม่ได้เดือดร้อนถึงขนาดต้องหยิบยืมคนอื่น พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทางออกจึงมองไม่เห็น
“ให้หมอผ่าตัดเลยแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้โมจะโอนเงินไปให้นะแม่” ฉันพูดไปแบบนั้นทั้งที่เงินในบัญชีมีเหลือไม่กี่พัน มันเป็นเงินที่แม่โอนมาให้ช่วงต้นเดือนนั่นแหละ
“โม โมมีเงินเหรอลูก มันเงินห้าแสนนะโม” แม่ถามฉันด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล ก็จริงอย่างที่แม่พูด ฉันไม่มีเงินข้อนี้แม่รู้ดี
“โมจะหาให้ได้ แม่ให้หมอผ่าตัดน้องเลย” ฉันย้ำแม่อีกรอบทั้ง ๆ ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างเลยสักนิด
“แม่ขอโทษ ฮือ...ขอโทษที่ทำให้โมต้องลำบากนะลูก” แม่พูดไปร้องไห้ไป แม่กำลังเสียใจเรื่องมาย และคงเครียดที่ฉันต้องหาเงิน แม่เลี้ยงให้ฉันสบายมาตลอด ไม่เคยลำบากอะไรเลย มาวันนี้แม่คงเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“แม่จ๋า แม่ฟังโมนะ โมสบายมามากพอแล้ว แม่ไม่ต้องคิดมาก พ่อกับแม่ดีกับโมทุกอย่าง หลังจากนี้โมจะดูแลพ่อแม่เอง” ฉันพ่นคำพูดที่แสนจะเป็นนางเอก ทั้งที่สมองยังคิดหาทางออกไม่เจอ
“แม่รักโมนะ ขอบคุณที่ทำเพื่อน้อง”
“โมก็รักแม่ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้โมจะโอนเงินให้” ฉันกดวางสายของแม่ นั่งคิดว่าจะเอายังไงดี จะทำยังไงให้ได้เงินมาในเวลาอันเร่งรัดแบบนี้ ซึ่งวิธีได้เงินอย่างรวดเร็วก็คงเป็นทางลัด
สุดท้ายฉันก็พาตัวเองมานั่งร้านเหล้าที่ฉันมานั่งบ่อยที่สุด
“ไง อีโม อาการไหนทำไมนั่งคนเดียวเพื่อนมึงหายไปไหนหมด” เจ้เกลียว เจ้าของร้านเหล้าเพื่อนรุ่นใหญ่ของฉัน เจ้เกลียวเป็นคนเดียวที่ฉันรู้สึกถึงความจริงใจที่แกมีให้
“เบื่อ เครียดเลยมาคนเดียว” ฉันบอกเจ้เกลียวเพราะอยากระบายกับใครสักคน อยู่ที่ก็มีแค่เจ้เกลียวที่รับฟังจริง ๆ
“หน้าอย่างนี้ ปัญหาหนักชัวร์” คงเป็นเพราะฉันแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปล่ะมั้ง เจ้เกลียวถึงดูออกหรือไม่เจ้ก็เก๋าประสบการณ์
“ต้องการเงินว่ะเจ้ แม่โทรมาบอกว่าน้องรถคว่ำต้องผ่าตัดด่วน” แล้วฉันก็เลือกที่จะเล่าให้เจ้เกลียวฟังเผื่อแกจะช่วยฉันได้
“เท่าไหร่ เอาของกูไปก่อนไหม”
“จำนวนเงินมันเยอะ ไม่เอาดีกว่า โมไม่รู้จะหามาคืนเจ้ยังไง โมต้องการหาเงินเอง ไม่อยากเดือดร้อนใคร เจ้มีงานให้โมทำไหม เอาแบบได้เงินพรุ่งนี้เลย” เจ้เกลียวคงเข้าใจความหมายของฉันดี งานอะไรที่จะทำให้ได้เงินดีได้เงินเร็ว
“มึงจะขายเหรอ?”
“มันคงเป็นทางเดียวที่จะหาเงินได้ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้วไง” ฉันอธิบายเหตุผลของความน่าจะเป็นให้เจ้เกลียวฟัง อยากได้เงินเร็วมันก็ต้องมีอะไรไปแลกเงินเขา
“คิดดีแล้ว?”
“อืม โมตัดสินใจแล้ว”
“ถ้ามึงเลือกแล้ว กูก็จะช่วย มึงยังซิงอยู่ไหม”
“กูยังซิงเจ้ เห็นกูแบบนี้ก็เถอะ กูยังไม่เคยมีผัวค่ะ” ไม่แปลกที่ใคร ๆ จะมองว่าฉันมั่วเพราะภาพลักษณ์ที่ฉันสร้างขึ้นมันเป็นแบบนั้น
“แม่มึงต้องการเงินผ่าตัดเท่าไหร่”
“แม่บอกว่าห้าแสนว่ะ” ฉันบอกจำนวนเงินที่ได้ยินจากแม่ให้เจ้เกลียวฟัง เจ้เกลียวกดโทรศัพท์ไปมา สักพักเงยหน้ามองฉันพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้ฉันดู ทำให้ฉันเห็นรูปผู้ชายคนหนึ่ง ดูทรงแล้วน่าจะอายุมากกว่าฉัน
“นั่นน่ะ ‘ป๋าพงษ์’ ป๋าแกจะไปเที่ยวเกาะส่วนตัว 7 วัน ป๋าต้องการเด็กไปค้างด้วย กูเลยแนะนำมึงไปพร้อมบอกว่ามึงยังสด ป๋าเขาสนใจมึง เขาจะให้มึง 7 แสน ทันทีที่มึงตกลงเงินจะเข้าบัญชีมึง 5 แสน หลังจากเสร็จงานจะเข้าอีก 2 แสน มึงจะไปไหม” เจ็ดแสนเหรอ ความบริสุทธิ์ของฉันขายได้เจ็ดแสนแลกกับฉันต้องอยู่กับใครไม่รู้เป็นเวลา 7 วัน
“กูคงไม่มีทางเลือกหรอกเจ้...ตกลงเลย” เจ้มันหยิบโทรศัพท์ไปพิมพ์ สักพักก็เงยหน้ามาหาฉันอีก ก่อนที่โทรศัพท์ของฉันจะเเจ้งเตือนว่ามีเงินเข้า
“เงินเข้าแล้วนะ หลังจากนี้ป๋าจะมารับมึง มึงต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด เงินที่มึงได้กูไม่ได้หักเปอร์เซ็นต์หรอกนะ มึงก็เหมือนน้องสาวกู ถ้าไม่จำเป็นกูก็ไม่อยากให้มึงทำ เส้นทางนี้จะเปลี่ยนชีวิตของมึงไปตลอดกาล” เจ้เกลียวเดินเข้ามากอด ทำให้บ่อน้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างง่ายดาย เจ้เกลียวเปิดร้านเหล้าบังหน้า ความจริงแล้วแกเป็นแม่เล้าส่งเด็กให้เสี่ย เขามีภาษาเรียกเจ้เกลียวอีกแบบ แต่ฉันว่าเรียกแบบเดิม ๆ บ้าน ๆ เข้าใจง่ายดี
“ถ้าไม่เดือดร้อนเงินกูก็ไม่ทำหรอกเจ้ มึงก็น่าจะรู้นิสัยกูเป็นยังไง”
“กูรู้ไง กูถึงอยากช่วยมึง จำไว้นะโมหลังจากนี้ชีวิตมึงจะเปลี่ยนไป เตรียมรับมือไว้ดี ๆ” ถ้าเจ้เตือนมันคงจะจริงอย่างที่เจ้เกลียวบอก แต่เอาวะเป็นไงเป็นกัน ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
“กูรู้แล้วน่า ขอบคุณนะเจ้ มึงมีบุญคุณกับกูอีกแล้ว”
“ให้มึงขายตัวเนี่ยนะบุญคุณ” อีเจ้ทำหน้าเหม็นเบื่อ ฉันรู้ใจจริงมันไม่อยากให้ฉันทำหรอก แต่จำนวนเงินที่ฉันต้องการมันเยอะไง คงไม่มีวิธีไหนจะหาเงินได้เร็วขนาดนี้แล้วโดยที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น
“ทำหน้าดี ๆ หน่อย ถือซะว่าช่วยน้องชายโมไงเจ้ อย่าคิดมากเลย” ฉันส่งรอยยิ้มไปให้อีเจ้ เพราะไม่ให้เจ้มันรู้สึกผิด เรื่องนี้ฉันเป็นเลือกเอง เจ้เกลียวไม่ได้บังคับฉันสักนิด
“ดูแลตัวเองให้ดีนะ แล้วที่สำคัญนะโม มึงอย่ารักป๋าเด็ดขาด ถ้ามึงรัก มึงจะเสียใจ จำไว้!” สีหน้าเจ้เกลียวจริงจังมาก
“มึงเคยเห็นกูรักใครหรือยังล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก น้องกูนอนโคม่าที่โรงพยาบาลขนาดนั้น กูไม่มีกระจิตกระใจไปหลงรักใครหรอก”
“คิดได้แบบนี้ก็ดี”